รายงานล่าสุดจาก IDC ได้ออกมาสรุปภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนของปี 2016 พบว่าในปีนี้ Android ยังคงเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาอีก 5.2% ทำให้ครองอันดับหนึ่งต่อไปด้วยส่วนแบ่งตลาดแตะ 85% เป็นที่เรียบร้อย ทางด้าน iOS นั้นกลับมียอดขายลดลงถึง 11% ยังคงมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 14.3% ส่วน Windows Phone นั้นถดถอยลงไปถึง 79% จนแทบจะไม่เหลือที่ยืน
การมาของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้นถือว่ามาช่วยกระตุ้นยอดขายของ Apple ได้ดีทีเดียว แต่ก็ยังไม่พอที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ เนื่องจากยอดขายของ iPhone นั้นลดลงในทุกไตรมาส ซึ่งสวนทางกับ Android ที่หลายๆ ประเทศกำลังเริ่มปรับมาใช้สมาร์ทโฟน เปลี่ยนผ่านจาก 2G ไป 3G และ 4G ซึ่งยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกในอนาคต
ถ้าหากยอด iPhone ยังคงลดลงเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของ Apple และปีหน้าจะครบรอบ 10 ปีของ iPhone แล้วด้วย ไม่แน่ว่า Apple อาจจะมีอะไรออกมาเซอร์ไพรส์ในโอกาสนี้เพื่อปลุกกระแสให้กลับมาหรือไม่ ส่วนฝั่งของ Micorsoft และ Windows 10 Mobile นั้นก็ยังไม่รู้ชะตากรรมที่แน่นอน คงต้องรอการมาของ Surface Phone ในปี 2017 ว่าจะออกหัวหรีอออก้อยกันแน่
source : gsmarena
จำได้ว่าไม่นานมานี้ เห็นข่าวบอกว่ากำไรของ Apple สูงมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น กำไรมากขนาดนี้คงไม่น่าจำเป็นต้องขายมากๆก็ได้ ยี่ห้ออื่นขายเยอะ แต่กำไรน้อย Apple ยอมที่ขายไม่ต้องเยอะมาก แต่กำไรมหาศาลแบบนี้ดีกว่า
http://www.flashfly.net/wp/?p=165517
(ซ้ำ)
1 บริษัท 1 แบรนด์ 2-3รุ่น VS หลายบริษัท หลายbrand หลายรุ่น
ยังไงเรื่องยอดขายคงต่างกันอยู่แล้ว
ยังครับ ผมว่า ยังได้มากกว่านี้อีกเรื่อยๆ
ผมก็ว่าไปถึง 95% นั่นแหละครับ
"ถ้าหากยอด iPhone ยังคงลดลงเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของ Apple"
ผมว่าไม่ถูกครับ เพราะอย่าลืมว่า ทุกธุรกิจบนโลกใบนี้จะขับเคลื่อนได้เพราะมีกำไร และผู้ใช้งาน
กำไร = Q ที่ผ่านมา apple มีกำไรมากกว่า 90% ของทั้งโลก ในขณะที่ Android ทั้งโลกรวมตัวสู้ ก็ยังสู้ไม่ได้ อย่าง HTC ก็แอบมีข่าวลือว่าจะปิดตัว หรือมีมีบริษัทอื่นมาซื้อ ในขณะที่แม้แต่ Samsung เองก็กำไรลดฮวบ แต่โชคดีที่กำไรในฝั่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจ Mobile มาช่วยไว้ ปริมาณ Marketshare เยอะ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทนั้นจะรายได้เยอะเสมอไป เพราะถ้าดูปัจจัยแล้ว สาเหตุที่ iOS ลดลงในแง่ของ Marketshare ก็เพราะมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ออกมาเยอะต่างหาก
ผู้ใช้งาน = หมายถึง พวก Third party ทั้งหลายที่ผลิตออกมา iOS ก็มักจะเป็นกลุ่มแรกเสมอเช่นกัน เพราะผู้ผลิตทุกสิ่งอย่าง ให้เป็น First priority เสมอ เนื่องจากกลุ่มนี้สร้างรายได้มหาศาล และใช้งานต่อเนื่อง คือผลิตมา ยังไงก็มีคนใช้ ทั้งแอปฯ อุปกรณ์เสริม และอะไรต่อมิอะไร มันเลยเป็นอะไรที่ยั่งยืนกว่าเยอะ
ดังนั้น แม้ Marketshare จะลดลงเพราะมีผู้เล่นเข้ามาใหม่เยอะ แต่ความมั่นคงในแง่กำไร และผู้ใช้งาน ก็ยัง Strong มากกว่าอยู่ดีครับ
แสดงว่า iPhone ขายได้เฉพาะลูกค้าเก่า และมีคนที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนจาก 5 6 มา 7 อีกเยอะ ทำให้ยอดขายลดลงและส่วนแบ่งตลาดไม่โตหรือเพิ่มไปจากเดิม
เข้าใจนะว่าคิดว่า iPhone ดีมันก็จะคิดแบบนี้ตลอดไป
จะพูดว่า บริษัท ที่ได้กำไร 90% ของทั้งโลกสมาร์ตโฟน อยู่ในสถานการที่หน้าเป็นห่วง
ก็ดูจะแปลกไปหน่อยนะครับ
มาดูกันว่า บริษัทที่กินรวบกำไรทั้งโลก
กับบรรดา บริษัท ที่กำไรน้อยและ ขาดทุน
รวมกัน ได้ส่วนแบ่งตลาด เกือบ ทั้งโลก
ใครจะเจ๊ง ก่อนกัน
พูดอย่างนี้ได้ไหมครับ
ยอดขาย android สูงกว่ามาก ครองส่วนแบ่งตลาด 85% แต่กำไรส่วนใหญ่ไปตกอยู่กับ google เจ้าของ android os
ผู้ผลิตอุปกรณ์ android แข่งขันกันเองจนแทบไม่มีกำไร บางรายขาดทุนด้วยซ้ำ
Apple เองก็ประมาทไม่ได้ ถ้าส่วนแบ่งตลาดยังลดลงเรื่อยๆแบบนี้
จะไม่จูงใจผู้พัฒนาแอพให้พัฒนาแอพ ios ออกมาก่อนอีกต่อไป
ผู้ใช้ที่ผูกติดกับ os นึงไปนานๆแล้วอาจไม่อยากเปลี่ยน os อีก
ไม่อยากปรับตัวใหม่ ไม่อยากเสียเงินซื้อแอพหนังเพลงใหม่อีกรอบ
ถ้ามองแค่กำไรของด้าน Hardware คงจะนึกภาพไม่ออก
ลองมองที่ กำไรที่ได้มาจาก Service อื่น ๆ ดูสิ
85:14.3 ห่างกันเยอะมาก
ถึงพวกบริษัทฝั่งทีม Android จะพ่ายแพ้ และเจ้งไป
แต่ทีม Android ก็ยังจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เขาทีมมาเรื่อย ๆ
ว๊าว ดีใจด้วย
ขึ้นกับมองในแง่ไหนครับ
ในแง่ Hardware – แอปเปิลกินขาด ทั้งในแง่กำไรและจำนวนเครื่องใน segment บน
ในแง่ OS – แอนดรอยด์ชนะขาดลอยอย่างที่เห็น
แต่ในที่นี้เราคุยกันถึงเรื่อง OS เพราะงั้นต้องพิจารณาเรื่อง Network Effect ร่วมด้วยครับ
ยิ่งเรื่องการทำแอพนี่ ข่าวเมื่อซักครึ่งปีก่อนก็บอกว่านักพัฒนาให้ความสำคัญกับทั้งสอง platform พอๆกันแล้ว ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเท่าไหร่ Network Effect ก็แรงขึ้นเท่านั้น ซ้ำรอยสมัย Mac vs Windows เลย