จนถึงตอนนี้ยังเป็นอะไรที่งงกันว่าทำไมใน Keynote บนเวทีถึงได้ทำการเรียกชื่อ Android L ตลอดเวลา? แล้วสรุปว่ามันเป็น Android เวอร์ชั่นเบอร์อะไร? 4.5 หรือ 5.0? ชื่อเวอร์ชั่นที่เป็นขนมหายไปไหน?
ลองย้อนกลับไปดูชื่อเต็มๆของมัน นั่นคือ Android L Developer Preview ซึ่งเป็นแค่ตัวสำหรับให้ Developer ทดสอบก่อนเท่านั้นเอง มันอาจจะยังไม่ใช่การประกาศอัพเดทรุ่นอย่างเป็นทางการจาก Google ฉะนั้นเราอาจจะได้เห็นการประกาศเลขเวอร์ชั่นและชื่อขนมในอนาคตอีกทีเมื่อทุกอย่างพร้อม และวิธีแบบนี้ก็เป็นคล้ายๆกับที่ทาง Apple ได้ทำกับเมื่อเปิดตัว iOS เวอร์ชั่นใหม่นั่นเอง
การเปิดตัว Developer Preview แบบนี้มีข้อดีค่อนข้างมาก เพราะนั่นหมายถึงว่า Developers ที่ทำแอพทั้งหมด จะสามารถเข้าถึงชุดพัฒนาได้เป็นวงกว้าง และสามารถทดสอบความพร้อมของ Firmware ว่ามีความสมบูรณ์เพียงใด ก่อนที่จะทำการปล่อยออกไปให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งานจริงกัน
ส่วนว่าวิธีการนี้เป็นการลอก Apple มามั้ย อันนี้ผมไม่ทราบ หรือว่าจริงๆก็เป็นแนวปฎิบัติอยู่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าเลิกเถียงเรื่องลอกกันดีกว่า เอาเป็นว่ามันดี และ Apple เป็นคนเริ่มใช้ก่อนก็แล้วกัน
เอาล่ะมาดูกันดีกว่าว่า มีอะไรน่าสนใจบ้างใน Android L Developer Preview
ตามที่ Sundar Pichai ได้บอกไว้ บน “L” มีการเพิ่ม API เข้ามาใหม่กว่า 5,000 ตัว ซึ่งหมายถึงการเพิ่มฟีเจอร์และขอบเขตในการพัฒนาที่มากขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับผู้ใช้อย่างเราๆ ถ้าจะแบ่งเรื่องหลักๆจริงๆใน “Android L” น่าจะมีอยู่ 4 เด่นๆคือ
UI ดีไซน์ใหม่
ART Runtime
ระบบแจ้งเตือนที่เจ๋งกว่าเดิม
การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับ UI ดีไซน์ใหม่ และ ART Runtime ขอไม่เขียนเพิ่มเติมอะไรใน Blog นี้แล้ว ขอให้ไปอ่านจากลิงก์ด้านล่างแทนนะครับ
– [Google I/O] Material Design แนวทางดีไซน์ใหม่ ทำทีเดียวครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม
– ทำความรู้จัก ART ผู้มาแทน Dalvik บน Android “L”
แต่เพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับ ART ก็คือ มันรองรับ CPU แบบ 64-bit ตามหลัง iOS ไปเรียบร้อย ใช้เวลาร่วม 1 ปี กว่าที่ทั้ง Android และผู้ผลิตชิพจะเดินตาม Apple ทัน ส่วนว่า CPU 64-bit นี้จะมีผลต่อการทำงานมากน้อยเพียงใด ก็ต้องมาดูกันว่า ฝั่งไหนจะดึงความสามารถออกมาได้มากกว่า
ปล. ณ จุดๆนี้ผมคาดหวังกับทาง iOS มากกว่า Android นะ เพราะเป็นคนต้นคิดขึ้นมา น่าจะได้เห็นอะไรเจ๋งๆที่ทำได้เฉพาะบน 64-bit CPU ได้ในเร็วๆนี้…หวังว่านะ
แจ้งเตือนได้ตั้งแต่บนหน้า Lockscreen & Heads-up notifications
ในแต่ละวันเรามีการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คกันเป็นสิบๆครั้ง หรือบางคนอาจจะเกินร้อยครั้งเลยก็เป็นได้ ซึ่ง Android L ได้พัฒนาการแจ้งเตือนให้ทำได้รวดเร็วมากขึ้น โดยการดึงเอาข้อมูลการแจ้งเตือนมาอยู่ในหน้า Lockscreen ให้อ่านได้เลยทันที
นอกจากนี้ยังมี Heads-up notifications ที่เมื่อมีสายเข้ามาระหว่างที่เราเล่นเกม หรือทำงานอยู่ จากปกติเราจะถูกสลับแอพไปยังหน้าโทรศัพท์ทันที แต่บน L มันจะขึ้นมาเป็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอแทน เหมือนกับที่เราได้เห็นบน Galaxy S5 นั่นเอง
Project Volta กับการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นี่เป็นอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจเพราะโปรเจคนี้ตกไปอยู่ในความดูแลของทีมที่ทำให้แอนดรอยด์ลื่นไหล (Project Butter : Android 4.0) และกินทรัพยากรน้อยลง (Project Svelte : Android 4.4) เชื่อว่าเราน่าจะได้เห็นการกินพลังงานที่น้อยลงมากๆใน Android L
Project Volta จะมุ่งเน้นไปที่การลดการใช้พลังงานของส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น WiFi สัญญาณโทรศัพท์ Bluetooth GPS CPU หรือแม้แต่หน้าจอ โดยมีการพัฒนา Battery Historian ขึ้นมาเพื่อติดตามการใช้พลังงานให้ละเอียดขึ้น และลดการใช้พลังงานได้ถูกจุด และ Battery Saver Mode ที่เราได้เห็นกันในโทรศัพท์หลายๆรุ่นไปแล้ว ตัวของ Android L เองก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรฐานให้ได้ใช้กัน โดยมีการเคลมว่าเมื่อเปิดโหมดนี้แล้ว โทรศัพท์จะอยู่ได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิมถึง 90 นาทีจากการใช้ปกติทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีอื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจ เดี๋ยวมาต่อให้ใน Blog ถัดไปนะครับ
ไปต่อกันที่ตอนที่ 2 กันเลยครับ https://droidsans.com/android-l-developer-preview-details2
ถามสั้นๆครับ wk นี้มี droidsans weekly+ แบบจัดเต็มเกี่ยวกับ Google IO มั้ยครับ
อ๊ะ แน่นอน~
ปรกติ การพัฒนาที่ยังไม่ใช่ตัวเต็มมักใช้ชื่อตามด้วยชื่อ อัลฟ่า เบต้า เห็นแอปเปิ้ลกับไมโครซอร์ฟอามาเปลี่ยนเป็นดีเวลลอปเปอร์พรีวิว แบบว่ามันคงเท่กว่ามั้ง และอาจจะเพราะว่าเค้าจะมีทูลให้นักพัฒนาแถมมาด้วย(ใครๆก็มีนะ) รึเปล่าน้าาาา หะหะหะ เป็นข้อสังเกต
แจ้งเตือนในหน้าล็อค ก็เหมือน iOS อ่ะสิ?
Launcher หลายตัวก็ทำมาได้ก่อน iOS อีกครับ
ที่จำได้จะๆก็ HTC Sense
iOS มันทำได้ตั้งแต่ เปิดตัว iphone รุ่นแรกเลยนิครับ มีก่อนนี้อีกเหรอ?
ถ้าพูดถึง Launcher มันก็เหมือนเอา iphone ที่ เจลเบรกมาพูดอ่ะครับ
เขาถามว่าเหมือน iOS หรือเปล่า ไม่ได้ถามว่าใครทำมาก่อน
อคติไปไหมครับ? อย่าตีความไปเองด้วยอคติเลยครับ ตรรกะแบบนี้ทำสังคมไทยตีกันมาเยอะแล้ว
โหยยยยย งั้น ios ก็เหมือน nokia ละสิ
มีนาฟิกา มี แสดงโชว notification ที่หน้า lock มาก่อน ชาติตตตตต
เม้น ล่อเป้า เรียกแขกจริงๆ ผับผ่า
L มันอาจช่วยทำให้ ลื่นเสถียร ด้วยสเปคอันน้อยนิดแบบ ฝั่งผลไม้ก็เป็นได้ เพราะตอนนี้กว่าจะเรียกว่าลื่น แรมต้องเยอะไว้ก่อน
เอา LS Notification กับ Hover ไปเป็น stock สินะ
"Heads-up notifications ที่เมื่อมีสายเข้ามาระหว่างที่เราเล่นเกม หรือทำงานอยู่ บน L มันจะขึ้นมาเป็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอแทน"
บน Nexus 5 ก็ไม่ได้สลับไปหน้าโทรศัพท์แล้วนะครับ แต่จะขึ้นมาที่ด้านล่างของหน้าจอแทน ด้านบนก็เป็นแอพที่เราเปิดค้างไว้
"มื่อมีสายเข้ามาระหว่างที่เราเล่นเกม หรือทำงานอยู่ จากปกติเราจะถูกสลับแอพไปยังหน้าโทรศัพท์ทันที แต่บน L มันจะขึ้นมาเป็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอแทน เหมือนกับที่เราได้เห็นบน Galaxy S5 นั่นเอง"
ตอนแรกนึกว่าเป็นความสามารถของ android นะเนี่ย กลับกลายเป็นของ Launcher ไป
G2 ก็ทำได้นะ อิบๆ
G2 mini ก็ทำได้ L90 น้องใช้อยู่ก็ทำได้ สรุปว่า LG มีหมดแล้วรุ่นใหม่ๆ
การออกเวอร์ชัน อัลฟ่า เบต้า วงการ OS หรือเกมมีมานานแล้วนี่นะ มีคนเถียงเรื่องนี้ว่าลอกแอปเปิ้ลด้วยเหรอ เฮ้อ
ผมก็ใช้ทั้ง nexus4 ,ipad,windows8 ใช้ให้หมด จะได้รู้เขารู้เรา แต่ก็สาวกหุ่นเขียวนะ
L : Change the World
ชอบ อยากได้ใช้ไวๆจัง
iOS ทำบอกลอก
Android ทำบอก "มันดี และ Apple เป็นคนเริ่มใช้ก่อนก็แล้วกัน"
แหม่ Apple ก็ไม่ได้เป็นคนเริ่ม Developer Preview อย่าเพิ่งเแซะสิ
ก็แค่อยากเลิกสร้างความขัดแย้ง ถ้าก่อนหน้านี้ทำให้ไม่พอใจ ขอโทษด้วยแล้วกันนะ
ลดอคติลงบ้าง ชีวิตจะมีความสุขขึ้นเยอะนะผมว่า โลกเรามีอะไรให้มองมากกว่าจอไม่กี่นิ้วของ smart phone และ tablet ครับ
คลั่ง
Microsoft เคยออก Windows 8 Developer Preview มาก่อนนะ
แต่ผมว่า มันควรเป็นแนวทางปฏิบัติน่ะแหล่ะ เพราะประโยชน์สูงสุด คือ Dev ได้ลองของก่อน เตรียมตัวก่อน
ทำให้ผมนึกย้อนไปถึง Win 8 Dev Preview ยังโหลดตัวที่แถม Visual Studio มาลองหัดทำ App แบบ Modern UI อยู่เลย
ขอให้ Xperia SP มาไกลถึงเจ้านี้ด้วยเถอะ สาธุ
จริงๆๆ ซื้อมา 8990 ตอนนั้นเกิดมาเป็น 4.1 มาได้ไกลถึง 4.3 แล้วกำลังจะไป 4.4.x ก็ถึงว่าคุ้มโครตตๆๆแล้วแต่ถ้าจะได้ มาถึง androoid Lจะเป็นอะไรที่ฟุดยอดไปเลยยยรัก sony อ่า
ถ้า nexus 4 สามารถ up android L ได้ SP ก็น่าจะไปได้เพราะCPU อยู่ในตระกูลเดี่ยวกัน ต่างกันแค่จำนวน core อยู่กะว่า sony จะทำให้หรือเปล่าาา