หลังจากที่เจอศึกหนักโดนสั่งแบนห้ามนำเข้า และระงับการขาย Apple Watch Series 9 และ Watch Ultra 2 ในสหรัฐฯ เนื่องจากละเมิดสิทธิบัตรเซนเซอร์ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด ล่าสุดคำสั่งห้ามนำเข้านี้ดูเหมือนจะส่งผลกระทบไปยัง Apple Watch Series 6 และรุ่นอื่น ๆ ที่มีเซนเซอร์นี้อยู่ เพราะจะไม่สามารถซ่อม และเปลี่ยนตัวเรือนหลังหมดประกันเป็นการชั่วคราวแล้ว

โดยปกติแล้ว หากสินค้าชิ้นเล็ก ๆ จำพวก Airpods หรือ Apple Watch มีปัญหาทางด้านอะไหล่ หรือชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง Appleมักจะไม่ได้ซ่อมเฉพาะจุดที่เสีย แต่จะมีนโยบายเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ให้ทันที ซึ่งถึงแม้จะหมดประกัน ผู้ใช้งานก็สามารถจ่ายเงินในราคาที่ลดลงมาจากราคาเต็มนิดหน่อย เพื่อเปลี่ยนเป็นเรือนใหม่ได้

แต่หลังจากที่มีปัญหาโดนระงับการนำเข้า และวางจำหน่ายในสหรัฐฯ Apple ได้ออกมาเผยว่า หาก Apple Watch 6 และ Watch Ultra หรือรุ่นใหม่กว่ามีปัญหาในด้านอะไหล่ แต่ไม่ได้อยู่ในระยะการรับประกัน จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือซ่อมได้เป็นการชั่วคราว ซึ่งหากต้องการจะเปลี่ยนสินค้า ต้องรอจนกว่าทาง Apple จะพร้อมให้บริการอีกครั้ง

แต่ถ้า Apple Watch รุ่นดังกล่าวมีปัญหาในด้านซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์เสริมเช่นสายรัดข้อมือ Apple ยืนยันว่าจะยังคงดูแลให้ต่อไป และหากสินค้ายังอยู่ในระยะเวลาประกัน ทั้งประกันมาตรฐาน หรือ Apple Care+ จะยังสามารถขอเคลมเปลี่ยนตัวเรือนได้ปกติ ซึ่งประกาศในครั้งนี้จะมีผลเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ส่วนทั่วโลกยังคงดำเนินการได้ปกติ ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วนประเด็นเรื่องโดยสั่งแบนฐานละเมิดสิทธิบัตรของ Masimo นั้น Apple ยังมีโอกาสที่จะรอดพ้นการโดนแบนไปได้ หากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งชี้ขาดระงับการแบนภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2023 ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย

แต่ Apple ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกคือยอมตกลงกับ Masimo เพื่อจ่ายค่าสิทธิบัตรเทคโนโลยีย้อนหลัง หรือนำเทคโนโลยีดังกล่าวออกจาก Apple Watch รุ่นที่มีปัญหา และตอนนี้ก็มีข่าวว่า Apple ได้เตรียมออกอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขอัลกอริทึมของเซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ Apple เลือกเพื่อให้ Apple Watch Series 9 และ Watch Ultra 2 กลับมาขายได้เร็วที่สุด

โดยวันนี้ Apple US ก็ได้ถอดนาฬิกาอัจฉริยะทั้งสองรุ่นออกจากหน้าร้านค้าออนไลน์เป็นที่เรียบร้อย ส่วนหน้าร้านออฟไลน์จะหยุดขายในวันที่ 24 ธันวาคม 2023 ส่วนทั่วโลกยังวางจำหน่ายได้ตามปกติ ไม่ได้รับผลกระทบจากการแบนในครั้งนี้

ที่มา: MacRumors