อีกหนึ่งโปรดักส์ที่หลายคนรอคอยเปิดตัวในงาน Apple Event นั่นก็คือ Apple Watch Series 9 และ Apple Watch 2 Ultra ที่ชูจุดเด่นด้านสุขภาพแบบสุด ๆ และคราวนี้ได้อัปเกรดระบบมาให้ใช้งานได้อย่างแม่นยำมากกว่าเดิม ทั้งชิปใหม่ S9 SIP ฟีเจอร์ใหม่ Double Tap ควบคุมการใช้งานได้ผ่านการแตะนิ้วสองครั้ง
Apple Watch Series 9
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694538604-1024x576.jpeg)
Apple Watch Series 9 รุ่นนี้เป็นบอดี้ Stainless steel ส่วนประกอบของตัวเครื่องสายนาฬิกาทำจากการรีไซเคิล มาพร้อมสีใหม่ Pink, Starlight, Silver (PRODUCT)RED, Gold, Graphite และ Midnight มีด้วยจอสว่าง 2,000 นิต และปรับลงต่ำสุดได้ 1 นิต
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694538828-1024x576.jpeg)
ใช้งาน Siri ได้ง่ายมากขึ้น พร้อมทั้งใช้งานอื่นได้ง่ายขึ้น ทั้งการเชื่อมต่อ,การใช้ปลดล็อคอุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่างการใช้งาน Double tap หรือกระดิกนิ้วแตะกัน ก็สามารถรับสาย หรือเลื่อนหน้าจอไปมาได้ ปิดนาฬิกาปลุก จับเวลา หรือกดถ่ายภาพได้ด้วยแค่ปลายนิ้วจริง ๆ
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694538982-1024x577.jpeg)
การตรวจจับการลื่นล้มและกด SOS แจ้งเหตุฉุกเฉินแบบง่าย ๆ พร้อมทั้งมีการตรวจจับการชนกันใส่มาให้ด้วยเหมือนเดิม และเพิ่มฟีเจอร์ปั่นจันจักรยานมาให้
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694538719-1024x577.jpeg)
ตัวชิปได้อัปเกรดเป็น S9 SIP ทำให้ GPU เร็วขึ้น 30% และ Neural Engine เร็วขึ้น 2 เท่า ทำให้ผู้ใช้ Apple สามารถใช้ค้นหาติดตามตำแหน่งผ่าน Find My App ได้แม่นขึ้นกว่าเดิม
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694539718-1024x577.jpeg)
มีแบตเตอรี่ใช้ที่เคลมว่าชาร์จไวกว่าเดิม และงานต่อเนื่องได้นาน 18 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน พร้อมสร้างความหรูหราในไลฟสไตล์ด้วยการคอแลบกับแบรนด์ดังหลาย ๆ แบรนด์ ไม่ว่าจะ Hermes, Nike เป็นต้น
Apple Watch Ultra 2
Apple Watch Ultra 2 รุ่นนี้มาด้วยดีไซน์โครงบอดี้แบบเหล็กไทเทเนียม แข็งแรง ทนทาน จอเป็นแก้ว Sapphire Crystal ขนาด 49 มม. และเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ใช้ตัวเลือก Carbon Neutral มีจอที่ใหญ่และสว่าง 3000 นิต สว่างที่สุดเมื่อเทียบเท่ากับรุ่นอื่น และอัดแน่นฟีเจอร์เรียกว่าเอาใจสายเอ็กส์สตรีมเลยก็ว่าได้
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694539778-1024x577.jpeg)
มีสีให้เลือก ได้แก่ มีจุดเด่นเป็นปุ่ม Action button มาให้, ทนน้ำทนฝุ่นมาตรฐาน IP6X, เพิ่มความสว่างไฟฉาย, 2 เท่า, ปรับการใช้งานเข้าสู่โหมดกลางคืนแบบอัตโนมัติและรับรอง MIL-STD 810H ตัวจบสายลุย ไม่ว่าจะขึ้นเขาเอเวอร์เรสต์หรือดำดิ่งลงสู่ทะเลลึก 40 เมตร รุ่นนี้ก็เอาอยู่
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694539991-1-1024x577.jpeg)
ตัวชิปได้อัปเกรดเป็น S9 SIP ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้ใช้งานฟีเจอร์ได้หลากหลาย รวดเร็วและแม่นยำได้มากขึ้น ทั้ง ฟีเจอร์ Double tap, ให้ความสว่างมากขึ้น และ ใช้งานบน Siri ได้ดีขึ้น, เชื่อมต่อมือถือแบบไม่หลุด แม้เครื่องกับนาฬิกาจะอยู่ห่างกัน รวมไปถึงค้นหาติดตามตำแหน่งผ่าน Find My App ได้แม่นขึ้นกว่าเดิม และรันบนระบบปฏิบัติการ watchOS 10
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดความดันโลหิต, วัดออกซิเจนในเลือด, การติดตามค่าอุณหภูมิ,เก็บข้อมูลการนอนหลับแบบเชิงลึก หรือ ECG
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694539855-1024x576.jpeg)
มีแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 36 ชั่วโมง / ชาร์จ และใช้งานใน Low Power Mode ได้ 72 ชั่วโมง มีการอัปเกรดลำโพงให้เสียงดังมากขึ้นถึง พร้อมแจ้งเตือนคนหากเราต้องการความช่วยเหลือ พร้อมทั้งมีการตรวจจับการชนกันใส่มาให้ด้วยเหมือนกัน มีไมโครโฟน 3 ตัว ที่จะคอยวัดเสียงรอบข้างและเเจ้งเตือน และทำให้เราคุยโทรศัพท์ด้วยเสียงคมชัดมากขึ้นแม้จะอยู่ในที่มีลมมาก
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694540001-1024x577.jpeg)
และยังไม่ทิ้งจุดเด่นด้าน GPS ทำให้มีตัวบ่งบอกตำแหน่งที่แม่นยำที่สุดมากกว่าสมาร์ทวอทช์ใด ๆ ที่เคยมีมา ตัวเรือนมีสีให้เลือกเพียงสีเดียว คือ สีไทเทเนียม พร้อมสายให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Alpine Loop, Trail Loop และ Ocean Band
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/Screenshot-2023-09-13-032415-1024x406.png)
Apple Watch SE
รอบนี้ SE ก็ตามมาเหมือนเดิม ซึ่งก็เป็นรุ่นที่ทำออกมาให้สามารถจับต้องได้ ด้วยสเปคที่ครบครันอยู่เหมือนกัน ทั้งฟีเจอร์ Activity tracking, การแจ้งเตือนกัตราการเต้นหัวใจ, การตรวจจับการล้ม,Emergency SOS หรือ การตรวจจับการชน และแน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ watchOS 10
![](https://images.droidsans.com/wp-content/uploads/2023/09/photo1694540056-1024x576.jpeg)
ราคาจำหน่าย
Apple Watch Series 9 มีให้เลือกหน้าปัด 41 มม. และ 45 มม.
- การเชื่อมต่อ GPS ราคาเริ่มต้น 399 ดอลลาร์ หรือราว 14,200 บาท
- การเชื่อมต่อ GPS + Cellular ราคาเริ่มต้น 499 ดอลลาร์ หรือราว 17,700 บาท
Apple Watch 2 Ultra
- การเชื่อมต่อ GPS + Cellular เริ่มต้น 799 ดอลลาร์ หรือราว 28,400 บาท
Apple Watch SE
- มีให้เลือกหน้าปัด 40 มม. และ 44 มม. ราคาเริ่มต้น 249 ดอลลาร์ หรือราว 8,800 บาท
วางขายอย่างเป็นทางการ 22 กันยายน 2566
Comment