Ming-Chi Kuo ออกมาบอกว่า Apple ประสบปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพและต้นทุนการผลิตหน้าจอ OLED สำหรับ iPad รุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ที่หลุดออกมาจากแหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมว่า บริษัทฯ เจรจากับ Samsung ไม่ลงตัว ในขณะที่การหันไปพึ่งพา LG อาจยังไม่ใช่คำตอบ เพราะกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ทั้งนี้ Kuo ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Apple อาจตัดสินใจใช้หน้าจอ LCD ต่อไปก่อนอีกอย่างน้อย 1 ปี

Apple ต้องการนำหน้าจอ OLED ที่มีโครงสร้างแบบ double-stack หรือที่เรียกว่า tandem มาใช้ใน iPad Air ซึ่งมีข้อดีในเรื่องของความสว่างและความทนทานที่มากกว่าทั่ว ๆ ไปตามที่ใช้กันในปัจจุบัน ในขณะที่ Samsung อยากขายหน้าจอ OLED แบบ single-stack ให้เสียมากกว่า เนื่องจากการทำตามคำขอของ Apple จำเป็นต้องเปิดสายการผลิตใหม่ ซึ่งมีต้นทุนที่สูงมาก ๆ อีกทั้งกระบวนการผลิตยังยากกว่า ใช้เวลาเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงที่จะไม่คุ้มทุนหาก iPad Air จำหน่ายไม่ได้ตามเป้า เพราะต้องไม่ลืมว่า ในปี 2563 ทาง Samsung เคยเรียกค่าชดเชยจาก Apple เป็นเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์มาแล้ว ฐานสั่งซื้อพาเนล OLED ไม่ถึงเป้าตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก

Kuo ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ Apple ตัดสินใจปรับแผนให้ iPad Air รุ่นใหม่กลับมาใช้หน้าจอ LCD ตามเดิม อาจเป็นเพราะบริษัทฯ กลัวจะทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่โดดเด่นเกินหน้าเกินตา iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ในปัจจุบันที่ใช้หน้าจอ Mini-LED นั่นเองครับ

กล่าวโดยสรุป เราคงไม่ได้เห็น iPad Air ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ตามที่หลายคนรอคอย อย่างน้อยจนกว่าจะถึงปี 2566 เว้นแต่ Apple จะมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจครับ

 

ที่มา : MacRumors