ถือเป็นเงินรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยมอบให้หากมี  “แฮกเกอร์” คนไหนสามารถพบหรือหาช่องโหว่ระบบปฏิบัติการ iOS ของ iPhone ได้ โดยรางวัลนี้มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 30 ล้านบาท) เทียบเท่ากับราคาขายในตลาดมืดเลยก็ว่าได้ ซึ่ง Apple ได้ประกาศรางวัลนี้ในงานประชุม Black Hat ประจำปี 2019 ที่ลาสเวกัส ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยงาน Black Hat ที่ว่านี้ ชื่อเต็มๆของเค้าก็คือ Black Hat Cybersecurity Conference ซึ่งเป็นงานประชุมทางด้านความปลอดภัยอันดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ โดยงานจะมีการจัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดสัปดาห์จะมีการฝึกสอนและประชุมแบบเข้มข้น ใช้เวลา 4 วันเต็มๆไปกับการฝึกสอนด้านเทคนิคทำเวิร์คช้อปต่างๆ และมีอีกสองวันสำหรับการประชุมอัพเดทข้อมูล ซึ่งจบไปเมื่อวันที่  8 สิงหาคมที่ผ่านมา การที่ Apple ไปประกาศเงินรางวัลแบบนี้ในงานที่รวมตัวคนชอบลองของ ก็ต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองไม่น้อยเลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้เอง Apple ก็เคยมอบรางวัล 200,000 เหรียญ(ประมาณ 6,100,000 บาท) ให้แก่คนที่ตรวจสอบหาบั๊กในโปรแกรมที่ Apple ระบุไว้ได้ ซึ่งจะให้เฉพาะแฮกเกอร์สายขาวที่ไม่ได้มีประสงค์ร้ายเท่านั้น แต่ล่าสุดนี้ Apple เปิดให้แฮกเกอร์ทุกคนสามารถล่ารางวัลนี้ได้ไม่ต้องอยู่ในเฉพาะสังกัดอีกต่อไป “โดยมีเงื่อนไขคือต้องแฮกเข้าระบบจากระยะไกล เพื่อเข้าไปควบคุมระบบ iOS ได้ และต้องสามารถทำได้โดยไม่เจาะจงเป้าหมาย โดยที่ iOS เครื่องนั้นต้องไม่ได้แอบติดตั้งอะไรพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้สิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่อง” นอกจากนี้ Apple ยังขยายการครอบคลุมไปถึง iOS, MacOS, tvOS และ WatchOS อีกด้วย

Bug Bounty หรือแคมเปญล่าค่าหัวบั๊กแบบนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่หลายปีที่ผ่าน โดยจะมีการจ่ายเงินรางวัลที่ให้สำหรับคนเจอบั๊กหรือช่องโหว่ต่างๆ ของระบบและบริการตัวเอง และ Apple ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการทำโปรแกรม Bug Bounty นี้ขึ้นมาเช่นกัน และการที่ Apple ปรับค่าหัวขึ้นเงินรางวัลไปสูงขนาดนี้ก็เพื่อแสดงความมั่นใจและประกาศว่าระบบ iOS ของตัวเองนั้นเจ๋ง และปลอดภัยแบบสุดๆ ใครจะซื้อไปใช้งานก็มั่นใจได้ รวมถึงได้ใจแฮกเกอร์ จากที่ก่อนหน้านี้ถ้าเจอช่องโหว่ ก็มักจะไม่บอกอะไรกับทางบริษัท และหาทางสร้างรายได้จากช่องโหว่นั้นแทน แต่หลังจากที่มีการปรับเงินรางวัลขึ้นเป็น 1 ล้านเหรียญแล้ว เชื่อว่าน่าจะโน้มน้าวให้เหล่าแฮกเกอร์เปลี่ยนใจ หันมาแจ้งกับทาง Apple มากกว่าที่จะต้องไปลำบากหาเงินจากช่องโหว่ที่เจอเอง ส่วน Apple เงิน 1 ล้านเหรียญก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาของเค้าแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะถือว่าคุ้มค่าเสียด้วยซ้ำไป หากค้นพบช่องโหว่ที่โหดขนาดควบคุมเครื่องได้ จะได้รีบนำมาปรับปรุงระบบต่อไปครับ

เสริมอีกเล็กน้อยว่า ในวงการความปลอดภัยด้านไซเบอร์เนี่ย หลายคนเลือกใช้ iPhone มากกว่า Android ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ด้วยตัวระบบของ iOS จะมีการวางรากฐานเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเราเอาไว้แบบหนาแน่นมาก รวมถึงตัวนโยบายของบริษัทเองก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับข้อมูลของผู้ใช้สูงแบบสุดๆนั่นเอง จนมีคำกล่าวเอาไว้ว่า “เรายอมจ่ายเงินซื้อ iPhone แพงๆมาใช้ เพื่อแลกกับความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว”

 

ที่มา :  vice, digitaltrends