มือถือเกมมิ่งระดับฮาร์ดคอร์รุ่นแรกของปี 2020 อย่าง Black Shark 3 และ Black Shark 3 Pro ได้ฤกษ์เผยโฉมออกมาแล้ว โดยคราวนี้ยังคงมากับสเปคแรงระดับเทพอยู่เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 865, RAM แบบ LPDDR5 สูงสุดถึง 12GB แถมยังมากับ Shoulder Button ของจริงที่ไม่ใช่แค่ปุ่มสัมผัสเหมือนรุ่นอื่นๆ และยังมีฟีเจอร์เทพๆ สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะอีกเพียบ!

ทั้ง Black Shark 3 และรุ่น Pro มีดีไซน์แบบสมมาตร โดยด้านหลังเครื่องมีลวดลายที่คล้ายๆ กับนาฬิกาทราย ด้านบนมีกล้อง 3 ตัว เรียงเป็นสามเหลี่ยมอยู่บนโมดูลกล้อง ส่วนด้านล่างก็มีลวดลายที่มีรูปร่างแบบเดียวกับโมดูลกล้องด้านบน และตรงกลางเครื่องมีโลโก้ Black Shark ซึ่งเป็นไฟ LED อยู่ด้วย

หน้าจอยังคงมีขอบบน-ล่างที่หนาพอจะวางกล้องเซลฟี่และลำโพงคู่สเตอรีโอ ไม่ได้ใช้ดีไซน์หน้าจอเจาะรู หรือใช้ Notch ตามเทรนด์มือถือในยุคนี้ โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้หน้าจอแบบ AMOLED แต่จะต่างกันตรงที่ Black Shark 3 มีขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ส่วนรุ่น Pro มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 7.1 นิ้ว มีความละเอียดมากกว่าที่ระดับ 2K และรองรับการแสดงผล HDR10+ อีกด้วย

Black Shark 3 ทั้ง 2 รุ่น มีค่ารีเฟรชเรทที่ 90Hz และมีค่า Touch Sampling สูงลิ่วถึง 270Hz ทำให้การเล่นเกมด้วยหน้าจอสัมผัส มีความแม่นยำ และไร้อาการหน่วง แตะปุ๊บยิงปั๊บ เลื่อนนิ้วไปทางไหน ก็ตามนิ้วได้ตลอด ไม่มีเพี้ยน

กล้องหลังของ Black Shark 3 ทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP + กล้อง Ultrawide 13MP + กล้องจับความลึก 5MP และกล้องหน้าความละเอียด 20MP

ระบบเสียงก็หายห่วงด้วยลำโพงคู่แบบสเตอรีโอด้านหน้า อยู่บนขอบจอบน-ล่าง ซึ่งรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับคนที่ชอบใช้หูฟังแบบมีสาย เพราะ Black Shark 3 ทั้ง 2 รุ่น เอารูหูฟัง 3.5 มม. กลับเข้ามาให้แล้ว หลังจากที่ถูกตัดทิ้งไปในรุ่นที่แล้ว

Black Shark 3 Pro มากับฟีเจอร์สำหรับเหล่าเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์ ด้วยปุ่ม L R (หรือที่เรียกกันว่า Shoulder Button) ที่คล้ายๆ กับของ ROG Phone II แต่ Black Shark 3 Pro จะเหนือกว่าด้วยปุ่มที่เป็นปุ่มจริงๆ เหมือนคอนโทรลเลอร์เกม ไม่ใช่แค่ปุ่มระบบสัมผัสเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ ทำให้การใช้งานแม่นยำ และไม่เมื่อยนิ้ว เพราะเราสามารถวางนิ้วพักไว้บนปุ่มได้ เมื่อจะใช้งานก็เอานิ้วกดลงไปเหมือนคอนโทรลเลอร์เกมจริงๆ ได้เลย

แถมยังเป็นปุ่มที่ล้ำสุดๆ ด้วยกลไกพิเศษที่จะทำให้ปุ่มดังกล่าวยืดขึ้นมาจากตัวเครื่องได้เองเมื่อเข้าเกม และเมื่อออกจากเกม ปุ่มก็จะหดลงไปเก็บในตัวเครื่องเหมือนเดิม ทำให้การถือเพื่อใช้งานอื่นๆ ไม่มีปุ่มโผล่มาให้เกะกะ โดยทาง Black Shark เคลมว่าปุ่มสามารถยืด-หด ได้มากกว่า 300,000 ครั้ง และทนทานต่อการกดมากกว่า 1 ล้านครั้ง

Black Shark 3 มากับแบตเตอรี่ขนาด 4720 mAh ส่วนรุ่น Pro แบตเตอรี่จะใหญ่กว่าอยู่ที่ 5000 mAh โดยทั้งคู่รองรับการชาร์จไวที่ระดับ 65W ซึ่งสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ได้ในเวลาแค่ 12 นาที และชาร์จจนเต็มในเวลาแค่ 38 นาที เท่านั้น

สำหรับการชาร์จแบบไร้สาย จะใช้หัวชาร์จแบบแม่เหล็กแปะเข้าไปที่หลังเครื่องแทน

ทั้ง 2 รุ่นยังเป็นมือถือเกมมิ่งรุ่นแรกที่รองรับการใช้าน 5G และ WiFi 6, X + X อีกด้วย

สเปค Black Shark 3 / Black Shark 3 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (Black Shark 3) / ขนาด 7.1 นิ้ว ความละเอียด 2K (Black Shark 3 Pro)
  • CPU : Snapdragon 865
  • GPU : Adreno 650
  • RAM : 8GB / 12GB (LPDDR5)
  • ความจุ : 128GB / 256GB (UFS 3.0)
  • กล้องหลัง : 64MP + กล้อง Ultrawide 13MP + กล้องจับความลึก 5MP
  • กล้องหน้า : 20MP
  • แบตเตอรี่ : 4720 mAh (Black Shark 3) / 5000 mAh (Black Shark 3 Pro) รองรับชาร์จไวมีสาย 65W, ไร้สาย 18W
  • ระบบ Android 10 ครอบด้วย JOYUI 11

Black Shark 3 มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ สีชมพู Faerie Pink, สีดำ Midnight Black, สีเทา Knight Grey, สีเงิน Frozen Silver และแบ่งออกเป็น 3 รุ่น ตามหน่วยความจำดังนี้

  • 8GB / 128GB : ราคา 3499 หยวน หรือประมาณ 15,800 บาท
  • 12GB / 128GB : ราคา 3799 หยวน หรือประมาณ 17,100 บาท
  • 12GB / 256GB : ราคา 3999 หยวน หรือประมาณ 18,000 บาท

Black Shark 3 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีดำ Blasting Black และสีเทา Knight Grey แบ่งออกป็น 2 รุ่น ตามหน่วยความจำดังนี้

  • 8GB / 256GB : ราคา 4699 หยวน หรือประมาณ 21,200 บาท
  • 12GB / 256GB : ราคา 4999 หยวน หรือประมาณ 22,500 บาท

Black Shark 3 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคมเป็นต้นไป และรุ่น Pro จะตามมาในวันที่ 17 มีนาคม 2563 ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลครับ

 

ที่มา : Gizchina