ตั้งแต่ที่ Apple เปิดตัว AirTag อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งสำหรับการตามหาของที่ติดอยู่กับเจ้า AirTag ผ่านฟีเจอร์ Find My ทำให้หลาย ๆ คนมองว่าอุปกรณ์ตัวนี้อาจจะถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดได้ อย่างเช่นแอบหย่อนใส่กระเป๋า หรือเอาไปซ่อนไว้ในรถเพื่อใช้ในการสะกดรอยตาม…และในที่สุดเหตุการณ์ประเภทนี้ก็เกิดขึ้นจนได้ โดยมีคนพบว่ารถยนต์ของเค้ามีเจ้า AirTag แอบมาซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ โดยที่เค้าไม่รู้ตัวเลยว่ามันมาจากไหน มาจากใคร และมาตอนไหน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับ John Nelson ชายคนนึงในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา พบว่าในระหว่างที่เค้าขับรถสุดแรง Dodge Charger ไปทำธุระอยู่ ๆ iPhone ของเค้าก็สั่นและมีแจ้งเตือนบนหน้าจอว่า AirTag Found Moving with You หรือ “พบ AirTag เคลื่อนที่ไปกับคุณ” (ข้อความดังกล่าวเป็นฟีเจอร์สำหรับป้องกันการถูกแอบติดตามของ iOS)

โชคดีที่เค้าก็รู้ว่าการแจ้งเตอนดังกล่าวหมายถึงอะไร และสามารถหาเจ้า AirTag ลึกลับเจอได้ด้วยการกดให้ AirTag ส่งเสียงออกมา จนไปเจอมันถูกซ่อนอยู่อย่างมิดชิดใต้กระโปรงหลังของรถเค้าเอง โดยบริเวณที่ AirTag ถูกซ่อนไว้ต้องมีการขันน็อตออกและขันกลับเข้าไปใหม่ด้วย นั่นหมายความว่า AirTag ดังกล่าว ถูกคนตั้งใจมาซ่อนเอาไว้จริง ๆ

แม้ว่าจะยังไม่สามารถหาตัวคนที่เอา AirTag มาซ่อนไว้ในรถเค้าได้ แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าผู้ที่ทำแบบนี้ ต้องการสะกดรอยตามว่ารถของ John จะไปจอดอยู่ที่ไหน และหากสบโอกาสเหมาะ ๆ ก็คงจะฉกรถคันนั้นไปนั่นเอง

Dodge Charger 2018

อีกคดีนึงก็เกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน Twitter บัญชี Jeana Jeana ที่ออกมาเล่าเรื่องราวชวนขวัญเสียว่ามีคนเอา AirTag มาแอบซ่อนเอาไว้ในรถของเธอเหมือนกัน แต่แย่กว่านาย John เพราะตอนที่มีข้อความ AirTag Found Moving with You เด้งมาบนหน้าจอ iPhone แล้ว เธอดันไม่รู้ว่าต้องกดอะไรต่อ ถึงจะมีเสียงออกมาจากตัว AirTag ให้ค้นหาได้ง่าย ๆ

ด้วยความกลัวว่าจะมีผู้ไม่หวังดีตามเธอไปจนถึงบ้าน คืนนั้น Jeana ก็เลยไปนอนที่บ้านเพื่อนซะเลย และพอรุ่งเช้าเพื่อนของเธอก็หาเจ้า AirTag ตัวปัญหาเจอจนได้ โดยมันถูกซ่อนเอาไว้แบบมิดชิดที่ด้านในของล้อรถฝั่งผู้โดยสาร และเพื่อนของเธอก็เขวี้ยง AirTag ดังกล่าวทิ้งไปทันที (น่าเสียดายที่ดันทิ้งไป เพราะถ้าเอาไปแจ้งความแล้วอาจแกะรอยไปจนถึงตัวเจ้าของได้)

และที่แย่ก็คือเมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการพบว่ามีคดีการขโมยรถด้วยวิธีเดียวกันนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา และยังมีอีกหลายคดีที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ด้วย

Apple ปล่อยแอป Tracker Detect สำหรับ Android ไว้สแกนหา AirTag

และสำหรับผู้ใช้งานมือถือระบบ Android ที่ไม่รองรับการใช้งาน AirTag ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนหากว่ามี AirTag ของใครไม่รู้อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ตัว ทาง Apple ก็เลยปล่อยแอป Tracker Detect ออกมาให้เจ้าของมือถือ Android ได้ใช้สแกนหา AirTag ที่มีการลงทะเบียนใช้งานไว้แต่ไม่ได้อยู่กับตัวเจ้าของ เพื่อใช้ป้องกันเหตุการณ์ที่กล่าวไว้ข้างต้นด้วย

โดยแอปดังกล่าวจะแสดงข้อมูลของตัว AirTag และสามารถสั่งให้มันส่งเสียงออกมาเพื่อค้นหาได้ด้วย แต่ว่าแอปนี้จะไม่ได้แสดง Notification ขึ้นมาอัตโนมัตินะครับ เพราะผู้ใช้ต้องกดสแกนเอาเอง

 

ก้เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สามารถใช้คำว่า ดาบสองคม ได้เลย…เพราะนอกจากมันจะมีประโยชน์มาก ๆ ในการช่วยตามหาสิ่งของที่หายไปแล้ว ก็ดันมีผู้ไม่หวังดีบางคนเอามาใช้ในทางที่ผิดแบบนี้ได้เหมือนกัน

 

ที่มา : PhoneArena(2)