Carl Pei ซีอีโอของ Nothing ส่งอีเมลหาพนักงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แจ้งให้ทุกคนเตรียมกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่า ต้องการให้พนักงานมีการทำงานร่วมกันระหว่างทีม เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้เหนือกว่าบริษัทคู่แข่ง ขณะเดียวกัน Pei ก็แนะนำว่า หากพนักงานรายใดไม่สะดวกใจต่อนโยบายใหม่นี้ ก็ควรเปลี่ยนงานใหม่ที่เอื้อต่อความก้าวหน้าของตน

เดิมที Nothing เริ่มต้นด้วยการทำงานจากที่บ้าน เนื่องจากบริษัทก่อตั้งในปี 2021 ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่เกิดโรคระบาดไปทั่วโลก ก่อนจะปรับเป็นการทำงานแบบไฮบริดภายหลังจากนั้น และยึดตามแนวทางนี้มานาน จนกระทั่งล่าสุดที่มีการประกาศการเปลี่ยนแปลง

Pei บอกว่า Nothing เป็นบริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งต้องมีการทำงานร่วมกันทั้งทีมที่ดูแลด้านออกแบบ ด้านวิศวกรรม และด้านการผลิต ทั้งในแง่การพัฒนาสินค้า และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น นอกจากนี้ ทรัพยากรของ Nothing ก็ยังมีจำกัด (จำนวนพนักงาน) หากต่างทีมต่างทำงานจากคนละที่ ผลลัพธ์คงยากจะออกมาดี

แม้จะมีบริษัทมากมายในโลก ที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการทำงานจากระยะไกล หรือการทำงานแบบไฮบริด และคำสั่งให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศก็อาจนำไปสู่ความไม่พอใจของพนักงานบางส่วน แต่ Pei ก็ทราบดีอยู่แล้ว และเจ้าตัวก็น้อมรับหากจะมีบางคนตัดสินใจลาออก เพราะในมุมของ Nothing ก็ต้องการพนักงานที่ตอบโจทย์กับบริษัทไม่ต่างกัน ดังนั้น หากความคิดของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน ก็คงต้องแยกทางกันอย่างไม่มีทางเลี่ยง

(อัปเดต : ล่าสุดประเด็นนี้ถูกหยิบยกไปวิจารณ์บนโลกออนไลน์กันพอสมควร เช่น คอมเมนต์ใน The Verge และ LinkedIn ซึ่งทิศทางจะเป็นอย่างไร หลายคนคงพอเดากันได้)

ที่มา : Carl Pei