ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ออกคำสั่ง ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจากจีน 10% ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะทำให้สินค้าไอทีมีราคาที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ กำลังหาทางปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นการย้ายฐานการผลิตหรือการส่งต่อต้นทุนไปยังผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่า 46% เลยทีเดียว
นอกจากนี้คำสั่งดังกล่าวยังรวมถึงการ ยกเลิกข้อยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า $800 หรือประมาณ 27,000 บ. (de minimis) ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน เช่น Temu และ Shein สามารถส่งสินค้าราคาถูกเข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในปี 2024 มีพัสดุที่เข้าข่าย de minimis มากถึง 1.3 พันล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่า 48,000 ล้านดอลลาร์
แม้ว่า Temu และ Shein จะเตรียมตั้งคลังสินค้าในสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากภาษีใหม่ และช่วยให้การดำเนินธุรกิจในตลาดอเมริกายังคงมีความต่อเนื่อง แต่บรรดานักวิเคราะห์ยังคงมองว่ามาตรการดังกล่าวอาจไม่สามารถชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซจีนในระยะยาว โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
จีนตอบโต้ ประกาศขึ้นภาษี 10-15% และคุมเข้มการส่งออก
หลังจากที่ทางสหรัฐฯ ออกมาตรการนี้ทำให้ทางรัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสำคัญด้วยประกาศมาตรการภาษีและควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ภาษีนำเข้าใหม่ของจีน (มีผล 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป)
- เก็บภาษี 15% สำหรับ ถ่านหินบางประเภท และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
- เก็บภาษี 10% สำหรับ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร รถยนต์ขนาดใหญ่ และรถกระบะ
- มาตรการควบคุมการส่งออก
- จำกัดการส่งออก ทังสเตน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมและการป้องกันประเทศ การผลิตอาวุธ
- คุมเข้มการส่งออก เทลลูเรียม ซึ่งใช้ในการผลิตโซล่าเซลล์
การตอบโต้ของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลปักกิ่งออกแถลงการณ์ประณามมาตรการดังกล่าว และยืนยันว่าจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมดำเนินมาตรการปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างเด็ดขาด
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
สงครามการค้าระลอกใหม่นี้อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานและเทคโนโลยี การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าและมาตรการควบคุมวัตถุดิบอาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อผู้บริโภคทั่วโลก นักวิเคราะห์เตือนว่า หากความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไป อาจเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในบางภูมิภาค
ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่า รัฐบาลจีนและสหรัฐฯ จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ ท่ามกลางสงครามการค้าที่ดูเหมือนจะร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ยักษ์ ๒ ตนตีกัน รอบข้างได้รับผลกระทบหมด