งานนี้เล่นเอา Huawei Technology ถึงกับอยู่นิ่งไม่ติด ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ของ Huawei ทั่วโลกเพื่อตอบโต้และแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐบาลสหรัฐ ฯ หลังล่าสุดพวกเขาต้องพบกับประกาศฉบับล่าสุดจากทีมงาน Donald Trump ที่มีคำสั่งให้ขยายผลการแบนธุรกิจของ Huawei ออกไปอีก 1 ปีด้วยกัน ตามบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ฯ หรือ “Entity List”

ดูเหมือนผลพวงจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐ ฯ กับ จีนนั้น ไม่มีทีท่าจะจบลงง่าย ๆ เสียแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปความตึงเครียดระหว่างสองประเทศนี้ยิ่งดูแย่ลงไปอีก เช่นเดียวกับทาง Huawei ที่เหมือนตกเป็นจำเลยเบอร์ใหญ่ไปเลย ด้วยอัตราการเติบโตในโลกเทคโนโลยีที่หลายปีหลังมานี้ ใครก็ฉุดไม่อยู่ ยกเว้น Donald Trump นี่แหละ! เล่นขึ้นบัญชีดำ Huawei บนประกาศของกระทรวงพาณิชย์ห้ามธุรกิจสัญชาติสหรัฐ ฯ ร่วมงานด้วยไม่ว่าจะในฐานะลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ก็ตาม

ประกาศ Entity List เล่นเอา Huawei ไปไม่เป็นอยู่พักใหญ่ โดยเฉพาะการห้ามใช้ GMS (Google Mobile Services) ทำเอาเป๋ ต้องเร่งพัฒนา HMS (Huawei Mobile Services) ออกมาสู้ที่ในแง่มุมของการพัฒนา Apps ก็ยังไม่ค่อยทั่วถึงนัก ประเทศไทยเองเพิ่งทยอยได้ซัพพอร์ตจากบรรดาแอปธนาคาร และแอปแชทยอดฮิตอย่าง LINE ไปไม่นานมานี้ ซึ่งการประกาศขยายผลการแบน Huawei รอบนี้ส่งผลให้ Huawei Global อยู่ไม่ติด เร่งออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมาตอบโต้ รวมถึงเชิญชวนให้พาร์ทเนอร์ คู่ค้า และลูกค้ายังคงเชื่อมั่นและยืนหยัดแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของสหรัฐ ฯ ที่พวกเขาอ้างว่าเป็นความพยายามกีดกันทางการค้าและเลือกปฏิบัติต่อธุรกิจของ Huawei

แถลงการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

หัวเว่ยไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎข้อบังคับที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ในเรื่องการเพิ่มกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โดยมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงไปที่หัวเว่ย

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มชื่อหัวเว่ยเข้าสู่ “Entity List” เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 อย่างไม่เป็นธรรม นับแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีการปิดกั้นการเข้าถึงส่วนประกอบหลักด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ เราก็ยังคงยืนหยัดปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน เรายังคงมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ให้ไว้กับกลุ่มลูกค้าและซัพพลายเออร์ หัวเว่ยยังคงยืนหยัดเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคและมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปแม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งมวล

อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาพยายามอย่างไม่ลดละในการเพิ่มระดับการสกัดกั้นหัวเว่ย รัฐบาลสหรัฐอเมริกาตัดสินใจที่จะดำเนินการต่อไปโดยเพิกเฉยต่อความกังวลของหลายบริษัทรวมถึงสมาคมในภาคอุตสาหกรรมอีกมากมาย

การตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เป็นการกระทำโดยพลการฝ่ายเดียว และเป็นอันตรายคุกคามต่อทั้งอุตสาหกรรมทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการขยายธุรกิจ การซ่อมบำรุง และการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ที่หัวเว่ยได้ดำเนินการอยู่มากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังจะส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกในด้านการบริการด้านการสื่อสาร ซึ่งเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของหัวเว่ย โดยการโจมตีบริษัทชั้นนำของต่างประเทศแสดงให้ถึงความตั้งใจเพิกเฉยของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อผลประโยชน์ของลูกค้าและผู้บริโภคหัวเว่ย ซึ่งขัดกับคำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยด้านเครือข่าย

การตัดสินใจโดยพลการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่เพียงส่งผลกระทบต่อหัวเว่ยเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในระยะยาวต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก การตัดสินใจครั้งนี้จะทำลายความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ  และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความเสียหายหนักภายในอุตสาหกรรมเหล่านี้อีกด้วย

สหรัฐอเมริกากำลังยกระดับศักยภาพทางเทคโนโลยีของตนเองเพื่อเอาชนะกลุ่มบริษัทที่ไม่ใช่สัญชาติอเมริกัน การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือที่บริษัทต่างชาติมีต่อห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่สุดแล้ว การกระทำดังกล่าวจะย้อนกลับมาสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาเอง

ทั้งนี้หัวเว่ยกำลังดำเนินการตรวจสอบกฎข้อบังคับรูปแบบใหม่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เราคาดว่าธุรกิจของเราจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเราจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทางออก เราหวังว่าลูกค้าและซัพพลายเออร์ของเราจะอยู่เคียงข้างเรา และร่วมมือกันลดผลกระทบจากกฎข้อบังคับจากการเลือกปฏิบัตินี้

แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก – Huawei Technologies Co., Ltd.

 

ที่มา: Voices of Huawei – Huawei ประเทศไทย