“ประเทศจีน” คือประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และตลาดธุรกิจในประเทศจีนคือตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย ด้วยประชากรที่มหาศาลโอกาสที่จะขายของได้ก็มากตามไปด้วย ดังนั้นนักธุรกิจทั้งในและนอกประเทศจีนต่างอยากจะมีส่วนร่วมในตลาดของประเทศนี้ รวมไปถึงตลาดสมาร์ทโฟน ตอนนี้มีรายงานว่า แบรนด์สมาร์ทโฟนเจ้าถิ่นของจีนกินส่วนแบ่งตลาดถึง 90% เหลือที่ให้แบรนด์นอกเพียง 10% เท่านั้น

สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศจีน (China Academy of Information and Communications Technology) ได้เผยแพร่รายงานสรุปข้อมูลต่างๆของตลาดมือถือในประเทศจีนเมื่อมี 2016 ที่ผ่านมา โดยจากสิถิติในปี 2016 พบว่ามีจำนวนมือถือที่จำหน่ายในประเทศจีนทั้งหมด 559.7 ล้านเครื่อง นับว่าเพิ่มขึ้นถึง 8% หากเทียบกับปีที่แล้ว ที่น่าแปลกใจคือ มีมือถือรุ่นใหม่ทั้งหมด 1,446 รุ่นที่จำหน่ายในปี 2016 ลดลง 3.3% หากเทียบกับปีที่แล้ว แสดงว่ามือถือรุ่นเก่าขายดีกว่ามือถือรุ่นใหม่นั่นเอง

จากยอดจำหน่ายมือถือทั้งหมด 559.7 ล้านเครื่องนั้นพบว่าเป็นมือถือของแบรนด์เจ้าถิ่น เช่น OPPO, vivo, Huawei และ Xiaomi ทั้งหมด 497.8 ล้านเครื่องคิดเป็น 88.9% ของทั้งหมด มากขึ้นจากปีที่แล้วที่แบรนด์ท้องถื่นกินส่วนแบ่งไป 85% นอกจากนั้นส่วนแบ่งตลาดของมือถือที่รองรับ 4G ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้มือถือจำนวน 519.4 ล้านเครื่องหรือ 92.8% ของทั้งหมดรองรับคลื่น 4G ในประเทศเรียบร้อย

จากการวิจัยเพิ่มเติมพบว่า การเติบโตของสมาร์ทโฟนแบรนด์เจ้าถิ่นมาจาก 2 แบรนด์คือ OPPO และ vivo ที่พุ่งทะยานในปีนี้ โดยความสำเร็จของ OPPO และ vivo มาจากการขยายช่องทางจำหน่ายแบบ offline ผ่านร้านค้าปลีกทั่วไปและนวัตกรรมการออกแบบสมาร์ทโฟนที่โดนใจตลาด โดย OPPO มี่ส่วนแบ่งตลาด 16.6% และ vivo มีส่วนแบ่งตลาด 16.2% ในช่วง Q3 ของปี 2016 ที่ผ่านมา

นอกเหนือไปจากความสำเร็จในประเทศตัวเอง ตอนนี้แบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนก็เติบโตอย่างมากในตลาดนอกประเทศ โดยเฉพาะในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หากดูเฉพาะในตลาดประเทศอินเดียที่เป็นตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกเมื่อปีที่ผ่านมา แบรนด์จีนสามารถเข้ายึดส่วนแบ่งตลาดไปแล้วถึง 50% ซึ่งเป็นการกินพื้นที่เดิมของผู้นำอย่าง Samsung ด้วย สำหรับปี 2017 ก็เป็นอีกปีที่น่าจับตามองว่าแบรนด์สมาร์ทโฟนจีนจะไปต่อได้ขนาดไหน และแบรนด์ใหญ่เจ้าอื่นๆจะต่อกรการรุกรานครั้งนี้ได้อย่างไร คอยชมกันครับ

 

ที่มา: GizmoChina