รีวิวเปรียบเทียบ OPPO F1s กับ vivo V5 ศึกเจ้าแม่เซลฟี่! งานนี้ใครจะน่าสนใจกว่ากัน

การมาของ vivo V5 ดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้ผู้ใช้งานหลายคน ที่กำลังเล็งสมาร์ทโฟนในกลุ่ม Selfie Phone อยู่นั้น อาจต้องหวั่นไหวกันพอสมควร เพราะหากมองภาพรวมของ V5 ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่แพ้ผู้มีอิทธิพลในเซ็กเมนท์นี้อย่าง OPPO F1s เลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจให้กับใครที่กำลังลังเลอยู่ จึงขอหยิบ vivo V5 และ OPPO F1s สองสมาร์ทโฟนเซลฟี่ตัวแม่ที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้ มาเทียบกันสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง 

งานดีไซน์

vivo V5 มาพร้อมคอนเซ็ปท์การออกแบบแบบ Sleek Brilliant Design ที่เน้นให้ตัวเครื่องบางเป็นพิเศษ เคลือบสีเมทัลลิกเสริมความสวยงาม เพื่อให้สอดรับกับกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass แบบ 2.5D ในขณะที่มิติตัวเครื่องมีขนาด 153.8×75.5×7.55 มิลลิเมตร มีน้ำหนักตัวเครื่องรวม 154 กรัม

ในขณะที่ทางฝั่ง OPPO F1s คู่แข่งคนสำคัญ ก็มาพร้อมดีไซน์การออกแบบ Unibody ด้านตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม และใช้กระจกกันรอยแบบ 2.5D ครอบทับลงบนหน้าจอแสดงผลด้วยเช่นกัน มีมิติตัวเครื่องขนาด 154.5x76x7.38 มิลลิเมตร มีน้ำหนักตัวเครื่องรวม 160 กรัม

บทสรุปด้านดีไซน์ : ในด้านของดีไซน์หรือการออกแบบตัวเครื่อง OPPO F1s จะมีตัวเครื่องที่เพรียวบางกว่า แต่มีน้ำหนักรวมมากกว่าทาง vivo V5 อยู่นิดหน่อย ในขณะภาพรวมของทั้งสองรุ่นบอกเลยว่าละม้ายคล้ายคลึงกันมาก~ ครับ

สเปกตัวเครื่อง

vivo V5 มาพร้อมคอนเซ็ปท์ “Perfect Selfie” ที่ใช้เป็นจุดขายของรุ่น โดยเน้นให้ทุกการถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาสวยได้เสมอ ซึ่งให้กล้องหน้าความละเอียดสูง 20 ล้านพิกเซล ( F2.0 ) เลือกใช้งานเซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX 376 ขนาด 1/ 2.78″ ครอบทับด้วยเลนส์กระจก 5 ชั้น และมีไฟแฟลช Selfie ที่ทาง vivo ให้ชื่อว่า Moonlight Selfie มาให้ในตัว ในขณะที่กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F2.2)

ด้าน OPPO F1s ใช้คอนเซ็ปท์ “Selfie Expert” ในการชูจุดเด่นของรุ่น โดยเน้นให้ผู้ใช้งานสามารถเป็นผู้เชียวชาญด้านการเซลฟี่ได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้กล้องบน F1s เท่านั้น ซึ่งให้กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ( F2.0 ) ใช้เซ็นเซอร์กล้องขนาด 1/3.1″ ในขณะที่กล้องหลังให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล (F2.2)  

ภาพเซลฟี่ตัวอย่าง : OPPO F1s (ซ้าย) และ vivo V5 (ขวา)

ทั้งสองรุ่นมีโหมดหน้าสวยหรือ Beauty Mode ที่แตกต่างกันนิดหน่อย ทางฝั่งของ OPPO F1s นั้นนอกจากระดับความสวย 1-7 แล้วยังเลือกโทนสีได้ว่าจะชอบแบบธรรมชาติ หรือขาวอมชมพู ส่วนของทาง vivo V5 นั้นมีแค่ระดับความสวยเพียงอย่างเดียว แต่ปรับได้ตั้งแต่ 1-100

ภาพแรก OPPO F1s เลือกถ่ายปกติ เปิด Beauty Mode เต็มไปเลย ส่วนของ vivo V5 เปิดกลางๆ ประมาณ 50

ภาพนี้ OPPO F1s ลองปรับมาถ่ายแบบ Rosy ผิวอมชมพูบ้าง Beauty เปิดเต็มเช่นเคย ส่วนของ vivo V5 ลองดันไปที่ 100 เต็มสเกล

จากที่ได้ทดสอบมากล้องของ OPPO F1s นั้นสามารถปรับแสงเวลาเซลฟี่ได้ดี ถ้าหน้ามืดหรือย้อนแสง ก็สามารถดันให้หน้าสว่างได้เป๊ะ เลือกโทนสีหน้าได้ แม้ปรับบิวตี้สุดก็ยังดูเป็นธรรมชาติ ทางฝั่งของ vivo V5 เองก็ทำได้ แต่ในบางครั้งก็เหมือนยังไม่แม่นเท่าที่ควร แต่ด้วยโหมดบิวตี้มีสเกลไปถึง 100 ถ้าดันสุดก็จะได้หน้าเนียนปิ๊งไปเลยซึ่งบางคนอาจจะชอบ และถ้าอยากได้เนียนแต่ยังดูธรรมชาติประมาณ 50 ก็เพียงพอ  

ใครที่อยากเห็นรายละเอียดของภาพจากกล้องทั้งสองรุ่น สามารถเข้าไปดูรูปเซลฟี่เพิ่มเติมได้ที่บทความรีวิวโดยตรงได้เลยครับ vivo V5 คลิกเลย! ส่วนของ OPPO F1s ทางนี้คลิกเลย!

ฟีเจอร์ที่มีเหมือนกัน 

ระบบสแกนลายนิ้วมือ : ทั้ง vivo V5 และ OPPO F1s มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยพื้นฐานบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งทั้งสองรุ่นวางตำแหน่งแป้นสแกนไว้ที่ปุ่มโฮมเหมือนกัน

โหมดถ่ายภาพ Beauty Face : โหมดหน้าสวยอีกหนึ่งฟังก์ชั่น ที่สมาร์ทโฟนสายเซลฟี่ต้องมีติดไว้เป็นอาวุธประจำเครื่อง ซึ่ง OPPO F1s ก็มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ Beautify 4.0 ที่ให้เลือกปรับแต่งให้ภาพเซลฟี่ออกมาสวยเนียนเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ทางด้านของ vivo V5 เองก็มีโหมดถ่ายภาพ Beauty Face 6.0 ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกให้ตัวกล้องทำการปรับภาพเซลฟี่ให้อัตโนมัติ หรือจะเลือกปรับเองก็ทำได้ 

ไฟแฟลชกล้องหน้า : เป็นอีกสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนสายเซลฟี่ โดย OPPO F1s ใช้หน้าจอปล่อยเป็นแฟลชออกมา ในขณะที่ทางด้าน vivo V5 ก็มาไฟแฟลชกล้องหน้า Moonlight Selfie  ที่ทาง vivo ได้ทำการปรับจูนมาให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพเซลฟี่ ซึ่งเรื่องของแสงแฟลชนั้นทาง V5 แสงจะออกนวลๆ กว่าทาง F1s

จุดเด่นที่น่าสนใจเพิ่มเติมของ vivo V5

vivo V5 มาพร้อมจุดเด่นเพิ่มเติมที่แตกต่างจาก OPPO F1s อย่างแรกคือ เรื่องของระบบเสียง ที่ทาง vivo ได้ใช้ชิพเสียงแยก AK4376 พร้อมระบบเสียง HiFi ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาให้ในตัว ในขณะที่ด้านหน้าจอเองก็มีฟังก์ชั่นถนอมสายตา eye Protection ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านเอกสาร หรือหนังสือ E-Book ได้สบายตา รวมทั้งยังรันบน Funtouch OS 2.6 ที่พัฒนาบนพื้นฐาน Android OS 6.0 ที่ใหม่กว่าทาง OPPO

จุดเด่นเพิ่มเติมของ OPPO F1s 

OPPO F1s เองก็มีจุดเด่นเพิ่มเติมที่แตกต่างจากทาง vivo V5 ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบสองซิม ที่ไม่ต้องเลือกใช้งานซิมที่สองกับ MicroSD Card เพราะสามารถใช้งานพร้อมกันได้ทั้งหมด ในขณะที่กล้องหน้ามีโหมดถ่ายภาพ Selfie Panorama ที่เพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพเซลฟี่ให้มากขึ้น

การวางจำหน่าย

vivo V5 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้ ด้วยราคา 8,990 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ สีทองและสีชมพู Rose Gold

ส่วน OPPO F1s ก็วางจำหน่ายมาได้สักระยะแล้ว โดยตอนนี้บางร้านมีโปรโมชั่นปรับราคาลงมาที่ 8,990 บาท จากราคาปกติ 9,990 บาท และมีสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ ทองและชมพู Rose Gold  พร้อมสีพิเศษฉลองความสำเร็จอีก 1 สี คือ สีดำ Black Classic Limited มีเพียง 2,000 เครื่องเท่านั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) 

บทสรุปส่งท้าย 

เมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ทั้งสองรุ่นบอกตามตรงเลยครับว่า ไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก ทั้งขนาดตัวเครื่อง สเปกตัวเครื่อง รวมไปถึงกล้องหน้าที่เป็นจุดขายของทั้งสองรุ่น แต่หากเรามองตามสเปกบนกระดาษ ก็อาจจะบอกได้ว่าทาง vivo V5 ดูจะมีภาษีดีกว่าหน่อย ทั้งจากความสดใหม่ของเทคโนโลยี เพราะเพิ่งวางจำหน่าย ความละเอียดของซ็นเซอร์กล้องหน้าที่สูงกว่านิดหน่อย มีชิพเสียงแยก AK4376 พร้อมระบบเสียง HiFi มาให้ ดังนั้นหากใครที่ชอบดูหนังฟังเพลงด้วย vivo V5 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกใจ

ในขณะที่ด้าน OPPO F1s เองก็มีลูกเล่นของโหมดถ่ายภาพกล้องหน้ามาให้เล่นมากกว่าฝั่ง vivo ทั้งโหมดบิวตี้ที่ปรับโทนสีได้ โหมดพาโนรามาเซลฟี่เป็นกลุ่ม หรือโหมดสร้างไฟล์ GIFs ต่างๆ รวมถึงตัว Color OS ดูจะฟรุ๊งฟริ๊งถูกใจสาวๆ มากกว่า

มาถึงตรงนี้คงต้องบอกว่า สุดท้ายแล้ว มวยคู่นี้เป็นคู่ที่กินกันไม่ลงจริงๆ คงต้องขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของผู้ใช้งานละครับ ว่าชื่นชอบ OS หรือ UI ของเจ้าไหน และชอบโทนสีของภาพ รวมถึงลูกเล่น การใช้งานตัวกล้องจากแบรนด์ใด เพราะแน่นอนว่าแต่ละคนมีความชอบที่ไม่มีเหมือนกันนั้นเอง