เก็บตกจากข่าว “คุกกี้รันกับบิลค่าบริการหฤโหด” มาเล่าให้ฟังกันซักหน่อย ว่าหลังเกิดเรื่องกสทช.ก็ได้เรียกทุกฝ่าย ทั้ง Google, LINE, AIS, DTAC, Truemove H เข้าร่วมหารือเพื่อป้องกันปัญหาบิลช็อคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกซึ่งมีบทสรุปดังนี้
- Google จะทำการตั้งค่าให้ยืนยันการใส่พาสเวิร์ดทุกครั้ง พร้อมส่งอีเมล์ตอบกลับเป็นภาษาไทย
- ทุกเครือข่ายจะต้องทำการรวมค่าบริการเสริมเข้าไปกับค่าบริการหลัก และกำหนดวงเงินไว้ไม่เกิน 1,000 บาท
- ทุกเครือข่ายจะมีการส่ง SMS ยืนยันการซื้อบริการไปยังเบอร์นั้นๆทันที
- หากผู้ใช้บริการเป็นผู้เยาว์ จะมีการส่ง SMS ไปหาผู้ปกครองด้วย
ยังไม่มีการเปิดเผยว่า Google จะใช้วิธีไหนในการยืนยันการใส่พาสเวิร์ด แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะปรับให้ต้องใส่พาสเวิร์ดก่อนซื้อบริการจาก Play Store เป็นค่าตั้งต้นทันที ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนไม่ต้องการรอก็สามารถตั้งค่าได้เองเลย โดยไปดูวิธีการตั้งค่าได้ที่ [Tips] วิธีตั้งรหัสผ่านป้องกันเด็กซื้อแอพ ซื้อเกมบน Google Play
ส่วนเรื่องการรวมค่าบริการเสริมเข้าไปในค่าบริการหลัก ยังไม่มีรายละเอียดบอกว่าวงเงินของค่าบริการเสริมนั้นแยกออกจาก ค่าใช้บริการหลักหรือไม่อย่างไร แต่การส่งข้อความไปหาผู้ปกครองนั้นจะเป็นการส่งเฉพาะภายในเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น เช่น ลูกใช้ AIS แต่พ่อใช้ Dtac ก็จะไม่มีการส่ง SMS แจ้งเตือนมาให้
ข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
ปัญหาคือ ใครจะไปรู้ว่าเบอร์ไหนผู้เยาว์หรือไม่เยาว์ล่ะ
ก็ต้องให้คนเปิดเบอร์ไปแจ้งอีกว่าเบอร์นี้ให้คนนั้นคนนี้ใช้
ซึ่งคนไทย ขี้เกียจไปกันหมดแน่ ๆ (ถึงมีให้ทำได้เองผ่าน * ก็น้อยคนจะทำ)
เดี๋ยวพอมีปัญหาอีก (แต่ยอดคงไม่เยอะล่ะ) ก็จะมีมาโวยเล็ก ๆ น้อยเรื่อง User error อีก
อันที่จริงค่ายมือถือควรระบุไปเลยว่า การเปิดเบอร์รายเดือนแล้วเอาไปให้ใครใช้ก็ตาม ถือว่าคนเปิดต้องรับผิดชอบทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย หรือความเสียหายที่เกิดจากคนเอาเบอร์ไปทำอะไรไม่ดีไม่งามมา (เช่นโทรไปด่าชาวบ้าน ส่งข้อความเกรียนๆ) ไม่ใช่สมควรมาอ้างได้ว่า เด็กเป็นคนใช้ เป็นผู้เยาว์ดังนั้นการทำธุระกรรมถือเป็นโฆษียะไม่ได้ เพราะอีพ่ออีแม่มันเปิดให้เองหนิก็ต้องควบคุมให้ดี ไม่งั้นก็เติมเงินโลดนะน้องนะ
ถ้ารวมค่าบริการทั้งสองอย่างแล้วไม่ให้เกิน 1000 จริงไม่ make sense นะผมว่า
คือคนซื้อจริง 1000 นึงนี่น้อยมาก โปรบางคนก็ปาไป 799,899 แล้ว
วงเงินนะให้ตั้งได้เหมือนเดิมแหละ แต่รวมค่าบริการเสริมไปด้วยผมเห็นด้วยนะเจ้าของเบอร์ต้องรับผิดชอบทุกกรณี
ทุกวันนี้ผมทำงานด้านนี้เจอบางคนโวยวายใหญ่โต ไม่เคยเล่นเกมไม่เคยใช้ สุดท้ายเจอข้อมูล login เจอรูปโปรไฟล์ก็หงายเงิบเลย เสียงอ่อยบอกว่าขอจ่ายครึ่งนึงได้ไหม เพลียครับ บอกตรงๆ
1000 นี้นับเฉพาะค่าโทรเกินครับ ไม่นับค่าโปร 799 899 นะครับ
เท่าที่อ่านข่าวผ่าน ๆ ตารู้สึกยอดไม่เกิน 1000 บาทน่าจะเป็นต่อครั้งนะครับ ส่วนยอดรวมต่อเดือนเหมือนจะยังไม่ได้สรุปชัดเจน
แต่จริง ๆ แล้วทั้งยอดต่อครั้งกับยอดรวมทั้งเดือนเจ้าของเบอร์คงกำหนดได้เองอยู่ดี ตัวเลข 1000 บาทคงเป็นยอดเริ่มต้นเพื่อเอาสะดวกมากกว่าครับ
กรณีนี้ ต้องบอกว่า เกรียนตัวอย่าง
เพราะเท่าที่เห็นจริงๆ มันก็มาจากการศึกษาไทยด้วยส่วนหนึ่ง คือใช้งานกันอย่างขาดความเข้าใจ
แต่ก็ต้องโทษระบบที่มันมีช่องโหว่เหมือนกัน
ผมเห็นด้วยนะ อยากรู้เหมือนกันมันเกิดกับผู้ใช้ประเทศอื่นๆมากน้อยแค่ไหน
อย่าไปโยงกับการศึกษา เพราะมันไม่ได้เกียวเลย แยกแยะด้วยครับ คนที่ทำคือเด็กอายุ 12 การศึกษาไม่ได้สอนให้กันโดนหลอกเรื่องนี้ ผมบอกได้คำเดียวว่า ระบบ และ ais ผิดเต็มๆ คุณลองจิตนาการว่าเป็นเด็กอายุ 12 ดิว่าจะมีวุฒิภาวะในเรื่องแบบนี้แค่ไหนกัน
ถ้ามองฝั่งเด็ก เด็กตั้งใจโกง ขนาดแสวงหา youtube มาดูและทำตามนะครับ
ก็เพราะมันไม่มีวุฒิภาวะทางความคิดไงครับ ว่าอันนี้จริงอันนี้หลอก อันนี้ทำไม่ได้แล้ว อันนี้ยังทำได้อยู่นะ ไม่งั้นไอ้พวกผู้ใหญ่ที่หลอกตังเด็กมันจะมีอยู่ไหมครับ เด็กมันก็คือเด็ก ให้มันโคตรฉลาดยังไงมันก็คือเด็ก ประสบการณ์ชีวิตมันมีมาแค่ 12 ปี คุณอยู่กันมาถึง 20-30 ปีก็พูดกันได้
ถือว่าจบได้ดี
ถ้าจ้องแต่จะหาคนผิด หาคนรับผิดชอบ คงไม่จบง่าย ๆ
จากที่อ่านเหมือนท่านบนๆไม่เข้าใจ ค่าบริการเสริมรวมกับค่าบริการหลัก ไม่เกิน 1000 หมายถึง ค่าบริการที่โทรเกินโปรรวมกับ ค่า sms ที่ต้องเสียเงิน + ค่าซื้อ app ต้องไม่เกิน 1000 ซึ่งยอดตรงนี้ขยายเพิ่มได้
1000 ไม่ได้รวมกับค่าบริการรายเดือนหลักตามโปรที่ต้องจ่าย ไม่ใช่จ่ายค่าบริการ 899 แล้วเหลือยอดที่ใช้ได้แค่ 101 แต่เป็น 899 + 1000 ครับ
ส่วนตัวถามว่าป้องกันได้ไหมตอบเลยว่าไม่ได้ 100% แน่ๆ ถามว่าทำไม อย่างเด็กที่มีข่าวไป สมัครเองทุกอย่างแต่เป็นเบอร์แม่เปิดให้ กรณีอย่างนี้ จะป้องกันยังไง เครื่องอยู่ที่เด็ก pass อยู่ที่เด็ก แค่ขโมยบัตรแม่มาก็สมัครได้แล้ว แม่ไม่รู้อะไรเลย สักแต่ว่าอยากให้คนใช้บริการทำได้ง่าย สรุปป้องกันไม่ได้อยู่ดี
วิธีที่ได้ผลแน่ๆ 100% คือ? แนะนำเลยอย่างแรกลงทะเบียนที่เคาเตอร์ อย่างที่ 2 จำกัดอายุห้ามตำกว่า 18 ถ้าจะทำก็ต้องให้พ่อแม่มาทำให้จบ คนจ่ายเงินรับรู้ทุกอย่าง บ่ายเบียงไม่ได้ ต้องคอยคุมลูกคอยเช็คจำนวนเงิน ง่ายกว่าไอระบบยุ่งยากที่คิดมาทั้งหมดตั้งเยอะ แต่คนใช้ก็ต้องยอมเสียเวลา
ผิดที่ใคร? คนขายทำให้สักแต่ว่าง่ายผิดขึ้นมาก็เป็นเรื่อง คนใช้ขี้เกียจทำอะไรยุ่งยากเสียเวลาผิดขึ้นมาบ่ายเบี่ยง
วิธีการที่ทำข้างบนทั้งหมดก็เพื่อให้มีคนโดนหลอกให้เสียเงินเดือนละ 1000 โดยไม่รู้ตัวแค่นั้นเอง ไม่ได้เป็นการป้องกันอะไรเลย
สรุปแล้วทั้งหมดนี้มันก็แค่หลอกขายของเพิ่มยอด
+1
ผมมีวิธีง่ายกว่านั้น ให้ลูกใช้ระบบเติมเงินครับ
ถูกกกกกกกกกก
ผมว่าประกาศชัดๆ ไปเลยว่าเรามีมาตรการป้องกันแล้ว ต่อไปใครทำ จ่ายเต็มจำนวน
ระบบป้องกันให้ได้ระดับนึง ที่เหลือต้องเรียนรู้กันด้วยความเจ็บปวดครับ จะได้จำ สังคมไทยเป็นอารมณ์ว่าเจ็บแล้วถึงจำ ไม่งั้นก็คิดแต่จะเอาสบายอยู่ร่ำไป
ให้มันใช้แบบเติมเงิน ตอนนี้ผมก็ยังใช้แบบเติมเงินอยู่เลย มีแต่คนถามเวลาเติมเงิน ว่าพี่ถ้าพี่เติมเงินขนาดนี้พี่ทำไมไม่ใช้แบบรายเดือนไปเลยล่ะว่ะ สุดท้ายก็ไม่รู้จะตอบมันว่ายังไง ปล่อยมันงงต่อไป
จริงๆแล้วระบบเติมเงินเป็นระบบที่แฟร์กับผู้ใช้มากๆ แต่หลายๆคนเลือกสบายใช้รายเดือน
มีเรื่องเล่าให้ฟัง
มีพี่อยู่คนนึงใช้รายเดือน ais มานานมากโปร 600 บาท 600 นาทีผมก็บอกให้เปลียนเป็นเติมเงิน เพราะตอนนี้เติมเงินนาทีละแค่ 0.75 เค้าบอกว่าขี้เกียจเติม เดียวเวลาเงินหมดลำบาก
ผมก็เลยถามกลับไปว่า พี่ 600 นาทีพี่ใช้เกินไหม? พี่เค้าตอบมาว่าไม่เกินนะ ผมเลยบอกเค้าไปว่า งั้นพี่เติมไปเลยเดือนละ 600 ก็จบ หมดเดือนเงินพี่ไม่ได้โดนตัดใช้เหลือก็ทบไปเรื่อย แต่พี่ใช้รายเดือนหมดเดือนพี่ใช้ไม่ครบ 600 พี่โดนตัดพร้อมทั้งเก็บเต็มจำนวน อันไหนคุ้มกว่ากัน?
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันสำหรับบางคนเนตบ้านก็มี wifi ใช้แต่เลือกใช้โปร 899 เนตเหลือทุกเดือน แต่คนที่บ้านไม่มี wifi อันนั้นผมก็เข้าใจก็ว่ากันไป
ปล. รายเดือนโทรเกินนาทีละ 1.25 นะครัช แต่เติมเงินไม่มีโทรเกินนะ
ยกตัวอย่างได้แจ่มเลยครับ เข้าใจเลยทีเดียว
1000 นี่น่าจะเป็นค่าตั้งต้นไหม ถ้าใครไม่ได้แจ้งคงไว้ที่ 1000 ก่อน ส่วนใครจะใช้เยอะๆ ก็ค่อยไปขยายได้ แบบนี้ผมว่าก็ดีนะ เพราะคนส่วนมากผมเชื่อว่าจ่ายกันไม่ถึงพันต่อเดือนกัน
ก็ไม่แน่นะครัช โดยเฉพาะเด็กที่ไม่รู้จักบริหารเงิน
ยังไงโดนบิลมา 2000 แม่ก็ต้องจ่าย
คือกรณีนี้เป็นทางออกที่ดีไหมผมไม่รู้ แต่ผมเห็นด้วยกับ reply บน ๆ ที่ว่า
อย่างน้อยต้องให้ขั้นตอนมันยุ่งยากกว่านี้หน่อยเนื่องจากนิสัยคนไทย ชอบผลักภาระครับ นู่นนี่นั่น โยนให้ระบบหมด ไม่โทษตัวเองเลยว่าผิดหรือเปล่า
เพราะงั้น ไปรับรู้ข้อกำหนดด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง แสดงความต้องการที่จะใช้ เค้ามีบริการแล้วสักแต่ว่าใช้แต่ไม่เคยศึกษา ถึงได้มีหลายๆ กรณีก่อนหน้านี้
มองว่าคนใช้ผู้น่ารักก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน ไม่ใช่รอเขามาแก้ ไม่ใช่บอกว่าเค้าผิดอยู่ฝ่ายเดียว
กรณีนี้ก็ดีครับ คือบิลมันอยู่ในเกณฑ์ที่มีปัญญาจ่าย แต่ถ้าจะแสดงความจริงใจจริงๆ ก็ควรจะเป็นลักษณะใครอยากจ่ายตรงนี้ก็ให้เข้าไปยื่นเรื่องเปิดบริการ เอาบัตรประชาชนไปยืนยันการเป็นเจ้าของเบอร์ที่ศูนย์หรืออะไรก็ว่าไป ให้มันชัดเจน และรับรู้ด้วยกันทั้งสองฝ่ายดีกว่า
ตอนสมัครใช้บริการ ให้มีเขียนบอกเลยว่า ให้ค่าบริการส่วนเกิน สูงสุดเท่าไร..
ใครอยากเสียเงินเยอะ ก็เปิดไว้สูงๆ ใครเสียเงินน้อยก็เปิดไว้ต่ำๆ
ค่าบริการส่วนนี้ โทรไปแก้ไขได้ หรือเพิ่มวงเงินชั่วคราวได้ เหมือนบัตรเครดิต
เรื่องนี้ต้องช่วยกันป้องกันทุกฝ่ายครับ จะไปว่าผู้ใช้เหรอ เอาความผิดไปลงที่ผู้ให้บริการเหรอ หรือจะโทษบริษัทเขียนเกมส์มันก็ผิดทั้งนั้นแหละ ต้องช่วยกัน
1. ผู้ใช้ต้องทำความเข้าใจก่อนจะเลือกซื้อบริการอะไร
2. และอะไรที่ทำให้ผู้ใช้ไม่เข้าใจ ผู้ให้บริการต้องตระหนักว่าเป็นปัญหา ควรหาช่องทางที่ดีในการทำความเข้าใจให้ผู้ใช้ก่อนซื้้อ ไม่ใช้พอปัญหาเกิดแล้วมาโทษผู้ใช้ว่าไม่ยอมอ่าน บร้าเหรอทิด ถึงอ่านเข้าใจไปแล้วแต่ยังไงมันก็ต้องมีพลาดบ้างเป็นธรรมดาโลก ทำอย่างกับนักปราชญ์ไม่รู้พลั้งไปได้
3. ผู้ผลิตนี่ตัวดีเลย อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองจนทำให้ช่องโหว่เล็กๆน้อยๆมันทำร้ายผู้ใช้เลยครับ เพราะมันบ่งบอกถึงสันดานผู้สร้าง ว่าเห็นแก่ได้ และไม่มีความรับผิดชอบ ทำให้เป็นมาตรฐานเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์หนะ
http://droidsans.com/how-to-set-passsword-for-every-purchase-on-google-play
มันก็ตั้งรหัสได้นานแล้ว ผมงงว่าไม่ปลอดภัยตรงไหน
เค้าเขียนมาแล้ว คนใช้อ่านไม่ออกนี่ความผิดใคร
เข้าใจคำว่าบังคับใส่ป่าวครับ?
เมื่อก่อนใครอยากป้องกันก็ใส่ แต่อีกหน่อยจะบังคับใส่ เข้าใจนะครับ
อ่านให้ถี่ถ้วนก่อนค่อยตอบนะครับ เพราะที่คุณพิมน่ะมันย้อนเข้าตัวเอง
ความผิด google ครับ
เพราะตามหลัก
ค่า Default มันควรจะ "ถามทุกครั้ง" ครับ
แต่ google ตั้งให้ Default เป็น "ไม่ต้องถาม"
ถ้าจะแก้ให้ "ถามทุกครั้ง" ได้ต้องเป็นคนที่มีความรู้พอควร
ปัญหาเลยเกิด
จะใส่หรือไม่ใส่หรือบังคับใส่มันก็ช่วยไม่ได้ตราบใดที่เด็กเป็นคนถือ pass
ปัญหานี้มีแค่อย่างเดียวคือ ปลอยให้เด็กใช้ได้โดยพ่อแม่ไม่รู้ ถามว่าทำยังไงให้พ่อแม่รู้ กลับไปอ่านข้างบนครับ