ตลาดฮาร์ดดิสก์ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะขาดตลาดรุนแรง หลังคำสั่งซื้อจากศูนย์ข้อมูลและระบบ AI เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สินค้าขาดแคลนยาวนานเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะรุ่นความจุสูงสำหรับองค์กรที่ถูกจองล่วงหน้าเต็มทุกล็อต ความต้องการนี้เกิดจากการเร่งสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อรองรับการประมวลผลของโมเดล Generative AI และบริการคลาวด์ที่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล

รายงานจาก DigiTimes, TrendForce และ TechRadar ระบุว่า ราคาฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-30% ภายในปีเดียว โดยเฉพาะรุ่นเกรดองค์กร (Enterprise/Nearline HDD) ที่มีออเดอร์ค้างนานถึง 24 เดือน ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Seagate และ Western Digital ยืนยันว่าคำสั่งซื้อจากผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพื่อรองรับการทำงานของระบบ AI ขนาดใหญ่ (LLM) และบริการประมวลผลเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ

ความต้องการที่สูงเกินคาดทำให้โรงงานผลิตต้องแบ่งกำลังการผลิตระหว่าง HDD, DRAM และ NAND ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่ตลาด AI ต้องการพร้อมกัน ทำให้สต็อกสำรองที่เคยมีอยู่หลายเดือน เหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ ส่งผลให้ลูกค้าทั่วไปและผู้ให้บริการรายย่อยต้องรอสินค้านานขึ้นหรือไม่สามารถสั่งล็อตใหม่ได้ทันเวลา

เมื่อฮาร์ดดิสก์กลายเป็นของหายาก ผู้ให้บริการบางรายเริ่มหันไปใช้ QLC SSD (Quad-Level Cell) แทน โดยเฉพาะในงานเก็บข้อมูลปริมาณมากที่มีการเขียนซ้ำไม่บ่อย เช่น Cold Storage หรือ Warm Storage เนื่องจากราคาต่อความจุของ QLC SSD เริ่มใกล้เคียงกับฮาร์ดดิสก์ อีกทั้งเทคโนโลยีคอนโทรลเลอร์และการออกแบบที่ดีช่วยให้รองรับเวิร์กโหลดบางประเภทได้ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการ QLC ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วนี้กลับทำให้กำลังการผลิต NAND ถูกจองเต็มยาวถึงปี 2569 เสี่ยงเกิดภาวะ “ขาดแคลนซ้ำซ้อน” ทั้งในตลาด HDD และ SSD

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ผลกระทบเริ่มเห็นชัดจากราคาฮาร์ดดิสก์และ SSD รุ่นคุ้มค่าที่ปรับตัวสูงขึ้น สินค้าบางรุ่นเริ่มขาดตลาดหรือมีรอบจัดส่งล่าช้า ร้านค้าและผู้ใช้จึงควรวางแผนสำรองข้อมูลและจัดซื้ออุปกรณ์ล่วงหน้า โดยอาจพิจารณาใช้ QLC SSD ผสมกับโซลูชันแบ็กอัปที่เหมาะสมแทนการรอฮาร์ดดิสก์ราคาถูกแบบเดิม

ขณะเดียวกัน ภาวะขาดแคลนครั้งนี้กลับกลายเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์หลักของโลกกว่า 80% โดย Western Digital และ Seagate ได้ขยายการลงทุนรวมกว่า 39,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ปราจีนบุรี และศรีราชา สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลระดับโลก ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการลงทุนด้านฮาร์ดดิสก์และชิ้นส่วนในไทยกว่า 42 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 82,600 ล้านบาท ซึ่งตอกย้ำบทบาทสำคัญของประเทศไทยในห่วงโซ่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก

ที่ม : ฐานเศรษฐกิจ techspot