เอาจริง ๆ คอนเซปต์การแยกชื้นฮาร์ดแวร์ประกอบบนโน้ตบุ๊คไม่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะก่อนหน้านี้มีค่าย Framework เคยทำออกมาขายจริงแล้วหนึ่งรุ่น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี แต่ติดตรงที่ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่จะใช้อัปเกรดได้ต้องเป็นของที่บริษัทฯ ทำเองเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น หาซื้อชิ้นส่วนยาก, ราคาแพง หรือถอดของเก่าไปใช้ประโยชน์อื่นหรือขายต่อก็ลำบาก เพราะไม่ค่อยมีใครรับซื้อ

โน้ตบุ๊คในฝัน…Framework Laptop ถอดชิ้นส่วนเปลี่ยนเอง หรือจะอัปเกรดเอง จาก Intel 11th Gen เป็น 12th Gen ก็ได้

วันนี้ค่ายใหญ่ขึ้นอย่าง Dell ก็มีแนวคิดสนใจจะเจาะตลาดนี้อยู่เหมือนกัน ประกาศเปิดตัว Concept Luna เป็นคอนเซปต์โน้ตบุ๊คถอดประกอบเองได้คล้ายกับของฝั่ง Framework คือสามารถถอดอะไหล่ฮาร์ดแวร์เพื่ออัปเกรดหรือถอดซ่อมรายชิ้นได้ แต่เจ๋งกว่านิดหน่อยคือ แกะถอดเปลี่ยนได้ยันพาแนลจอ, คีย์บอร์ด และบอดี้ ขณะที่ของเดิม ๆ ในตลาดตอนนี้เปลี่ยนได้เฉพาะส่วนฮาร์ดแวร์สเปคเท่านั้น

Play video

คอนเซปต์ครั้งนี้ของ Dell จะไม่เหมือนกับที่อื่น คือไม่ได้เน้นขายให้ผู้ใช้ซื้อชิ้นส่วนย่อยไปประกอบกันเองเป็นหลัก แต่จะเน้นผูกกับบริการหลังการขาย คือหากผู้ใช้ต้องการอัปเกรดส่วนไหน ก็สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการของ Dell เพื่อเลือกส่วนที่อยากเปลี่ยนนั้นได้ตามใจชอบเลย เช่น อยากเปลี่ยนเฉพาะซีพียู หรือแค่สีบอดี้อย่างเดียว ก็ยกคอมไปที่ศูนย์แล้วรอรับได้ทันที แถมจะได้ในราคารวมกับค่าบริการที่ไม่แพงด้วย

สาเหตุที่ Dell ตั้งใจทำให้โครงสร้างของโน้ตบุ๊ค Concept Luna ถอดประกอบง่าย ก็เพื่อจะให้สอดรับกับระบบ Robotic Automation หลังบ้านของตัวเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสามารถซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนได้รวดเร็ว ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จ เนื่องจากกลไกในการจัดการตัวเครื่องมันถูกวางไว้หมดแล้ว เลยไม่ต้องใช้เวลาแกะแบบ manual เหมือนในอดีต แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าจะต้องยึดติดอยู่กับศูนย์อย่างเดียว Dell ยังคงเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถนำไปถอดซ่อมหรืออัปเกรดด้วยตัวเองได้ง่ายอยู่เช่นกัน (แต่คงเป็นกรณีที่เมื่อแนวคิดนี้ติดตลาดแล้ว และมีฮาร์ดแวร์ให้หาซื้อได้ทั่วไปเหมือนพีซีประกอบเท่านั้น)

Dell ระบุว่าโปรเจคนี้จะกลายเป็นอนาคตที่สร้างความยั่งยืนให้กับทั้งวงการพีซีและสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องค่อยอัปเกรดโน้ตบุ๊คใหม่ทั้งเครื่องกันให้เปลืองงบแล้ว ยังเป็นการช่วยลดขยะฮาร์ดแวร์ได้จำนวนมากด้วย เพราะชิ้นส่วนทุกอย่างที่ออกแบบมาระบุว่าสามารถนำไป recycle หรือ refurbish ได้ง่ายทั้งหมด เรียกว่าเป็นอีกโปรเจคหนึ่งที่ถ้าเกิดขึ้นจริงและได้รับความนิยมเมื่อไหร่ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อโลกมาก ๆ ทีเดียวครับ

 

 

ที่มา : TechSpot