ในวันนี้ทางกระทรวงดิจิทัลได้แถลงว่าได้เตรียมดำเนินการขอคำสั่งปิดกั้นกับทาง Facebook ที่ให้บริการในประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าทางบริษัทได้ปล่อยให้มีการสร้างเพจปลอมขึ้นมา มีการรับเงินจากการยิงแอดโฆษณาแต่ไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการรับผิดชอบใด ๆ จากบริษัท พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งดำเนินคดีกับทางแพลตฟอร์ม

นายชัยวุฒิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ร่วมแถลงว่า ได้พบมีเพจปลอมทั้งหลายเกิดขึ้นมาบน Facebook ซึ่งทางบริษัทเองก็ได้รับเงินจากเพจดังกล่าว จึงถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการหลอกลวง พูดง่าย ๆ คือ รับเงินมาและไปช่วยเค้าโฆษณานั่นแหละ

จากสถิติพบว่า กว่า 70% คือการหลอกลวงลงทุนและ กว่า 90% คือการหลอกขายของออนไลน์บน Facebook ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง

ล่าสุดทางกระทรวงดิจิทัลได้ตรวจสอบแล้วพบว่าทางแพลตฟอร์มมีความผิดในพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย จึงได้ทำการดำเนินการขอคำสั่งต่อศาลในการปิดกั้นเฟสบุ๊ค ในฐานะที่รับเงินโฆษณาและส่งเพจไปหลอกลวงประชาชน โดยจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง พร้อมทั้งกล่าวว่าทาง Facebook มาทำธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองไทย เป็นภัยความมั่นคงของชาติ

ตอนนี้ได้กำลังรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการฟ้องครั้งแรกจะขออำนาจปิด Facebook 1 เดือนก่อน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลแล้วว่าจะปิดกั้นหรือไม่ ยังไง

อีกทั้งได้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาทางกระทรวงเองพยายามที่จะตามปิดแอคเคาท์ปลอมต่าง ๆ  แต่ก็เหมือนแมวไล่จับหนู เพราะปิดไป 1 เพจ ก็โผล่ขึ้นมาอีก 10 เพจ ซึ่งทางแพลตฟอร์มไม่ได้มีการสกรีนใด ๆ ซึ่งถ้าหากทางระบบปรับปรุงทางด้านนี้ไม่ได้ก็คงจะต้องปิด พร้อมทั้งแนะนำประชาชน อย่าหลงเชื่อเพจชวนลงทุนหรือชวนซื้อของออนไลน์เด็ดขาด

 

 

ที่มา : DES