หลังเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศใส่ชื่อ HUAWEI และบริษัทในเครืออีกกว่าหลายสิบบริษัทเข้าไปไว้ในบัญชีดำ หรือ Entity List ส่งผลให้บริษัทจีนเหล่านั้นไม่สามารถทำการค้าขายกับ Firms สัญชาติอเมริกันได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ออกมาเคลื่อนไหวใส่ชื่อ DJI บริษัทผลิตโดรนชื่อดัง และ SMIC บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของจีนเข้าไว้ไปไว้ในบัญชีดำนี้เพิ่มแล้ว
สำหรับสาเหตุของการแบน SMIC ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ก็มาจากการที่พวกเขาเชื่อว่าบริษัทผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ SMIC อาจจะนำเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไปใช้พัฒนาและผลิตอาวุธให้กับจีนนั่นเอง
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเพิ่มชื่อของ DJI หนึ่งในผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ของโลกเข้าไว้ในบัญชีดำฉบับนี้อีกด้วย เนื่องจากสหรัฐฯ มองว่า DJI นั้นไปละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน
ซึ่งหาก SIMC หรือ DJI ต้องการจะค้าขายหรือเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ของสหรัฐฯ พวกเขาจำเป็นต้องยื่นคำร้องก่อน คล้ายๆ กับกรณีของ HUAWEI นั่นเอง อีกทั้งการแบนรอบนี้ ผู้คนในสหรัฐฯ จะยังคงซื้อโดรนของ DJI ได้เหมือนเดิมนะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากการแบนรอบนี้จะเป็นเพียงการแบนไม่ให้ DJI เข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ของสหรัฐฯ เท่านั้น
นอกจาก DJI และ SMIC แล้ว ทาง BBC รายงานว่า ยังมีบริษัทสัญชาติจีนอีกเกือบ 80 แห่งที่ถูกใส่ชื่อเข้าไปไว้ในบัญชีดำนี้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่า HUAWEI อาจจะหันไปหา SMIC เพื่อนบ้าน ในการแก้ปัญหาไม่มีโรงงานผลิตชิปเซ็ต Kirin ของตัวเอง แต่พอ SMIC มาโดนแบนเหมือนกัน ก็ต้องบอกเลยว่าเหนื่อยแน่ครับงานนี้..
ที่มา: BBC
วันนี้จีนคงโดนผลกระทบมากมายจากสิ่งนี้
แต่อนาคตจะมีสินค้า/บริษัท/บริการมากมายที่ออกมาขายและโฆษณาว่า"ไม่มีเทคโนโลยีของสหรัฐ"
"เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ SMIC อาจจะนำเทคโนโลยีของสหรัฐฯ"
แสดงว่าเป็นความคาดเดา อย่างไม่มีหลักฐาน
ไปใช้พัฒนาและผลิตอาวุธให้กับจีนนั่นเอง"
โควทมาก็ไม่ครบ!!
SMIC เป็นบริษัทผลิต Semiconductor แล้วพวกเทคโนโลยีเครื่องมือการผลิตต่างๆ ที่ใช้อยู่ มีอเมริกาถือสิทธิบัตรอยู่ทั้งนั้น
แล้วเมื่อ SMIC เป็นบริษัท Semiconductor ยักษ์ใหญ่ที่สุดในจีน มันก็ต้องมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลปักกิ่งและกองทัพจีน ทุกอย่างมันก็เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว
แล้วอเมริกาที่ช่วงหลังไม่กินเส้นกับจีนอย่างหนักก็มีสิทธิ์แบนไม่ให้ใช้เทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตรของเขา เพื่อมาปีกกล้าขาแข็งกับตัวเอง มันสิทธิ์ของอเมริกาอยู่แล้ว ใครจะบ้าให้คนอื่นเอาวิชาของตัวเอง มาทำลายตัวเองล่ะครับ
ถ้าจีนอยากยิ่งใหญ่เหนือกว่า จีนก็แค่ต้องคิดค้นพื้นฐานเทคโนโลยีพวกนี้เป็นของตัวเองซะ
จีนเติบโตได้มาถึงทุกวันนี้ได้เพราะเทคโนโลยีพื้นฐานของคนอื่นทั้งนั้นที่เอามาต่อยอด
เทคโนโลทางทหารก็แกะของรัฐเซียมาก็อป แกะของอเมริกามาเลียนแบบ
สมควรละ SMIC ดันผลิต 7nmได้ เมกาเค้ายังผลิต10nmได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น(ส่วนใหญ่จะ14+++++)
จาก ผู้นำเทคโนโลยีของโลก มาเป็นตัวถ่วงเทคโนโลยีของโลก ยังไง จีน ก็จะกลายเป็น No.1 ของโลก ภายใน 5-10 ปีแน่นอน (อย่าไปดูถูกจีน ไทยเรายังไม่ถึงไหนเลย)
ยิ่งบีบให้เขาจนกรอกก็ยิ่งทำให้เขาเร่งพัฒนา ไม่เกิน 5-10 ปี จีนจะแซงแน่
อเมริกาบีบจีนแบบนี้ รังแต่จะเป็นผลเสียต่ออเมริกาเองนะเนี่ย ศักยภาพของจีนยุคนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว บุคลากรของจีนก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดมากๆ ต่อไปในอนาคต ทางเลือกที่จะมีเพียงแค่ Android, iOS จะไม่อยู่เพียงแค่นี้ แต่จะมีขั้วอำนาจที่ 3 อย่าง HarmonyOS เพิ่มเป็นอีก 1 ทางเลือก ส่วนด้านฮาร์ดแวร์ หากมีการ์ดคิดค้นและสามารถพัฒนาจนทัดเทียมกับ Snapdragon และ Apple A? ได้ ..เมื่อนั้นล่ะ สหรัฐจะเสียผลประโยชน์ซะเอง
ยิ่งไปบีบเขาให้จนตรอก ก็จะทำให้จีนค้นคว้าและพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนสักวัน จีนจะสามารถประกาศได้อย่างเต็มปากว่า "ไม่ใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา"
แถมมิหนำซ้ำ เนสต้องไม่ลืมว่า Huawei สามารถดันโทรศัพท์สมาร์ตโฟนของตัวเองจนขึ้นมาเรื่อยๆ จนขึ้นอันดับ 2 ของโลก ถีบ Apple ลงไป และเข้ามาหายใจรดต้นคอ Samsung ได้ ก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ แถมกล้องก็ติดอันดับ DxOMark อันดับ 1 มาตลอดด้วย ดูถูกได้ที่ไหนกันล่ะครับ (จะติดก็ตรงที่ Huawei รุ่นสูงๆ ไม่ทำโทรศัพท์ที่ใส่การ์ด MicroSD มาเลยสักรุ่นนี่แหละ ไม่งั้นผมก็แอบปันใจเข้าหาแทน Samsung แล้วล่ะ แถมแบตเท่ากันกับ Samsung แต่ใช้ได้อึดกว่าซะอีก Deep Sleep ก็หลับจริง นอนตื่นเช้ามา แบตลดกระจึ่งเดียว)