เป็นข่าวใหญ่เลยเมื่อมีรายงานว่า Semiconductor Manufacturing International Corp หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ SMIC บริษัทผลิตชิปเซ็ตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อที่จะขอทำธุรกิจการค้ากับ Huawei ต่อไป เนื่องจากเทคโนโลยีและกลไกเครื่องมือในการผลิตชิปเซ็ตบางส่วนของ SMIC ยังคงใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสหรัฐฯ อยู่

แม้ว่า SMIC จะมีฐานะเป็นบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดของจีน แต่เทคโนโลยีปัจจุบันของพวกเขายังตันอยู่เพียงแค่ 14 นาโนเมตรเท่านั้ ซึ่งหากไปเทียบกับยักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง TSMC หรือ Samsung ต้องบอกว่า SMIC ยังห่างไกลมากๆ เพราะสองบริษัทที่ว่ากำลังจะก้าวข้ามสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ไปขนาดจิ๋ว 5 นาโนเมตรแล้ว แต่ถึงอย่างไร SMIC ก็ยังถือว่าเป็นความหวังสุดท้ายของ Huawei อยู่ดี เพราะตอนนี้ทั้ง TSMC กับ Samsung ต่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อยู่ ทำให้ไม่สามารถดีลธุรกิจกับ Huawei ได้

แต่แล้วก็เป็นเรื่องจนได้ เมื่อล่าสุด SMIC ได้ออกมาประกาศผ่านสำนักข่าว Beijing News ว่า พวกเขาได้ติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐฯ ขออนุญาตทำการค้าขายส่งออกชิปเซ็ตให้กับ Huawei ตามเดิม เพราะสุดท้ายแล้ว พวกเขายังมีเครื่องมือผลิตชิปเซ็ตบางส่วนที่ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสหรัฐฯ อยู่ดี ดังนั้นหากพวกเขามีความประสงค์ที่จะค้าขายกับ Huawei ต่อ จะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนนั่นเอง

โดยรายได้รวมๆ ของ SMIC กว่า 20% ต่างมากับการสั่งผลิตชิปของ Huawei ทั้งสิ้น ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาจะยื่นอุทธรณ์แบบนี้ เพราะหากขาด Huawei ไป รายได้ของพวกเขาน่าจะหายไปเยอะอยู่

ซึ่ง SMIC ไม่ได้เป็นบริษัทแรกที่ออกมาทำแบบนี้นะ เพราะก่อนหน้านี้ MediaTek และ Samsung Display ต่างยื่นอุทธรณ์ลักษณะนี้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ทำให้ตอนนี้ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมีท่าทียังไงต่อ เพราะหากพวกเขาไม่อนุมัติคำร้องพวกนี้ บอกเลย Huawei อ่วมแน่ ไม่มีทั้งชิป, หน้าจอ OLED, หน่วยประมวลผลในส่วนอื่นๆ ทั้ง RAM และหน่วยความจำ รวมถึงเซ็นเซอร์กล้องต่างๆ ด้วย…

ก่อนหน้านี้ Reuters ได้รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะพิจารณาใส่ชื่อ SMIC เข้าไปไว้ในบัญชีดำ (Entity List) แบบเดียวกับที่พวกเขาทำต่อ Huawei ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เมื่อปีที่แล้ว ห้ามไม่ให้ทำธุรกิจกับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ แบบเดียวกับที่ Huawei กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

ที่มา: SCMP