ก่อนหน้านี้เราเพิ่งทดสอบ VoLTE กันไปแหม่บๆ ทาง dtac ก็มีปล่อยของใหม่ VoWiFi ตามออกมาอีกตัว เปิดใช้เป็นเจ้าแรกอีกครั้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีบ้านอยู่ในที่อับสัญญาน หรือว่าเดินทางต่างประเทศบ่อยๆ เพราะว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาคุยไม่รู้เรื่องเนื่องจากสัญญานอ่อน หรือว่าโทรกลับไทยได้โดยใช้จำนวนนาทีที่มีตามแพ็กเกจเลย

อธิบายให้เห็นภาพมากขึ้นอีกหน่อย สำหรับคนที่มีปัญหาเหล่านี้ ควรต้องรู้จักเจ้า VoWiFi เอาไว้

พื้นที่อับสัญญาน โทรเข้าออกคุยไม่ชัด เสียงไม่ดี หลุดบ่อย รอการวางเสาสัญญานเพิ่มเติมที่ไม่รู้จะมีเมื่อไหร่


 ไปต่างประเทศ จะรับสายหรือโทรออกก็กลัวค่าโรมมิ่งแพง

จะใช้แอพโทรผ่านเน็ตไปหาเบอร์ 02 หรือมือถือก็มีค่าใช้จ่าย หรือต้องซื้อบริการเสริมให้วุ่นวาย

แต่ว่าด้วย VoWiFi ปัญหาเหล่านี้ของคุณจะหมดไป (เก๊กเสียงหล่อเป็น TV Direct)

อยู่ในพื้นที่อับสัญญาน ปกติจะมีปัญหาโทรเข้าออกไม่ได้ หรือว่าโทรเข้าออกลำบาก แต่ถ้าเกิดว่ามีสัญญาน WiFi ซึ่งจะมาจากแหล่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะ Router หรือว่า WiFi Hotspot ก็สามารถเปิดใช้งาน VoWiFi ได้เลยทันที

หรือถ้าเกิดว่าเราไปต่างประเทศ อยากจะโทรกลับเมืองไทย โดยปกติเราจะต้องกังวลเวลาคนโทรเข้าว่าจะต้องเสียเงิน หรือต้องเซ็งตอนโทรออกเพราะเสียเงินเยอะกว่าปกติ ใช้ VoWiFi จะไม่มีปัญหานี้ รับสายโทรออกเหมือนอยู่ในประเทศ

หรือบางคนอาจจะบอกว่าในกรณีที่เราโทรหาคนรู้จักมี Facebook หรือว่า LINE ก็สามารถโทรได้ทันที แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเราต้องการจะโทรหาเบอร์ในประเทศไทย เช่น เบอร์ลูกค้า เบอร์ติดต่องานต่างๆ อันนี้ก็ต้องลำบากไปหาซื้อแพ็กเกจ หรือยอมทนใช้อัตราค่าโรมมิ่งแพงๆ

ซึ่งถ้าเกิดว่าเราใช้ VoWiFi จะแก้ปัญหานี้ได้ทันที เพียงมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากแหล่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะ WiFi ของโรงแรม, Pocket WiFi, หรือว่าจะ WiFi Hotspot ของคนรู้จัก ก็สามารถโทรกลับไทยโดยใช้แพ็กเกจตามปกติที่เรามีอยู่ในแต่ละเดือนได้ทันที

 บริการ VoWiFi เมื่อใช้งาน Voice Call หรือ Video Call ก็จะคิดจากจำนวนค่าโทรในแพ็กเกจ เช่น ในที่นี้คือคอลัมภ์โทรฟรีทุกเครือข่าย 100-300 นาที นั่นเอง


จากการทดสอบ ก็จะเห็นว่าสามารถโทรออกได้แม้ว่าจะเปิดโหมดเครื่องบินอยู่ จากที่ปกติเปิดโหมดเครื่องบินแล้วไม่ควรจะทำการโทรได้ เพราะเครื่องมันจะบินหายไปแล้ว #ตึ่งโป๊ะ …เพราะเครื่องไม่มีสัญญานต่างหาก

ปัญหาการใช้งาน

เท่าที่ลองดูคร่าวๆ ไม่พบปัญหาอะไรนะครับ โทรเข้าออกได้ตามปกติเลย ตามสัญญาน WiFi ที่มี (เดี๋ยวได้ไปต่างประเทศเร็วๆนี้ แล้วจะเอามาบอกผลการใช้งานอีกทีนะครับ) แต่ปัญหาที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่รุ่นที่ทาง dtac รองรับให้ใช้งานมากกว่า ซึ่งมีจำนวนน้อยเหลือเกิน ปัจจุบันมีเพียง 4 รุ่นเท่านั้น คือ Galaxy Note 5, Galaxy S6, Galaxy S6 Edge, และ Galaxy S6 Edge Plus (โชคดีที่ยังมี Galaxy Note 5 ให้ได้ลองทดสอบ…)

 

สำหรับผู้ใช้ iPhone รอต่อไปอีกนิดนะ ช่วงเดือน พ.ค. ถึงจะได้ใช้กันครับ


เพิ่มเติมอีกนิด

1. คุณภาพของสัญญานขึ้นกับ WiFi ที่โทรศัพท์ของเราเชื่อมต่อด้วยนะครับ โดยทางดีแทคไม่ได้แจ้งมาว่าขั้นต่ำควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ และส่วนตัวก็ยังไม่เคยลองทดสอบแบบจริงๆจังๆด้วยว่าเท่าไหร่ถึงจะพอ แต่ทางที่ดีน่าจะต้องมีสปีดไม่น้อยกว่า 256kbps

2. ถ้าไปใช้งานต่างประเทศ ต้องการจะปล่อยสัญญานจากมือถือซึ่งใส่ซิมของประเทศนั้นๆ หรือซื้อแพ็กเกจ WiFi มาใช้โทร ยังไงอย่าลืมตรวจสอบด้วยนะครับว่าเครือข่ายที่ใช้เค้ายินยอมให้ปล่อยสัญญานมาทำรึเปล่า และรองรับการโทรด้วย IP หรือไม่ เพราะมีคนเคยจะทำแบบนี้กับการโทรด้วย Facebook หรือ ​LINE มาแล้วแต่ทำไม่ได้ เพราะเครือข่ายทำการ Block เอาไว้นั่นเองครับ

 

อยากเปิดใช้งาน dtac WiFi Calling ก็ไม่ได้ยากอะไร ทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้ได้เลย

  1. กด *444*51# แล้วกดโทรออก

  2. กดอัพเดทเฟิร์มแวร์ของเครื่องให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด Settings > About device > Download updates manually

  3. กดเปิดใช้งาน VoWiFi ได้ที่ Settings > WiFi Calling > เปิดใช้งาน แล้วจะมีสัญลักษณ์ขึ้นทันที โดยถ้าใครเลือกใช้งานเมนูเป็นภาษาไทยอยู่ อาจจะงงกับการตั้งค่าตรงนี้นิดหน่อย เพราะเค้าแปลออกมาว่า “ต้องการ WiFi” และ “ต้องการเครือข่ายมือถือ” ซึ่งถ้าใช้เมนูภาษาอังกฤษจะเห็นว่ามันคือ “Wi-Fi preferred” และ “Mobile network preferred” ที่ควรจะแปลว่าเป็น “เลือกใช้โทรผ่าน WiFi เป็นหลัก” และ “เลือกใช้โทรผ่านเครือข่ายมือถือเป็นหลัก” มากกว่านั่นเองครับ

 

การตั้งค่า Wi-Fi preferred vs Mobile network preferred

เนื่องจากภาษาตรงนี้ชวนงง ผมจึงขอสรุปการตั้งค่าส่วนนี้เท่าที่ได้ลองใช้งาน มาให้นะครับ

WiFi preferred
(ต้องการ WiFi)

Mobile Network preferred
(ต้องการเครือข่ายมือถือ)

Airplane mode
(เปิดโหมดเครื่องบิน)

ใช้งานตามปกติ

/

ใช้งานพื้นที่อับสัญญาน

/

Standby ต่างประเทศ

/

โทรออกต่างประเทศ

/

/

 

  • Wi-Fi preferred : เลือกโทรผ่าน WiFi เป็นหลัก แม้ว่าจะมีสัญญานโทรศัพท์ให้ใช้ เหมาะสำหรับคนที่อยู่พื้นที่อับสัญญาน หรือว่าใช้งานที่ต่างประเทศ ให้เลือกใช้ WiFi เป็นหลักไปเลย

  • Mobile network preferred : เลือกโทรผ่านเครือข่าย 2G/3G/4G ของ dtac เป็นหลัก แม้ว่าจะต่อ WiFi อยู่ก็ตาม ถ้าอยู่ในพื้นที่สัญญานแรงอยู่แล้วก็เลือกอันนี้ไว้ก็ได้ ซึ่งจะเห็นว่าถ้าเลือกอันนี้ โลโก้ VoWiFi จะไม่ขึ้นตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่เครื่องอยู่ในสถานที่สัญญานไม่ดี ไม่พร้อมโทรเข้า-ออก และต่อ WiFi อยู่ โลโก้ VoWiFi ก็จะขึ้นมาให้อัตโนมัติ

ไปต่างประเทศต้องการโทรกลับไทยควรตั้งค่าอย่างไร?

แนะนำสำหรับคนที่ไปต่างประเทศแล้วต้องการจะใช้โทรกลับไทย ยังไงให้เลือก Wi-Fi preferred เอาไว้ก่อน เพราะมันจะเป็นการเลือกใช้ WiFi โทรออกเป็นหลัก และเพื่อความชัวร์ก่อนโทรกลับไทย ยังไงแนะนำว่าให้เปิด flight mode ก่อนไปเลยจะเป็นการดีที่สุดครับ และพยายามสังเกตก่อนรับสายหรือโทรออกว่าโลโก้ VoWiFi ขึ้นอยู่รึเปล่าด้วย เพื่อความชัวร์ว่าเราจะไม่ได้ใช้ Voice Roaming โทรกลับไทยครับ

ไอคอน VoWiFi จะขึ้นข้างๆ ไอคอน WiFi บริเวณแถบแจ้งเตือน ซึ่งโดยปกติหาตั้งค่าเป็น “ต้องการมือถือ” โลโก้จะไม่ค่อยขึ้นหากเราอยู่ในบริเวรสัญญานของเครือข่ายเต็ม แต่เมื่อเราต้องการใช้งาน เช่น อยู่ต่างประเทศควรสังเกตว่าเครื่องมีไอคอนนี้ขึ้นก่อนใช้งานทุกครั้ง

Video Call โทรแบบเห็นหน้าด้วย VoWiFi

ถ้าใครได้ลองใช้ VoLTE ไปแล้วจะเห็นว่ามันรองรับการโทรหากับแบบ Video Call ซึ่งคิดค่าบริการจากแพ็กเกจการโทรปกตินั่นเอง เช่น แพ็กเกจ 399 โทรได้ 150 นาที ก็จะหักจาก 150 นาทีตรงนี้เลย ไม่มีคิดแยก VoLTE / Video Call / VoWiFi ให้ปวดหัว ซึ่งในกรณีนี้ถ้าเราใช้ VoWiFi ก็สามารถใช้ Video Call ได้เช่นเดียวกับ VoLTE แต่ว่าต้องหาคนที่ใช้ VoLTE หรือ VoWiFi ด้วยกันเท่านั้น และหักค่าบริการจากแพ็กเกจเหมือนเดิมครับ ^^

 

ยังไงลองเอาไปใช้กันดูครับ ในช่วงสงกรานต์นี้ถ้าใครจะไปตามต่างจังหวัดที่ไม่มีสัญญาน หรือว่าจะไปต่างประเทศก็ตาม น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย เห็นเพื่อนที่ได้ทดสอบบริการนี้แล้วก็ค่อนข้างประทับใจและชื่นชอบกันพอสมควรเลยคร้าบ ;D