Encore แบรนด์หูฟังหน้าใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวเสียงที่พี่ตูน (อาทิวราห์ คงมาลัย แห่งวง Bodyslam) ชื่นชอบ ทำให้พี่ตูนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา และจูนเสียงของหูฟัง Encore ทุกรุ่นให้เป็นไปในแบบที่ต้องการ ซึ่ง Droidsans ก็ได้มีโอกาสลองสัมผัสหูฟัง Encore ทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่ Encore Dawn หูฟังแบบมีสายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ Encore Passion หูฟัง TWS เพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และ Encore Rising ที่เป็นหูฟัง IEM Monitor รุ่นเรือธงที่มาพร้อม Sound Signature ที่น่าสนใจมาก

Play video

Encore Dawn หูฟังมีสาย In-ear

มาเริ่มต้นกับตัวแรกอย่าง Encore Dawn กันก่อนเลยซึ่งเป็นหูฟังแบบมีสายรุ่น Entry-level ที่มาพร้อมกับการออกแบบที่น่าสนใจ และเสียงที่มีคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคา

สเปค

ขนาดไดรเวอร์8มม. Dynamic Driver
วัสดุหูฟังพลาสติก ABS
ค่าต้านทาน 21Ω
ย่านความถี่ 20Hz-20KHz
ความยาวสาย 1.2m (±0.05)
วัสดุุสาย 5N Oxygen-Fee Copper 36C
วัสดุ Jack หูฟัง3.5mm Gold-Plated

ดีไซน์

Encore Dawn มีสีให้เลือก 3 สีได้แก่สีขาว สีดำ และ สีเขียวที่ Droidsans ได้มานั่นเองครับ ในทางด้านการออกแบบและดีไซน์ของ Encore Dawn เป็นแบบเรียบง่ายไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มาในรูปแบบของหูฟัง in-ear ที่มีท่อเสียงยื่นออกมาจากตัว Housing ที่เป็นพลาสติก ABS มีน้ำหนักเบาพกพาสะดวกมาก อีกทั้งตัวฟังก็ไม่มีก้านออกมาให้รำคาญหูอีกด้วย

ความสบายในการสวมใส่คิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับสรีระแต่ละคน เพราะเป็นหูฟัง in-ear ที่มีขนาดเล็กพอตัว และตัว Housing ถูกออกแบบมาเพื่อให้วางอยู่ในหูได้อย่างแนบสนิท เพราะฉะนั้นใครที่มีหูเล็กก็อาจจะใส่ได้ไม่พอดีเท่าไหร่ แต่รวม ๆ จากที่ทดสอบมากับทีมงาน ทุกคนก็สามารถใส่ได้ไม่มีปัญหาเลย ในส่วนของสายเป็นแบบถักยาวตั้งแต่ตัว Jack หูฟังขึ้นมาถึง Splitter จากนั้นค่อยแยกออกไปที่หูซ้ายขวาเป็นสายพลาสติกธรรมดา แถมยังมีไมค์ และรีโมทในการควบคุมเพลงอีกด้วย

คุณภาพเสียง

การทดสอบหูฟังแบบมีสายทั้งหมด ถูกทดสอบผ่านการเชื่อมต่อเข้า DAC/AMP Fiio Q5S ในโหมด High-Gain เพื่อที่จะสามารถขับหูฟังออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนไฟล์เพลงมาจาก Spotify ระดับ High-Quality และ Tidal ระดับ MQA เพื่อทดสอบเสียงย่านต่าง ๆ

ด้วยความที่หูฟัง Encore ถูกออกแบบและปรับจูนโดยพี่ตูนเอง ทาง Droidsans ก็ต้องเริ่มทดสอบจากเพลงแนว Rock ก่อนเลย ซึ่งจากการฟังรวม ๆ แล้วตัวหูฟังมีความโดดเด่นในการขับเสียงเพลงร็อคอย่างน่าพอใจมาก เสียงเบสมีอิมแพคปานกลางเก็บตัวไวไม่เมื่อยหู แถมยังเป็นเบสที่ลึกและรายละเอียดเยอะอีกด้วย เสียงเครื่องดนตรีให้จังหวะอย่างกลองมีความโดดเด่นมาก ๆ ในเรื่องเสียงกลางก็ดีไม่แพ้กันเลย เสียงร้องอาจจะแอบ ๆ ไปบ้าง แต่เสียงเครื่องดนตรีจำพวกกีต้าร์ไฟฟ้าทั้งแบบ Lead และ Chord มาเต็มมาก ๆ ถ้าใครเป็นขาร็อคบอกเลยว่าต้องชอบแน่นอน

เสียงสูงก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ ด้วยเสียงสูงที่รายละเอียดค่อนข้างดี มีมิติไม่อุดอู้ แต่มีความเสียดหูอยู่บ้างเป็นบางครั้ง แต่รวม ๆ แล้วเสียงจำพวกฉาบต่าง ๆ ทำออกมามีรายละเอียดที่ดีพอสมควรเลย ถัดมาลองเพลงแนว Synth-Pop ที่มีเสียงสังเคราะห์เยอะ ๆ ก็บอกได้เลยว่า Encore Dawn สามารถขับเสียงที่มีความซับซ้อนสูงได้อย่างไม่มีปัญหาเลย แต่มีข้อสังเกตอยู่ที่ย่านเบสที่อาจจะไปกลบย่านอื่นอยู่บ้างในบางเพลง แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบเสียงเบสเป็นหลักละก็ถูกใจแน่นอน 😆 โดย Encore Dawn ก็วางขายในราคา 1,290 บาทเท่านั้นครับ

 

Encore Passion หูฟังไร้สาย True Wireless

ถัดมาตัวที่ 2 กับ Encore Passion ที่เป็นหูฟัง TWS (True Wireless) เพียงรุ่นเดียวของ Encore มาพร้อมดีไซน์การใช้งานที่มุ่งเน้นใช้งานเวลาออกกำลังกายเป็นหลัก ด้วยน้ำหนักที่เบาและรูปร่างหูฟังที่ใส่ง่าย และแน่นกระชับ ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระไม่มีสายให้เกะกะ พร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีฟังได้กับเพลงหลากหลายแนว แถมยังมากับมาตรฐานกันน้ำ IPX6 ที่ใช้งานได้แม้จะวิ่งกลางฝน หรือจะเหงื่อท่วมแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา

สเปค

บลูทูธเวอร์ชัน5.0
กันน้ำIPX6
แบตเตอร์รี่ตัวเคส500mAh
ขนาดไดรเวอร์φ6mm
ค่าต้านทาน16Ω ± 15%
ย่านความถี่20Hz – 20KHz
แบตเตอร์รี่ตัวหูฟัง
60mAh x 2 ชาร์จเต็มภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง
ระยะเวลาใช้ฟังเพลง
3 ชั่วโมง ชาร์จต่อได้อีก 5 ครั้ง (กล่อง)
ระยะเวลา Standby2 วัน

ดีไซน์

ตัวกล่องของหูฟัง Encore Passion ใช้เป็นวัสดุพลาสติกที่ให้สัมผัสแบบ Soft-touch ให้ความรู้สึกนุ่ม ๆ พร้อมโลโก้ Encore อยู่บริเวณทางขวาของตัวหูฟัง ทำให้เวลาเปิดแล้วคนอื่นจะสามารถอ่านโลโก้ได้ พอเปิดฝาออกมาก็จะพบกับตัวหูฟัง Encore Passion ทั้ง 2 ข้างนอนชาร์จอยู่ด้านใน แถมด้านในยังมีเขียนข้อความเท่ ๆ ว่า “Find your strength from within” อีกด้วย

ตัวฝามีข้อสังเกตอยู่ตรงแม่เหล็กเปิดปิดที่ล็อคฝาได้แน่นปลอดภัยมาก แต่ก็มีหลาย ๆ ครั้งที่รู้สึกว่ามันแน่นจนเปิดยากไปซักหน่อย 🤣 ถัดมาในส่วนของหูฟังก็มีวัสดุเป็น Soft-touch แบบเดียวกับตัวกล่อง ทำให้ไม่เป็นคราบลายนิ้วมือเวลาใช้งาน แถมหูฟังยังเป็นแบบ in-ear ไม่มีก้านทำให้เวลาใส่รู้สึกมีความคล่องแคล่ว แถมใส่สบายอีกด้วย อีกทั้งบริเวณด้านบนของตัวหูฟังยังมีส่วนของ Fin ที่ทำจากยางเพื่อเอาไว้ล็อคกับรูหู

คุณภาพเสียง

สำหรับ Encore Passion ตัวนี้ก็มาพร้อมกับ Dynamic Driver ขนาด 6มม. ที่ให้ลักษณะเสียงเอนไปทางเสียงย่านเบสเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเบสของ Encore Passion ก็มาเต็มจัง ๆ หน้ามาก ๆ สายที่ชอบฟังเพลงเบสน่าจะชอบแน่นอน แถมถ้าไปฟังเพลง Rock ที่มีเสียงกลองชุดเยอะ ๆ บอกได้เลยว่าฟังสนุกมาก ๆ แต่ถ้าเป็นเพลง Hip-Hop ก็จะมีหลายครั้งที่รู้สึกว่าเสียงเบสอาจจะกลบย่านอื่นเนื่องจากเพลง Hip-Hop นิยมใช้เสียง Sub-bass ลากยาวกันทำให้ย่านอื่นหายไปบ้าง

เสียงกลางจำพวกเสียงร้อง และเสียงเครื่องดนตรียังขับออกมาได้อุ่นชัดเจนรายละเอียดเยอะ เวทีเสียงไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่แต่ในทางกลับกันเสียงดนตรีกลับรู้สึกเหมือนอยู่ตรงหน้าเรา ซึ่งเหมาะใช้ฟังเวลาออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา ในส่วนของย่านสูงก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เสียงสูงพอมีรายละเอียดอยู่บ้างเช่นเสียงฉาบจากกลองทำได้ดีมาก ทำให้ได้ข้อสรุปว่า Encore Passion ตัวนี้เหมาะกับการฟังเพลงแนว Rock และ Pop Rock ซึ่งใช้ฟังได้สนุกสนานเป็นที่สุดแล้ว สำหรับคนที่สนใจ Encore Passion วางขายอยู่ที่ 2,490 บาทเท่านั้น

 

Encore Rising

แล้วสุดท้ายนี้เราก็มาดูพระเอกของแบรนด์อย่าง Encore Rising กันบ้าง โดยหูฟังรุ่นนี้เป็นหูฟังแบบ In-ear reference monitor ระดับมืออาชีพที่มาพร้อมสเปคสุดโหดกับ Set-up ไดรเวอร์ที่เป็น Balanced Armature ข้างละ 5 ตัวด้วยกัน แถมบอดี้ก็เป็นแบบ Resin ให้ฟีลเหมือนหูฟัง Custom ระดับ High-end กันเลยทีเดียว

สเปค

ไดรเวอร์5 Balanced Armature 1L+1M+3h
วัสดุResin Black transparent glossy
ค่าต้านทานDCR 30Ω ± 10%
ย่านความถี่ที่ขับ20Hz-40KHz
ความยาวสาย1.2m (±0.05)
วัสดุสายTPU
วัสดุขั้วหูฟัง3.5mm Gold-Plated & MMCX

 

ก่อนอื่นต้องเท้าความสำหรับคนที่ไม่รู้จักไดรเวอร์ประเภท Balanced Armature กันก่อน ซึ่งปกติแล้วหูฟังธรรมดาทั่วไปจะนิยมใช้ไดรเวอร์ประเภท Dynamic Driver ที่มีหน้าตากลม ๆ มีตัว Diaphragm ในการขับเสียง แต่สำหรับประเภท Balanced Armature จะเป็นไดรเวอร์ที่มีขนาดเล็ก ๆ เป็นทรงสี่เหลี่ยม ทำให้ผู้ผลิตหูฟังสามารถใส่ไดรเวอร์พวกนี้ในตัวหูฟังได้มากขึ้น แล้วปรับจูนให้ไดรเวอร์แต่ละตัวขับเสียงในย่านความถี่แยกกันเพื่อให้เสียงที่ออกมามีความคลีนมากขึ้นนั่นเอง


หน้าตาของไดรเวอร์ Balanced Armature Knowles

คราวนี้มาดูในส่วนของหูฟัง Encore Rising กันบ้างที่ได้จัดเต็มใส่ไดรเวอร์ Balanced Armature มาด้วยกันถึง 5 ตัวต่อข้าง โดยมีการ Set-up ให้ขับเสียงต่ำ 1 ตัว เสียงกลาง 1 ตัว และเสียงสูงอีก 3 ตัว เพื่อให้เสียงที่ออกมามีความคลีน และสามารถแยกชิ้นเครื่องดนตรีได้อย่างแม่นยำ

ดีไซน์

ในเรื่องของการออกแบบ Encore Rising เป็นหูฟังที่ทำให้เรานึกถึงหูฟัง Custom IEM ที่นักร้องส่วนใหญ่นิยมใช้บนเวที สำหรับ Monitor เสียงเป็นหลัก ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็มาพร้อมกับวัสดุแบบ Resin ใส ๆ ให้เราได้เห็นชิ้นส่วนด้านในได้อย่างชัดเจน แถมตัวท่อเสียงก็ยังมีความยาวพอสมควรเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใส่หูฟังได้อย่างแนบสนิททำให้เสียงที่ออกมาดีขึ้นนั่นเอง

นอกจาก Resin ใสด้านในแล้ว ในส่วนของด้านนอกก็ครอบด้วย Resin สีทึบอีกชิ้นพร้อมวางโลโก้ Encore และชื่อรุ่น Rising ไว้อย่างชัดเจน ถัดมาที่สายหูฟังก็เป็นแบบขั้ว MMCX ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้เลยในหูฟังประเภท Audiophile และ Professional Monitor เพื่อที่ผู้ใช้งานสามารถเปลื่ยนสายเมื่อมีการชำรุด หรือต้องการอัปเกรดสายให้ดีขึ้นได้

ในส่วนของตัวสายก็มีการเคลือบอีกรอบเพื่อความแข็งแรง แต่ยังคงความบางเบาสามารถพกพาได้สะดวกสบายแถมให้ความรู้สึกทนทาน และพรีเมียมพอสมควรเลย อีกทั้งในกล่อง Encore Rising ก็มีแถม Hard case ให้พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

คุณภาพเสียง

ด้วยความที่ Encore Rising เป็นหูฟัง IEM ที่สเปคสูงพอสมควร เลยทำให้ทางทีมงานจำเป็นต้องทดสอบหลากหลายรูปแบบเพื่อที่จะหาคาแรคเตอร์ของหูฟังตัวนี้ซึ่งสิ่งที่แปลกใจที่สุดเลยคือเสียงเบสน้อยมาก แต่น้อยในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะ เพราะส่วนตัวผมมองว่าหูฟังที่ดีไม่จำเป็นต้องหูฟังที่เบสตึ้บ ๆ เสมอไป แต่ตัวเบสที่ Encore Rising ขับออกมานั้นเป็น Bass ที่สะอาด ละเอียด และคมมาก ๆ เป็น Bass ที่เหมาะกับการขับเครื่องดนตรีให้จังหวะประเภทกลองชุดมาก ๆ

ถึงแม้ว่าจะ Impact น้อยแต่ยังเป็นเบสที่ให้ความรู้สึกจับต้องได้ แต่ไม่รุนแรงหรือบวมกลบย่านอื่น ๆ ซึ่งก็พอเข้าใจได้เพราะหูฟังส่วนใหญ่ยังนิยมใช้ Hybrid Setup ที่ใช้ Dynamic Driver ในการขับเบสเพราะจะได้ Impact ที่เยอะกว่า แต่เบสของ Encore Rising กลับได้มาซึ่งรายละเอียดที่ชัดเจน บวกกับตำแหน่งของ Bass ที่รู้สึกเหมือนจับต้องได้ช่วยให้หูฟังมี Dynamic ที่ดีมาก

ถัดมาในส่วนของย่านกลางที่ใช้ BA อีกหนึ่งตัวเป็นตัวขับเสียงย่านกลาง เสียงก็จะออกไปทางรายละเอียดที่ชัดใสมีน้ำมีนวล เป็นเสียงกลางที่สมูทฟังสบาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องผู้ชายหรือผู้หญิง ยิ่งถ้าฟังเพลงที่มีเสียงร้องเป็นหลัก ๆ เราจะได้ยินรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยับปากไปจนถึงเสียงหายใจ รายละเอียดชัดเจนมาครบทุกย่านมาก ๆ ส่วนเสียงเครื่องดนตรีก็มีรายละเอียดที่ครบถ้วนสมบูรณ์แถมยังขับตำแหน่งแย่งชิ้นเครื่องดนตรีได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

มาในส่วนของย่านเสียงสูงที่น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุดของ Encore Rising เพราะหูฟังตัวนี้ใส่ BA เพื่อเอามาขับเสียงสูงมากถึง 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ เพราะเสียงสูงที่ออกมานั้นมีรายละเอียดที่ชัดเจนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลัง ไปจนถึงเสียงฉาบกลองที่อยู่หน้า ๆ ก็มาครบไม่เสียดหูเลย อีกทั้งยังทำ Sound Stage ออกมาได้ดีมาก ๆ จากการทดสอบเพลง Bubbles by Yosi Hirakawa ใน Tidal (สามารถเปิดฟังแล้วอ่านพร้อม ๆ กันไปก็ได้ครับ 😆) ต้องบอกเลยว่าเพลงนี้ทำให้หูฟัง Encore Rising เฉิดฉายมาก ๆ เพราะเสียงลูกแก้วกระเด้งกระดอนต่าง ๆ ขับออกมาได้คลีนไม่ปนกันเลย แถมเรายังรู้สึกถึงตำแหน่งของลูกแก้วแต่ละลูกได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

โดยรวมแล้วหูฟัง Encore Rising เป็นหูฟังที่ให้รายละเอียดทุกย่านเสียงได้ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถฟังเพลงได้หลากหลายแนวโดยเฉพาะเพลงที่มีเสียงเครื่องดนตรีเข้าจังหวะเยอะ ๆ ไปจนถึงเพลง Pop ฟังสนุก แต่สายที่ชอบฟังเบสดัง ๆ ตึ้บ ๆ อาจจะผิดหวังกันซักหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่า Bass ของ Encore ถึงจะไม่ดังไม่ตึ้บ แต่รายละเอียดชัด และมีเนื้อเบสที่ดีมาก สำหรับใครที่อยากสัมผัสเสียงระดับ Audiophile ในราคาที่ไม่สูงมาก Encore Rising ตอบโจทย์แน่นอนครับ โดย Encore Rising วางขายอยู่ที่ 6,990 บาท ซึ่งบอกเลยว่าสมเหตุสมผลมากกับสเปคที่ได้

สำหรับใครที่สนใจหูฟังที่ได้รับแรงบันดาลใจ และการจูนเสียงจากพี่ตูน Bodyslam โดยเฉพาะ รับรองว่าหูฟังแบรนด์ Encore ทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์ ตอบโจทย์ทุกแนวไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 😆