มีรายงานว่า Apple และ Microsoft เตรียมยื่นคำร้องต่อสหภาพยุโรป เพื่อขอให้ EU พิจารณาไม่นับรวมบริการ iMessage และ Bing ของตนใน Digital Markets Act (DMA) ที่เป็นกฎหมายดูแลการแข่งขันตลาดดิจิทัลฉบับใหม่ซึ่งเอาไว้ใช้กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีคุณสมบัติตรงกับนิยามการเป็น “Gatekeeper” คือการมีอำนาจในการควบคุมผู้แข่งขันรายอื่น ๆ ในตลาด

ตามรายงานจาก Financial Times ทาง Apple และ Microsoft ให้เหตุผลไปในทิศทางเดียวกันว่า iMessage และ Bing มีผู้ใช้งานจำนวนไม่มาก (คือไม่ถึง 45 ล้านคนต่อเดือน) ดังนั้นจึงไม่น่าเข้าข่ายการเป็น “Gatekeeper” ตามที่ข้อกฎหมาย DMA ระบุ

DMA คืออะไร ?

กฎหมายดังกล่าวคือ Digital Markets Act ที่จะเอาไว้ใช้กับบริษัทยักษ์ใหญ่โลกเทคโนโลยี ที่มีคุณสมบัติตรงกับนิยามการเป็น “Gatekeeper” หรือมีอำนาจในการควบคุมผู้เล่นอื่น ๆ ในตลาด โดยจะช่วยบรรเทาปัญหาการผูกขาดที่เกิดขึ้นมา ซึ่ง Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีอันดับต้นของโลกที่ทำรายได้มหาศาลต่อปี มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มจำนวนมาก และยังครองตำแหน่งมหาอำนาจนี้มาได้อย่างยาวนาน ก็คงจะเข้าข่ายการเป็น Gatekeeper รายหนึ่ง ซึ่งก็ต้องโดนกำกับควบคุมโดยกฎ DMA ดังกล่าว

คณะกรรมาธิการยุโรปมีกําหนดจะเผยแพร่รายชื่อ Gatekeeper ที่ได้รับการแต่งตั้งในวันที่ 6 กันยายน 2023โดยกําหนดตามรายได้ และจํานวนผู้ใช้จะต้องเป็นไปตามกฎการทํางานร่วมกันและการแข่งขัน ได้แก่ Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet, Meta, ByteDance และ Samsung เป็นต้น เมื่อสหภาพยุโรปได้กําหนดรายชื่อ Gatekeeper แล้ว พวกเขาจะมีเวลา 6 เดือน หรือจนถึงเดือนมีนาคม 2024 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของ DMA

โดยเงื่อนไขของบริการที่เข้าเกณฑ์ DMA คือ บริการนั้นต้องมีผู้ใช้งานในประเทศกลุ่ม EU มากกว่า 45 ล้านคนต่อเดือน หากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ จะเสียค่าปรับปีละ 7,500 ล้านยูโร ซึ่งข้อกำหนดหนึ่งคือการออกแบบระบบให้รองรับการใช้งานหรือเชื่อมต่อบริการของผู้พัฒนารายอื่นได้นั่นเอง

ทั้งนี้ Apple ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดผู้ใช้งาน iMessage อย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณการว่า iMessage อาจมีผู้ใช้งานรวมนับพันล้านคนทั่วโลก

กฎหมาย DMA นี้อาจเปลี่ยนแปลงระบบ App Store, Messages, FaceTime, และ Siri ที่ Apple ดำเนินงานอยู่ในโซนสหภาพยุโรปได้ ยกตัวอย่างเช่น การบังคับให้ Apple ต้องรองรับสโตร์ที่เป็นของ Third Party , อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถ Sideload หรือติดตั้งแอปนอกเข้ามาในระบบ ส่วนในด้านเหล่านักพัฒนา กฎหมายนี้ก็จะเปิดให้ผู้พัฒนาต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับบริการของ Apple, ใช้ระบบชำระเงินภายนอกโดยไม่ผ่านระบบของ Apple, เข้าถึงข้อมูลที่ Apple เก็บเอาไว้ได้ เป็นต้น

 

ที่มา : The Verge