ปัจจุบันหลายคนหันมาติดตามข่าวสารต่างๆ หรือความเคลื่อนไหวของคนใกล้ชิดผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้นทั้งทาง Facebook, Twitter, Line และอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งช่วงนี้โลกของเรานั้นเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งจากภัยทางธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์สร้างสถานการณ์ขึ้นมากมายหลายพื้นที่ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการรายโจมตีปารีสที่ผ่านมา Mark Zuckerburg ซีอีโอของ Facebook ก็ได้ให้ใช้งานฟีเจอร์ Safety Check เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของคนใกล้ชิดอย่างครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายที่อาจจะกำลังท่องเที่ยวหรืออาศัยอยู่ในเมืองที่กำลังเกิดเหตุการณ์

แต่แล้วกลับมีประเด็นความเหลื่อมล้ำที่หลายคนตั้งคำถามพร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมถึงเปิดฟีเจอร์นี้ให้กับพื้นที่บริเวณกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสที่เดียว แล้วประเทศอื่นๆ อย่างพื้นที่ที่เหตุการณ์ระเบิดพลีชีพอย่างเมืองเบรุตล่ะ มีผู้เสียชีวิตเหมือนกัน ทำไม Facebook ถึงไม่เปิด? เดือดร้อนคุณ Mark ต้องออกมาชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ทาง Facebook เปิดฟีเจอร์ Safety Check ให้กับสถานการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติอย่าง เหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งใหม่ที่ชิลี เป็นต้น แต่สำหรับเหตุการณ์ที่กรุงปารีสนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่เปิดฟีเจอร์ Safety Check กับสถานการณ์ที่เกิดจากการก่อการร้ายหรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยเหตุที่เริ่มจากเหตุการณ์นี้เป็นเพราะว่าเป็นสถานการณ์ที่ผู้คนให้ความสนใจและสร้างความสะเทือนใจ ความสูญเสียเป็นอย่างมาก

เนื่องจากเป็นครั้งแรกจึงยังไม่สามารถเปิดฟีเจอร์ Safety Check ให้กับสถานการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันได้ ทาง Facebook ก็จำเป็นต้องทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ผลการตอบรับที่ดีและเป็นประโยชน์กับผู้คนจากการเปิด Safety Check ให้กับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์และรองรับกับการเกิดเหตุการณ์และภัยพิบัติต่างๆ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม Facebook ก็ได้เปิด Safety Check อีกครั้งกับเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองโยลา ประเทศไนจีเรียเมื่อวันก่อน ซึ่งก็ทำให้เห็นแล้วว่า Facebook ก็กำลังพยายามพัฒนาและจริงจังกับการพัฒนาเจ้าฟีเจอร์ Safety Check อยู่ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจทางผู้ที่กำลังเผชิญสถานการณ์อันยากลำบากในช่วงนี้และ Facebook ให้พัฒนาฟีเจอร์นี้เพื่อสร้างประโยช์กับผู้คนมากขึ้นด้วยค่ะ 

 

Source: thenextweb, Mark Zuckerburg (Facebook), techcrunch