เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่ทาง Federal Trade Commission (FTC) หรือคณะกรรมการด้านการค้าของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้อง Qualcomm ต่อศาล หลังพวกเขามองว่าบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชื่อดังนี้ ได้ใช้อำนาจทางการค้าของตัวเองมาใช้ในทางที่ผิด ผูกขาดตลาด ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม แต่ล่าสุดทาง FTC ก็ออกมาประกาศยุติการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว

เอาจริง ๆ จากคำตัดสินในปี 2019 ของ Lucy H. Koh ผู้พิพากษาจาก District Court ประจำรัฐ California ได้เคาะให้ FTC เป็นผู้ชนะ หลังศาลมองว่าค่าต๋ง (หรือค่าบริการ) ที่ทาง Qualcomm กำหนดให้ผู้ผลิตมือถือค่ายต่าง ๆ ที่ขอใช้ชิปเซ็ตและโมเด็มพวกเขานั้น “สูงเกินไป” อย่างไรก็ตาม ต่อมาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ชัยชนะของ FTC กลับกลายหายไป ตกมาเป็นของ Qualcomm ทำให้ในทางกฎหมายตอนนี้บริษัทสัญชาติอเมริกันชื่อดัง ไม่ถือว่ากำลัง ” ผูกขาด” ตลาดแต่อย่างใด

โดยหลักในการคิดค่าต๋ง หรือค่าบริการใช้งานสิทธิบัตรต่าง ๆ ทาง Qualcomm จะเก็บตามราคาค่าตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นนั้น ๆ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ มือถือยิ่งแพง ยิ่งคิดค่าบริการแพงตามนั่นเอง

แต่ล่าสุดทาง FTC กลับตัดสินใจล้มเลิกแผนที่จะยื่นฟ้อง Qualcomm เรื่องผูกขาดตลาดนี้ไป เพราะการยื่นฟ้องต่อ Supreme Court หรือศาลสูงสุดนั้น อาจจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่เยอะมาก ๆ แถมยังมีความเป็นไปได้สูงอีกด้วยที่ Supreme Court จะไม่รับเรื่องของพวกเขา (FTC) เลย ทางคณะกรรมการจึงมองว่า ยุติการฟ้องเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ดี FTC ก็ยังเชื่อว่า พวกเขาเป็นฝ่ายถูกต้อง Qualcomm เล่นแง้ผูกขาดการตลาดจริง ๆ และแม้ว่าการฟ้องร้อง Qualcomm นี้จะยุติลง แต่พวกเขาก็จะทำหน้าที่คอยสอดส่องดูความผิดปกติ จับผิดบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อาจจะเล่นไม่ซื่อ หาวิธีทางผูกขาดตลาดเอาเปรียบคนอื่นได้ทุกเมื่อ

ด้าน Don Rosenberg ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ Qualcomm ได้ออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ Qualcomm มาถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะพวกเขาลงเงินทุนไปกว่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้ผู้บริโภคกว่าหลายพันล้านคนทั่วโลกได้ใช้งานกัน จึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก ๆ ที่พวกเขาจะต้องรักษาแรงจูงใจในการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมและแข่งขัน (กับเจ้าอื่นๆ)

 

ที่มา: Android Central | The Verge