จากกระแสความต้องการของแทบเล็ตที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากสถานการณ์ล็อกดาวน์ในช่วงโควิดตั้งแต่ปีสองปีที่แล้ว แต่หลังจากที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายทำให้ตอนนี้กลายเป็นช่วงที่ตลาดเริ่มกลับมาเป็น ’ปกติ’ ภายในหลาย ๆ ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้ผลิตรายต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยล่าสุดได้มีรายงานการตลาดของสินค้าประเภทแทบเล็ตช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ออกมาแล้ว ก็พบว่ายอดส่งมอบแทบเล็ตจากทั่วโลกต่างก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลย
ในขณะนี้ข้อมูลที่มีอาจให้คำตอบได้อย่างไม่แน่ชัดเท่าไหร่เพราะแต่ละสำนักให้ข้อมูลที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ถ้าลองหันไปดูข้อมูลจากบริษัทสำรวจข้อมูล Strategy Analytics จะพบว่ายอดขายแทบเล็ตทั่วโลกโดยรวมร่วงหนักลงไปกว่า 15% และหากแยกออกมาตามระบบปฎิบัติการพบว่าแทบเล็ต Android มีส่วนแบ่งการตลาด 49% ซึ่งนับว่าเป็นการหดลงน้อยกว่า 50% ครั้งแรกในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว
ส่วนแบ่งการตลาดของระบบปฏิบัติการแทบเล็ตอันดับ 2 คือ iPadOS ส่วนแบ่ง 38%, อันดับ 3 คือ Microsoft มีส่วนแบ่ง 11%
แต่ในทางกลับกัน ข้อมูลจากสำนัก IDC (International Data Corporation) บอกว่าปีนี้ตลาดแทบเล็ตยังคงรักษาสภาพเอาไว้ได้ ด้วยยอดส่งมอบแท็บเล็ตทั่วโลกสูงขึ้นเล็กน้อย 0.15% ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วดูเหมือนจะไม่มากนัก แต่ถ้าหากนับเป็นจำนวนการส่งออก ก็ถือได้ว่าเป็นความแตกต่างที่ไม่น้อยเลยระหว่างยอดส่งมอบจากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วทำได้ 38.9 ล้านเครื่อง กับยอดส่งมอบของช่วงเดียวกันในปีนี้ทำได้ 40.5 ล้านเครื่อง
ถึงแม้ว่าข้อมูลการตลาดฝั่งแทบเล็ตจากทั้ง 2 สำนัก จะแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย แต่ข้อมูลที่เหมือนกันก็คือแทบเล็ตจากค่าย Apple ยังคงอยู่ในอันดับ 1 เช่นเคย
หากยึดตามข้อมูลจากสำนัก Strategy Analytics ยอดส่งมอบแทบเล็ตจาก Apple ในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน 2022 อยู่ที่ประมาณ 14.8 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38% ลดลงมา -7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว แม้ข้อมูลตัวเลขอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่จะเห็นได้ว่า Apple นั้นมีกลยุทธ์รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีกว่าผู้แข่งขันรายอื่น แม้จะไม่ได้นำเสนอสินค้าใหม่ใด ๆ เลยในไตรมาสนี้
พี่ใหญ่ของวงการแทบเล็ตระบบ Android อย่าง Samsung ก็มีทีท่าทรุดหนักแต่ไม่หนักสุด โดย มียอดส่งมอบ 7.1 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาด 18% ลดลงจากปีที่แล้ว -13% ตามมาด้วยอันดับ 3 คือค่าย Lenovo มียอดส่งมอบ 3.5 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาด 9% ลดลงจากปีที่แล้วมากถึง -25% อาจจะเป็นเพราะว่าความต้องการแท็บเล็ตรุ่นกลางถึงล่างนั้นมีน้อยลงไป
อันดับ 4 Amazon ส่งมอบได้ 3.4 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาด 9% ลดลงจากปีที่แล้ว -19% ส่วนอันดับ 5 คือ Huawei ยอดส่งมอบเพียง 1.4 ล้านเครื่อง ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 4% ส่วนแบ่งหดลงไปจากปีที่แล้วถึง -34% กันเลยทีเดียว
ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตลาดแทบเล็ตจะซบเซาลงไปมากกว่าเดิมอีกแค่ไหน เพราะด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่เริ่มกลับมาเป็นปกติ จนหลาย ๆ บริษัทให้กลับเข้าออฟฟิศได้ตามปกติก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องใช้แทบเล็ตในการทำงานอีก รวมถึงเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังแย่ไปตาม ๆ กันก็น่าจะทำให้การตลาดฝั่งแทบเล็ตเกิดผลกระทบไปด้วยนั่นเองครับ
ที่มา : PhoneArena, IDC, StrategyAnalytics
ช่วยไม่ได้ ในเรทราคาเดียวกัน Ipad ดีกว่าแทบทุกด้าน จอก็ดีกว่าชัดเจนแม้แต่ Ipad รุ่นเริ่มต้น
จากใจคนไม่เคยใช้ Iphone และใช้มือถือ Android มาตลอด สุดท้ายจะซื้อแทบเบลทให้ลูกใช้ ก็หนีไม่พ้น Ipad เลย
ใช่ครับ เหมือนกันเลย สุดท้ายซื้อปากกา 3rd Party มาใช้6-700 ชิวๆง่ายๆเลย
เคยถกหัวข้อนี้กับแฟนบอยแอนดรอยเขาว่าในเรทราคาเดียวกันฝั่งหุ่นให้จอที่สวยกว่า ระบบเสียงที่ดีกว่า หรือมีตัวเลือกเรทราคาหลากหลายกว่า
มือถือ s22u
แทปเลต ipad แอพดีกว่า แรงกว่า ราคา ต่อหน่วยคุ้มกว่ามากๆๆ
ฝั่งแท็บ android เหมือนไม่ตั้งใจทำ ขาด ๆ เกิน ๆ ในเรื่อง สเปค และขนาดที่น่าสนใจ (เช่น ตลาด 8.xxนิ้ว) และ application ที่ยังไม่ดึงดูด เช่น แอพจดบันทึก มีเดีย และวาดรูป ที่ยังไม่เทียบเท่าค่ายผลไม้เค้า น่าจะมียุทธศาสตร์ในเรื่องแนวร่วมผู้ผลิต application ให้มากกว่านี้
ios มันได้เปรียบเรื่องแอปมากกว่าจริง หลายๆ แอปทำลงแต่ ios ไม่ทำลง droid ถ้าคนจะใช้มันก็ต้องใช้อะ แต่บางแอปที่ลงทั้งสองระบบ ราคาในดรอยด์กลับถูกกว่า (แค่บางแอปเท่านั้น) และไอ้แอปที่ลง ios อย่างเดียวนี่คือเป็นระดับดีมากด้วยนะ ผมใช้มือถือดรอยด์แต่ก็ใช้ไอแพดเพื่อการวาดรูปโดยเฉพาะ เพราะปากกาดี รวมถึงการทำงานอื่นๆ แอปใน ios มันก็หลากหลายและดีกว่าจริงๆ
.
อนึ่ง แต่ก่อนเคยใช้ Surface Pro 3 ตอนนี้ขายไปละ ก็ยังอยากกลับมาใช้ SFP อีกที เหตุผลหลักๆ คือ ผมมี license ของ Clip Studio Paint ไง แล้วแอปนี้ในไอแพดมันเป็นจ่ายตลอดชีพอะ เลยอยากใช้ใน Windows มากกว่า แล้วก็เวลาไปเที่ยวเอา SFP ไปต่อจอทีวีดูหนังที่โรงแรมมันง่ายกว่า แต่ความเอนกประสงค์โดยรวม ไอแพดดีกว่าจริงๆ
ดีจริง ดีกว่าในทุกๆ ด้าน ให้มาครบหมด ไม่แหว่งๆ โหว่ๆ เหมือน Android
เรื่องแอพนี่ น่าจะอยู่ในวังวนแบบไก่กับไข่
สเปคขาดๆ เกินๆ -> คนไม่ซื้อเพราะสเปค -> dev ไม่ยอมทำแอพให้ -> คนไม่ซื้อเพราะไม่มีแอพ -> ผู้ผลิตไม่กล้าอัพสเปคให้มันดี เพราะกลัวขายไม่ดี
เป็นคนที่แอนตี้ apple นิดๆ แต่แทบเล็ตเพื่อเอามาทำงาน โดยเฉพาะสายดนตรี และสตูดิโอ
มันต้องยอมซื้อ iPad จริงๆ Apple มีแอพตรงยี่ห้อเต็มไปหมด
ไม่ใช่ว่าแอนดรอยด์ไม่มีนะแต่มันมีแต่แอพนอกค่าย ที่พัฒนากันเองไม่ค่อยเสถียร
แล้วต้องมา tweak เองอีก วุ่นวาย เสียเวลาเรียนรู้มาก
ส่วนเรื่องว่าถ้าต้องทำงานนอกสถานที่ และหยิบของได้ไปได้ชิ้นเดียว คือหยิบโน๊ตบุ๊คแน่นอน
แทบเล็ตมันยังไม่ก้าวสู่อุปกรณ์เพื่อเอางานได้จริงๆ