ถึงแม้ว่างาน Google I/O 2018 จะผ่านไปเกือบเดือนแล้ว ของเล่นใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆก็ได้เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านหลายๆคนอาจจะไม่ได้เห็นกันก็คือบรรยากาศภายในงานครับ ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งมากพอสมควร ต้องขออภัยด้วยที่เก็บภาพมาเล่าสู่กันฟังช้าไปนิดหน่อย หวังว่ายังมีคนรอดูอยู่นะ 😣
Google I/O คืองานอะไร?
เป็นงานสัมมนาประจำปีของ Google บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ใครหลายๆคนก็คุ้นเคยกัน ซึ่งในงานนี้จะเป็นงานสัมมนาที่เน้นเนื้อหาสำหรับนักพัฒนา (Developer) ที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆของ Google ครับ ซึ่งผมก็เป็นนักพัฒนาแอนดรอยด์ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานนี้เช่นกัน ซึ่งภายในงานก็จะมีการสัมมนาและการแสดงผลงานต่างๆที่ออกไปทาง Geek สำหรับผู้ใช้ทั่วๆไปอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ทว่าก็มี Keynote หลักที่ผู้คนทั่วโลกคอยติดตามดูอยู่ทั้งในงานและผ่านออนไลน์บน YouTube
เพราะว่าเทคโนโลยีและ Product ส่วนใหญ่ของ Google นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับนักพัฒนาเสมอครับ ดังนั้นเพื่อให้ Product ของตัวเองสามารถเติบโตไปได้แพร่หลาย ก็ต้องเข้าถึงนักพัฒนาทั่วโลกที่เป็นหัวใจหลักให้ได้ (เหมือนกับที่แอนดรอยด์ทำอยู่น่ะแหละ)
สำหรับใครที่พลาดว่างาน Google I/O 2018 มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง สามารถอ่านข่าวจากทีมงาน Droidsans ท่านอื่นๆได้เลยครับ เพราะผมจะพาเที่ยวเท่านั้นนะ
• Smart Compose ฟีเจอร์ใหม่ Gmail เดาประโยคให้เองโดยไม่ต้องพิมพ์
• Suggested Action ฟีเจอร์ใหม่ Google Photos โคตรฉลาดใส่สีให้ภาพขาวดำก็ยังได้
• สอนลูกให้พูดเพราะไปกับ Google Assistant : Pretty Please
• Google ปรับโฉม Google News ใหม่ ใช้ AI ช่วยจัดข่าวหรือเรื่องราวที่เราสนใจให้อัตโนมัติ
• มารู้จักกับ Android App Bundle ในแบบฉบับผู้ใช้ทั่วไปกันเถอะ
ซึ่งในปีนี้งาน Google I/O 2018 ก็ถูกจัดขึ้นที่เดิม นั่นก็คือ Shoreline Amphitheatre ที่ Mountain View ใกล้ๆกับ Googleplex หรือสำนักงานใหญ่ของ Google นั่นเอง โดยจัดขึ้นในวันที่ 8-10 พฤษภาคม รวมทั้งหมด 3 วันด้วยกัน
พร้อมจะชมภายในงานกันแล้วเนอะ? เริ่มล่ะนะ!
ลงทะเบียนในวันก่อนเริ่มงาน
โดยปกติแล้วงานนี้จะให้ลงทะเบียน ณ สถานที่จัดงานก่อนงานจะเริ่ม 1 วันครับ แต่หลังจากนั้นก็ยังสามารถมาลงทะเบียนทีหลังได้นะ โดยจะมีการแจกบัตรเข้างานและของต่างๆที่จำเป็นสำหรับงานนี้
สำหรับของแจกหลักๆก็จะมีเสื้อของงานนี้ (ลืมถ่ายรูปมาให้ดู) บัตรพลาสติกที่มีรายละเอียดของเราทั้งชื่อ ภาพ บริษัท และโซนที่นั่งได้ในช่วง Keynote โดยบัตรใบนี้จะมี NFC Tag ฝังไว้ข้างในเพื่อให้พนักงานแสกนตอนเข้าห้องสัมมนาได้
และที่ขาดไปไม่ได้ก็คือสายรัดข้อมือที่เป็นการยืนยันว่าเราอายุเกินและสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เพราะช่วงเย็นของงานในวันแรกและวันที่ 2 จะมีงานปาร์ตี้น่ะสิ!! ไว้เดี๋ยวเอาภาพให้ดูทีหลังนะ
ในปีนี้จุดลงทะเบียนแอบเปลี่ยนสถานที่นิดหน่อย เพราะปีนี้ใช้พื้นที่เยอะมากขึ้น ทำให้จุดลงทะเบียนในปีก่อนต้องย้ายออกมาอยู่ข้างนอก (แอบเดินเข้าไปพื้นที่งานเพราะความเคยชินจนเจ้าหน้าที่ไล่ออกมา)
ถึงเวลาเข้างานแล้ว~
ในตอนเช้าของวันแรก ผู้เข้าร่วมงานจะต้องเข้าห้อง Keynote กันทุกคน ซึ่งจะเริ่มตอน 10 โมงเช้า ซึ่งถ้าเราไปถึงเร็วก็จะได้เลือกที่นั่งก่อน โดยจะมีการแบ่งโซนไว้เพื่อไม่ให้ชุลมุนวุ่นวายและมีพื้นที่สำหรับ Press และที่นั่งพิเศษที่อยู่บริเวณด้านหน้าเวที
สถานที่จัด Keynote คือเวทีหลักของสถานที่นี้ที่เรียกได้ว่าใหญ่มากกกกกกก ใหญ่แค่ไหนให้ดูวีดีโอข้างล่างนี้ได้เลย (ถ่ายแบบ 4K เลยนะ)
ผู้เข้าร่วมงานราวๆ 7 พันกว่าคนจะรวมกันอยู่ที่นี่ในช่วง Keynote ซึ่งที่นั่งก็จะเต็มไปด้วยผู้คน รวมไปถึงลานหญ้าด้านหลังเช่นกัน
ก่อนที่ Keynote จะเริ่มก็จะมีเกมให้ทุกๆคนทั่วโลกเล่นพร้อมกันแล้วแสดงบนหน้าจอที่หน้าเวที ซึ่งบอกเลยว่าช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตเริ่มคอขวดละ เพราะผู้คนแห่กันโพสสเตตัส โพสภาพกันลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่สำหรับ Press เค้าจะมีสาย Lan แยกเฉพาะให้ จะได้อัพข่าวสารกันแบบด่วนจี๋ไม่ต้องกลัวเน็ตเน่าแบบผม
หลังจากจบ Google Keynote (Keynote หลัก) ผู้คนก็จะทยอยออกจากเวที เพราะว่าเป็นช่วงเวลามื้อเที่ยงก่อนจะกลับมาต่อกับ Developer Keynote ซึ่ง Keynote ชุดหลังนี่แหละที่จะเน้นเฉพาะนักพัฒนาจริงๆ ส่วน Google Keynote จะเน้นสำหรับบุคคลทั่วๆไปซะมากกว่า
หลังจากจบ Developer Keynote ก็จะเป็นช่วงเวลาที่หัวข้อสัมมนา (เรียกกันว่า Session) ในแต่ละห้องจะเริ่มขึ้น ดังนั้นก็จะมีเหล่านักพัฒนามากมายที่เล็งไว้ว่าจะไปฟังหัวข้อไหนในแต่ละช่วงเวลา
โดยบางห้องแอบมีการเซอร์ไพร์สบางอย่างด้วย อย่างที่ผมรู้มาคือห้องตอนเช้าในวันสุดท้ายของงานที่พูดเรื่องการสร้างแอพแอนดรอยด์บน Chrome OS จะมีการแจกคูปองส่วนลด 75% สำหรับ Pixelbook ให้กับทุกคนที่เข้าไปฟังในห้องนั้น ตอนเดินออกจากห้องด้วย (ไม่ได้เข้าไปไง อดเลย)
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนในงานนี้จะเป็นนักพัฒนากันทุกคนนะครับ ก็จะมีเหล่าคนที่สนใจเทคโนโลยีแต่ไม่ได้เป็นนักพัฒนาที่ได้รับเลือกเข้ามาร่วมงานอยู่มากพอสมควร หรือแม้แต่คนที่เป็น Volunteer ให้กับ Google ในแต่ละประเทศก็ได้มาเช่นกัน ดังนั้นบางคนก็จะเข้าห้อง Session แค่บางห้องเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็คือเดินตามโซนต่างๆที่จัดโชว์ Product หรือเทคโนโลยีของ Google กัน
และนอกจากจัดโชว์ผลงานต่างๆแล้ว บูธส่วนใหญ่จะมีทีม Google ที่ดูแลในโปรเจคต่างๆคอยดูแลอยู่ด้วย เพื่อให้ทุกคนภายในงานสามารถเข้ามาถามรายละเอียดได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือนักพัฒนาก็ตาม
ถึงแม้ว่างานในปีนี้จะไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรใหม่ๆที่ฮือฮาหรือหวือหวา เพราะว่าปีนี้โฟกัสไปที่ซอฟท์แวร์ซะมากกว่า แต่ก็มีโซน Android Things ที่ถือว่าเป็นไฮท์ไลท์น่าสนใจสำหรับงานปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะจัดเต็มกับโปรเจคต่างๆกันเยะมาก
ถ้าใครยังจำใน Keynote ได้ว่ามีนักพัฒนาคนนึงที่พัฒนา Keyboard ที่ใช้รหัสมอร์สในการพิมพ์แล้วสร้างเป็นเสียงขึ้นมาที่ถูกพัฒนาโดย Tania Finlayson ที่มีปัญหาทางร่างกาย ที่ใครหลายๆคนแอบประทับใจและน้ำตาคลอ (ถ้าจำไม่ได้ก็คงกดดูวีดีโอข้างล่างซะ)
โปรเจคดังกล่าวเป็นหนึ่งใน Experiment Project นั่นเอง ซึ่งถูกนำมาโชว์ภายในงานนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ Tania Finlayson ได้คุยกับนักพัฒนาที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมผลงานครับ
Tensor Processing Unit (TPU) ฮาร์ดแวร์สำหรับการทำ Machine Learning ที่ Google สร้างขึ้นมาเอง เพื่อใช้งานกับ Tensorflow โดยเฉพาะ ก็ถูกนำมาโชว์ตัวทั้งเวอร์ชันแรกยันเวอร์ชัน 3.0 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงาน Keynote เพื่อให้เห็นตัวจริงๆกันไปเลยว่าเป็นยังไง โดยภาพทั้ง 3 เวอร์ชันนั้นถูกแสดงอยู่บนพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากันนะครับ
และมีโซนสำหรับ Community ที่เป็นจุดนัดหมายสำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมงานมานัดปะเจอกันและได้ทำความรู้จักกัน
นอกจากนี้ยังมีโซน Codelabs ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถลองเขียนโค้ดในโปรเจคต่างๆ เหมาะกับทุกวัยที่สามารถอ่านภาษาอังกฤษออกและพิมพ์ตามได้ เพราะมีหน้าเว็ปอธิบายขั้นตอนในการเขียนโค้ดให้ทำงานได้เลย โดยทำครบ 5 โปรเจคก็ได้สิทธิ์ลุ้นตั๋วงานในปีหน้า
และที่ขาดไปไม่ได้ก็คือร้านค้าขายของสำหรับงาน Google I/O 2018 นั่นเอง ปีนี้ก็ไม่รับเงินสดเหมือนเดิม และของก็ราคาแรงเหมือนเดิม แต่เป็นของ Limited นะ ไม่มีขายนอกงาน
มาดูช่วงเย็นกันบ้าง นั่นก็คือช่วงเวลาปาร์ตี้นั่นเอง โดยภายในงานก็จะถูกเนรมิตด้วยแสงสีเสียง เพื่อจัดเป็นพื้นที่สำหรับงานปาร์ตี้ที่นั่นในทันที ไม่ต้องย้ายไปไหน บางโซนที่เคยเป็นห้อง Session ก็กลายเป็นห้องเล่นเกมแทน หยิบอาหารหยิบเครื่องดื่มแล้วสนุกให้เต็มที่กันไปเลย
และในคืนที่สองก็จะเปลี่ยนปาร์ตี้ไปเป็นงานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ที่เวทีหลักแทน ถือว่าเป็นอีกไคลแม็กซ์หนึ่งของงานก็ว่าได้ เพราะเต็มไปด้วยผู้คน เสียงเพลง และความครื้นเครง ส่วนผมก็นอนบนสนามหญ้า (แอบเตรียมผ้าปูนอนมาด้วย) ซึ่งในปีนี้เป็นวง Phantogram กับ Justice มาเล่น ซึ่งบ้านเราก็ไม่น่าจะรู้จักกันอยู่ดี แต่บรรยากาศโคตรมันส์
สรุป
สำหรับงานปีนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของเทคโนโลยีจาก Google ก็ว่าได้ โดยเฉพาะ Google Assistant และ AI ที่เห็นได้ชัดว่าถึงเวลาที่เริ่มนำเข้ามาใช้งานจริงใน Product ต่างๆของ Google แล้ว ส่วนฝั่งแอนดรอยด์ก็โหดร้ายเช่นกัน ถึงแม้ว่า Android P จะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก แต่ว่าในฝั่งก็นักพัฒนาอย่างผมก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก เนื่องจากทีมแอนดรอยด์ได้มีการปรับปรุงรูปแบบการเขียนโค้ดชุดใหญ่ที่จะช่วยยกระดับการทำงานของแอพให้ดีขึ้น ลื่นขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น กินแบตน้อยลง (คนใช้ก็สบายไปรอใช้ของดี ส่วนนักพัฒนาอย่างผมก็ร้องไห้ไปนั่งแก้โค้ดใหม่ไป)
จริงๆแล้วยังมีอะไรในงานอีกมากมายหลายอย่าง ผมพยายามเลือกเฉพาะอันที่น่าสนใจมากที่สุดมาเล่าให้ฟังเท่านั้น ตอนเลือกก็ทำใจยากว่าจะเอาอันไหนมาบ้าง เพราะมันเยอะไปหมด
และนี่ก็คือบรรยากาศงาน Google I/O 2018 ที่ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสมาครับ จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่าการที่เรานั่งรอคอยตอนเที่ยงคืนของวันงานเพื่อฟัง Keynote จบแล้วก็กลับไปนอน เพราะงานนี้มีตั้ง 3 วัน เพราะงั้นก็ไม่อยากให้พลาดสิ่งที่น่าสนใจภายในงานไปครับ
สำหรับปีนี้ก็ขอจบการพาเที่ยวย้อนหลังเพียงเท่านี้ ถ้าปีหน้ามีโอกาสได้ไปอีกก็จะเก็บภาพบรรยากาศภายในงานมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ
มี Phantogram ด้วย!!