Google Blog ได้เผยข้อมูลฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมายที่จะถูกใส่มาใน Google Maps เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์นำทางภายในอาคารแบบ Live View, บอกข้อมูลอากาศ และฝุ่น, คำนวณเส้นทางที่ประหยัดน้ำมันที่สุด ฯลฯ

ฟีเจอร์ Live View นำทางในอาคารแบบ real-time

ก่อนหน้านี้ Google Maps เคยใส่ฟีเจอร์นำทางแบบ Live View มาให้แล้ว โดยโหมดดังกล่าวจะช่วยให้เราหาทางไปสถานที่ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น แค่ยกมือถือขึ้นมาแล้วส่องไปรอบ ๆ ตัว ก็จะมีป้ายบอกทางเด้งขึ้นมาบนจอเพื่อบอกว่าควรไปทางไหน…แต่ติดอยู่ที่ฟีเจอร์ดังกล่าวจะใช้งานได้เฉพาะตามถนนภายนอกอาคารเท่านั้น

Google Maps อัปเดตใหม่ เพิ่มฟีเจอร์นำทางด้วย AR แบบเรียลไทม์ เตรียมเปิดให้ใช้ทั้ง Android และ iOS

แต่หลังจากนี้คนที่ชอบเดินหลงในห้างใหญ่ ๆ ตึกใหญ่ ๆ หรือสนามบิน ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว เพราะ Google Maps จะเพิ่มฟีเจอร์ Google Live View ให้ใช้งานในอาคารได้ด้วย ซึ่ง Google Maps จะทำการรวบรวมรูปถ่าย Street View จากด้านนอกอาคารเป็นจำนวนหมื่น ๆ ล้านรูปเพื่อคำนวณแหน่งของอาคารต่าง ๆ ในบริเวณนั้น ทำให้สามารถเข้าใจขนาด และตำแหน่งที่แม่นยำของอาคารได้ ฟังดู Sci-fi มาก ๆ แต่ทาง Google ก็เคลมไปแล้วว่า Live View จะสามารถนำทางอาคารที่มีโครงสร้างซับซ้อนอย่าง สนามบิน, สถานีรถไฟ หรือห้างสรรพสินค้าได้

Indoor live view 2

หากผู้ใช้งานต้องการจะเดินไป Gate ที่ต้องขึ้นเครื่องบินในสนามบินต่าง ๆ ตัว Live View จะนำทางไปหา ลิฟท์หรือบันใดเลื่อนที่ใกล้ที่สุด แถม Google Maps ยังสามารถนำทางไปหาจุดรับกระเป๋า, เค้าเตอร์เช็คอิน, จุดขายตั๋ว, ตู้ ATM หรือห้องน้ำก็สามารถทำได้อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ Indoor Live View เปิดใช้งานในห้างสรรพสินค้าเมืองหลัก ๆ ในสหรัฐอเมริกาแล้ว ได้แก่ Chicago, Long Island, Los Angeles, Newark, San Francisco, San Jose, Seattle และจะปล่อยอัปเดตมาเพิ่มให้กับ Tokyo, Zurich และเมืองหลัก ๆ ทั่วโลกในอนาคต

บอกข้อมูลคุณภาพอากาศ และปริมาณฝุ่น

Google Maps จะสามารถเปิด/ปิด Layer บอกสภาพอากาศแยกแต่ละพื้นที่เพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ ทั้งอุณหภูมิ หรือฝน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ อีกทั้งยังมี Layer สำหรับแสดงปริมาณฝุ่นในแต่ละพื้นที่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากฐานข้อมูลเว็บไซต์พยากรอากาศแบบ real-time และจะเริ่ม อัปเดตให้กับ Google Maps ของ Android และ iOS ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดย Layer บอกสภาพอากาศจะเปิดให้ใช้งานทั่วโลก ส่วนตัววัดปริมาณฝุ่นจะเปิดใช้ใน ออสเตรเลีย, อินเดีย, สหรัฐฯ ก่อน และประเทศอื่น ๆ จะตามมาในอนาคต (มาที่ประเทศไทยเร็ว ๆ ก็จะดีมากครับ 555)

 

โหมดหาเส้นทางประหยัดน้ำมันที่สุด

Google Maps จะใช้ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐ เพื่อนำมาออกแบบอัลกอริทึมในการคำนวณการเดินทางแบบใหม่เพื่อให้เป็นตัวเลือกสำหรับเส้นทางที่เน้นประหยัดพลังงานมากที่สุด โดยยึดตัวแปรจำพวกความลาดของถนน และสภาพจราจรในตอนนั้น แต่ถ้าผู้ใช้งานชอบเดินทางรวดเร็วกว่าแต่ระยะทางไกลกว่า (ประมาณว่าหลบรถติด หลบไฟแดง) ก็สามารถปรับแต่งได้ตามสะดวก โดยตอนนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเปิดให้ใช้งานในสหรัฐฯ เท่านั้นครับ

นอกจากนี้ในบางเมืองอย่าง อัมสเตอร์ดัม, จาร์กาตาร์ และอีกหลาย ๆ เมืองต่างก็มีเขต Low Emission Zone (เขตมลภาวะต่ำ) ที่จะห้ามไม่ให้ยานพาหนะบางประเภทที่มีไอเสียปริมาณมากเช่นรถดีเซลเข้าไปในพื้นที่ Google Maps จึงได้อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ที่จะเตือนผู้ใชงานถึงข้อมูลเหล่านี้ และถ้าหากยานพาหนะของผู้ใช้งานไม่สามารถผ่านได้ ตัวแอปก็จะทำการเปลี่ยนเส้นทางให้โดยอัตโนมัติ โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานเดือนมิถุนายน 2564 ในประเทศเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, สเปน, และสหราชอณาจักร ก่อน แล้วประเทศอื่น ๆ จะตามมาทีหลัง

Google Maps ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ที่จะทำการเปรียบเทียบ Carbon Footprint จากการใช้ยานพาหนะแต่ละแบบ ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้อะไรเดินทางเพื่อที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมมากที่สุด แถม Google Maps ยังสังเกตพฤติกรรมการเดินทางของผู้ใช้งาน ตามลักษณะเมือง แล้วแนะนำเส้นทางในการเดินทางที่รวดเร็วที่สุดให้อีกด้วย

 

ซื้อสินค้าแบบไปรับที่ร้านผ่าน Google Maps โดยตรง

บริการจับจ่ายสินค้าแบบ Contactless ถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง COVID-19 ระบาดแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ Delivery หรือการสั่งของแล้วไปรับที่ร้าน และเพื่อจะทำให้ขั้นตอนตรงนี้ง่ายขึ้น Google Maps ก็กำลังจะเพิ่มข้อมูลเรื่องการสั่งซื้อสินค้าจากร้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดรับ ค่าส่ง และปริมาณขั้นต่ำของสินค้า

หลักการทำงานก็คือหลังจากที่ผู้ใช้งานเลือกซื้อของไปแล้ว Google Maps จะทำการมาร์กจุดที่ต้องไปรับของให้ หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปรับ ตัวแอปจะทำการแจ้งเตือนให้พอดี ซึ่ง Google Maps ก็ได้คำนวณเวลาที่จะไปถึงร้าน ผนวกกับระยะเวลาการเตรียมสินค้าทางร้านไปแล้ว ทำให้ได้รับสินค้าทันทีที่ถึงร้านไม่ต้องเสียเวลารอนานเลยครับ โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานในห้าง และสรรพสินค้าหลัก ๆ ในสหรัฐฯ ก่อนแล้วค่อยขยายการอัปเดตไปหาพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต

Google ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าอัปเดตเหล่านี้สามารถเป็นจริงได้เพราะระบบ AI ที่พัฒนาขึ้น ทำให้ Google Maps สามารถปรับตัวได้ตามตัวแปรหลายล้านตัวทั่วทุกมุมโลก ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้แล้วก็ต้องรอดูกันอีกทีว่าฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้จะใช้ในไทยได้เมื่อไหร่ครับ

 

Source: GoogleBlog