เปิดตัวแล้วสำหรับมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Google อย่าง Pixel 3 และรุ่นพี่จอยักษ์ Pixel 3 XL ซึ่งคราวนี้ทั้งคู่ก็ยังคงคอนเซ็ปท์เป็นมือถือเรือธงอินดี้เพราะไม่ยอมตามกระแสกล้องหลังหลายตัวเหมือนแบรนด์อื่นๆ ที่ตอนนี้โดดไปถึง 3 – 4 เลนส์กันแล้ว แต่ Pixel ใหม่ทั้ง 2 รุ่น ยังใช้กล้องหลังตัวเดียวอยู่เหมือนเดิม ส่วนสเปคและฟีเจอร์อื่นๆ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอ
ก่อนหน้านี้ตามที่มีทั้งภาพเรนเดอร์และภาพของตัวเครื่องหลุดออกมาเยอะแยะจนแทบไม่ต้องลุ้นอะไรกันแล้ว จะเห็นว่า Pixel 3 และ Pixel 3 XL มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นทั้งขนาดตัวเครื่อง (อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว) และหน้าจอที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะคราวนี้รุ่นใหญ่ Pixel 3 XL มาพร้อมกับหน้าจอขอบบางที่มีรอยแหว่งทางด้านบน ส่วนรุ่นเล็กยังมีหน้าจอตามปกติที่ไม่มีทั้งรอยเว้ารอยแหว่งอะไรเลย แต่มีการลดขนาดของขอบจอทั้ง 4 ด้านลงจากรุ่นที่แล้ว ทำให้ทั้ง Pixel 3 และ 3 XL มีอัตราส่วนของหน้าจอต่อตัวเครื่องมากที่สุดในซีรีส์ Google Pixel
ส่วนวัสดุด้านหลังเครื่องจะเป็นกระจกผสมแบบมันวาวและผิวด้านอยู่ในชิ้นเดียวกัน เรียกว่าไม่มีรอยต่อเหมือนในรุ่นก่อนๆ โดยคราวนี้มีด้วยกัน 3 สี (มีชื่อกวนๆ เหมือนเดิม) คือ Just Black, Clearly White และ Not Pink
ลำโพงคู่สเตอรีโอ
Pixel 3 และ 3 XL ยังคงมาพร้อมกับลำโพงคู่บน-ล่าง เช่นเคย แต่คราวนี้จะมีการอัพเกรดคุณภาพของลำโพงขึ้นมาจากรุ่นที่แล้ว โดยมีความดังกว่าเดิมถึง 40% แถมยังได้ศิลปินที่ชนะรางวัล Grammy Awards มาช่วยในการปรับแต่งเสียงอีกด้วย
กล้องหลังตัวเดียวเหมือนเดิม แต่เทพกว่าเดิม
ยังคงความอินดี้ไม่เหมือนใครด้วยการใช้กล้องหลังแค่ตัวเดียว เพราะ Google ยังคงมั่นใจในประสิทธิภาพของ Pixel Visual Core ผสมผสานกับ AI ที่ใช้ในการประมวลผลภาพถ่าย ซึ่งคราวนี้ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์กล้องใหม่ๆ เข้ามาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
Top Shot
ฟีเจอร์ถ่ายภาพรัวๆ จากการกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว เพื่อเก็บภาพทั้งก่อนหน้าที่เราจะกดชัตเตอร์รวมถึงหลังจากที่เรากดชัตเตอร์ไปแล้ว ทำให้สามารถเลือกช็อตอื่นที่สวยกว่าช็อตที่เราถ่ายได้ แถมระบบ AI ยังฉลาดพอที่จะแนะนำช็อตที่สวยที่สุดให้เราได้ด้วย
Night Sight
ฟีเจอร์ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ที่ใช้ ใช้พลังของ HDR+ ผสานกับ Pixel Visual Core และ AI ช่วยในการดึงแสงและรายละเอียดต่างๆ ของภาพที่ถ่ายออกมาได้แบบสว่างและชัดเจนสุดๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แฟลชช่วยเลย
Group Selfie Cam
ถึงแม้ว่า Pixel 3 และ 3 XL จะมีกล้องหลังแค่ตัวเดียว แต่ก็ใส่กล้องหน้ามาให้ถึง 2 ตัว เพื่อการถ่ายเซลฟี่ให้ได้มุมมองที่กว้างกว่าเดิมถึง 184% ทำให้ไม่ต้องใช้ไม้เซลฟี่ก็สามารถเก็บภาพเซลฟี่แบบกลุ่มได้แบบครบๆ เลยล่ะ
Playground
ฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง AR Stickers ก็ยังคงมีมาให้เล่นกันเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือคราวนี้เจ๋งกว่าเดิม เพราะมีลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาอีก อย่างสติ๊กเกอร์ Avengers ที่คราวนี้ตัวละครแต่ละตัวสามารถโต้ตอบกันเอง แถมยังโต้ตอบกับผู้ถ่ายได้อีกด้วย
Google Lens
ฟีเจอร์สารพัดประโยชน์อย่าง Google Lens ที่สามารถจำแนกสิ่งของที่ปรากฎบนกล้องได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปที่มีเบอร์โทรศัพท์เพื่อบันทึกไว้ใน Contact ได้เลย หรือจะเป็นการถ่ายรูปสินค้าต่างๆ อย่าง แว่น รองเท้า นาฬิกา ฯลฯ เพื่อหาข้อมูลของสินค้านั้นๆ พร้อมพาเข้าเว็บไปสั่งซื้อกันได้เลย
Photobooth
ฟีเจอร์ถ่ายภาพอัตโนมัติเมื่อตรวจพบการยิ้ม หรือแม้แต่การทำหน้าตาแปลกๆ
Motion Autofocus
ฟีเจอร์โฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาแบบอัตโนมัติ อย่างเช่นการถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงที่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ โดยผู้ถ่ายไม่ต้องคอยเอานิ้วแตะหน้าจอเพื่อโฟกัสเองเลย
Portrait Mode
โหมดหน้าชัดหลังเบลอที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม แถมคราวนี้ยังมีโหมดเลือกให้เฉพาะสีที่ต้องการโดดเด่นขึ้นมาได้ด้วย
Google Assistant ที่ฉลาดกว่าเดิม
ระบบตอบรับอัตโนมัติที่เราเคยได้เห็น Google โชว์ให้ดูว่ามันสามารถโทรไปจองที่นั่งร้านอาหารได้เหมือนคนจริงๆ ก็จะมีให้ใช้แล้วในวันที่ Pixel 3 วางจำหน่าย (เสียดายที่ตอนนี้ใช้ได้แค่บางเมืองในอเมริกาเท่านั้น) โดยคราวนี้มันยังมาพร้อมกับระบบตอบรับอัตโนมัติหากเราไม่ต้องรับสายเองอีกด้วย (คือให้ Assistant คุยให้เอง) และบนหน้าจอก็จะมีข้อความขึ้นมาว่าบทสนทนาดังกล่าวเป็นยังไงบ้าง
Pixel Stand ที่จะเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็น Smart Display
สำหรับอุปกรณ์เสริมอย่าง Pixel Stand ซึ่งเป็นแท่นชาร์จไร้สาย ที่นอกจากจะชาร์จไฟได้เร็วแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนให้มือถือ Pixel 3 กลายเป็น Google Home หรือ Smart Display ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโชว์รูปภาพบนหน้าจอแบบ Digital Frame, โชว์ข้อมูลต่างๆ ที่เราอยากรู้ เช่นภูมิอากาศ การจราจร ฯลฯ
Pixel 3 และ Pixel 3 XL จะเริ่มเปิดให้สั่งจองในอเมริกาได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโดยมีราคาเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ หรือประมาณ 26,400 บาท (ยังไม่รวมภาษี) Pixel 3 XL มีราคาเริ่มต้นที่ 899 ดอลลาร์ หรือประมาณ 29,700 บาท (ยังไม่รวมภาษี) ส่วนแท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ 79 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,600 บาท (ยังไม่รวมภาษี) และจะเริ่มวางขายตามร้านทั่วไปในวันที่ 18 ตุลาคม 2561
ขอคะแนน DxO ซัก 120 พอ งัดให้พวกเทรนด์กล้อง 7-8 ตัวให้หงาย
DxO เป็นแค่เว็บๆนึงคับ ไม่ได้ถึงขนาดเอามาเป็นไม้บรรทัดวัดได้เป๊ะๆ
แล้วต้องดูจากเวปไหนล่ะครับ? เค้ามีมาตรฐานของเค้าอยู่ ไม่ใช่วัดแบบไก่กานะครับ
55555555555555555555555 เสียงแนนโน๊ะ
ถึงเวลาสอย pixel รุ่นแรกมือสอง 555
ในไทยมีขายหรือครับ
สอย Pixel Slate
จะเข้าไทยมั้ย…
ืดูมีนวัตกรรมมากกว่า (อดีต) เจ้าตลาดเสียอีก
ที่อัพเกรดมีแค่ชิปที่อัดจาก 835 ไป 845
กันน้ำจาก 67 เป็น 68 ชาร์จเร็วขึ้นนิดนึง
นอกนั้นทุกอย่างไม่ได้ต่างจากเดิม เพิ่มเติมคือติ่งที่ใหญ่มาก
ขนาดกล้องที่เป็นจุดชูโรง ฮาร์ดแวรเหมือนรุ่นก่อนทุกอย่าง
อัพเดตให้แค่ซอฟท์แวร์( ซึ่งรุ่นเก่าอื่นๆก็จะได้เหมือนกัน)
แบบนี้ผมว่าห่างไกลกับคำว่านวัตกรรมนะ
ผมมองว่า นวัตกรรม คือสิ่งที่ทำแบบแปลกใหม่ และดีขึ้น
ไม่ใช่แค่การอัพสเปคนะครับ อัพสเปคสำหรับผมไม่นับว่าเป็นนวัตกรรม
software นี่แหละ คือนวัตกรรม
ถ้าอยากได้แค่ hardware มือถือจีนสเปกแรงมีเยอะแยะ
ถ้านับแบบนั้นไอโฟนกับของใหม่นั่น ก็โครตนวัตกรรมกรรมแล้ว
และซอฟต์แวร์ Pixel3 ไม่ exclusive รุ่นเก่าก็จะได้เหมือนกัน และแอนดรอยรุ่นไหนอยากได้กล้อง gcam ไปเล่น อยากได้ซอฟแวร์พิกเซลไปใช้ก็แค่รูทเครื่องเฟรชรอมก็ได้แล้ว แบบนี้ลูกค้าเก่า และลูกค้าแอนดรอยด์แบรนด์อื่น เค้าจะเปลี่ยนมาใช้เพื่อ ??
ลง Gcam แล้วก็ไม่สวยเท่า Pixel นะครับ
Pixel มี Vision Core แยกในขณะที่อันอื่นยังรันผ่าน Hexagon DSP, Spectra ISP ของ Snapdragon
รอชมรีวิว กล้องหลัง1ตัว ปะทะกล้อง 3-4ตัว
สรุป 3 / 3 XL ต่างกันแค่หน้าจอปะครับ
ใครรู้ราคา JP มั่ง
3 Pixel 3 64 GB 95000 JPY 128 GB 107000 JPY ประมาณนี้นะครับ
ไม่ผ่านอย่างเดียวหน้าตามัน 55
ถูกใจกับความกล้องเดียว ที่ยังคงเอกลักษณ์
ชอบสี Not Pink มาก ชื่อสีกวนโคตร คนอื่นก็สีชมพูแหละ แต่ใช้ชื่อ Rose Gold, Champagne Gold บลาๆ
นี่ก็เลย เออ สีคล้ายๆ กัน คือสี ไม่ใช่ชมพูนะ ถถถถถถถถถ
pixel กับ mate 20 ใครจะอยู่ใครจะไป
จะเข้าไทยไหมเนี่ยยยยยยย
https://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-royal-institute/อยากได้แต่หน้าตา อุบาทว์
ไหนๆจะใช้กล้องหน้าอันเดียวเพราะVisual Core , AI ฉลาด ทำไมกล้องหน้าไม่ทำกล้องเดียว แล้วใช้ทำGroup Selfie (panorama + AI ) เอาหละ ไหนๆจะโชว์ด้านSoftwareอยู่แล้ว(ถ้านับVisual Core เป็นHardwareในการถ่ายภาพที่ดี ก็ให้มันทำงานกับกล้องหน้าให้มีประโยชน์กว่านี้หน่อย)
ปล.เซ็งกับการ SecurityของPixel2มาก ใส่Pinปลดล็อคต้องกดEnter เพื่อปลดอีกที
เหมือนจะป้องกันดีนะ แต่เวลาจะปิดเครื่องไม่ได้ปลดล็อคก็บังคับปิดเครื่องได้ โดนคนขโมยเก็บได้ ปิดเครื่องหนีเฉย จะตามเครื่องไม่เจอ ปล.จากเรื่องจริง
อยากรู้ว่ากล้องตัวเดียวทำหน้าชัดหลังเบลอได้ดีเท่ากล้องหลายตัวมั้ย