มีการสำรวจว่าเมื่อปี 2021 ประชาชนในสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของอุปกรณ์อัจฉริยะกันราว ๆ 25 ชิ้นต่อหลังคาเรือน ไม่ว่าจะเป็นมือถือ, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์, สมาร์ททีวี, ลำโพง หรือแม้แต่รถยนตร์ที่สามารถชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้ ทำให้ Google พัฒนาระบบ Android แบบไม่หยุดยั้ง ให้มันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อใช้งานร่วมกันได้แบบไร้รอยต่อ โดยล่าสุด Google ได้ออกมาเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาทำให้อุปกรณ์ Android และอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้านสามารถทำงานร่วมกันได้แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เชื่อมอุปกรณ์ Android กับ Smart Device อื่น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น

หมดปัญหาน่าเบื่อเวลาซื้อมือถือ, แท็บเล็ต หรือ Chromebook ใหม่แล้วต้องคอยมานั่งไล่เชื่อมต่อกับ Smart Device ที่เคยใช้กับเครื่องเดิม เพราะฟีเจอร์ Fast Pair ที่กำลังจะได้รับการอัปเดตใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะทำให้เราเชื่อมต่อ Smart Device ต่าง ๆ เข้ากับ Chromebook ได้ง่ายสุด ๆ อย่างเช่นหูฟังไร้สายที่รองรับ Fast Pair เมื่อเปิดใช้งานใกล้ ๆ กับ Chromebook ปุ๊บ ก็จะมีตัวเลือกให้กด Pair แล้วใช้ได้ทันที

และหลังจากนี้จะมีการอัปเดตตามมาอีกระลอกให้เราสามารถตั้งค่า Chromebook ผ่านมือถือ Android ที่เราใช้อยู่ เพื่อคัดลอกข้อมูลอย่างเช่นบัญชี Google หรือรหัส WiFi เข้าไปที่ Chromebook โดยไม่ต้องมานั่งตั้งค่าเองตั้งแต่ต้น

ส่วน Google TV หรืออุปกรณ์ที่ใช้ Android TV OS ก็จะได้รับอัปเดตให้รองรับฟีเจอร์ Fast Pair ด้วย โดยจะสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายอย่าง Pixel Buds ได้ด้วยการกด Connect บนหน้าจอทีวีหลังจากเปิดใช้หูฟังดังกล่าว

Digital Car Key ปลดล็อครถยนต์ด้วยมือถือ Android โดยไม่ต้องควักออกจากกระเป๋า

ในช่วงปลายปีนี้รถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่นที่รองรับ จะสามารถใช้ฟีเจอร์ Digital Car Key เพื่อปลดล็อครถยนต์และสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ขอแค่มีมือถือที่รองรับระบบ UWB หรือ Ultra Wideband ติดตัวเอาไว้ก็พอ (จะใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ก็ได้) เมื่อเข้ามาในระยะของรถแล้วประตูจะปลดล็อคอัตโนมัติพร้อมเข้าไปกดปุ่มสตาร์ทรถขับออกไปได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ Digital Car Key ให้กับมือถือของเพื่อน หรือคนอื่น ๆ ที่ต้องการยืมรถเราได้อีกต่างหาก

ในตอนนี้ฟีเจอร์ Digital Car Key สามารถใช้งานได้แล้วกับมือถือ Pixel และ Samsung Galaxy บางรุ่นเท่านั้น แต่ภายในสิ้นปีนี้ทาง Google จะขยายฟีเจอร์นี้ให้กับมือถือแบรนด์อื่น ๆ ที่มีสเปครองรับระบบนี้ด้วย

Google ยังจะเพิ่มฟีเจอร์ปลดล็อคหน้าจอมือถือ Android โดยการใช้สมาร์ทวอทช์ระบบ Wear OS ให้อีก โดยเราสามารถใส่รหัสเพื่อปลดล็อค หรือจะกดล็อคเครื่องบนหน้าจอสมาร์ทวอทช์ก็ได้ (อันนี้ยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์ยังไงเหมือนกัน 555)

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้านความบันเทิง

ระบบ Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับหูฟังหรือลำโพงไร้สายจะมีความฉลาดมากขึ้น อย่างเช่นหูฟังของเราเชื่อมอยู่กับแท็บเล็ตและมือถือพร้อมกัน และในระหว่างที่เรากำลังดูซีรีส์บนแท็บเล็ตแล้วมีสายเข้ามาที่มือถือ เสียงจากหูฟังจะสลับจากแท็บเล็ตเพื่อมารับสายโทรศัพท์ให้ทันทีพร้อมกับ Pause ซีรีส์ให้ด้วย และเมือวางสายปุ๊บ ก็จะสลับเสียงมาที่แท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ

สำหรับใครที่ชอบความสะดวกของฟีเจอร์ Chromecast ที่ทำให้เราสามารถส่งหนัง ซีรีส์ คลิปวิดีโอ หรือเพลงจากมือถือไปเล่นต่อบนสมาร์ททีวี, ลำโพงอัจฉริยะ, หน้าจออัจฉริยะ หลังจากนี้ทาง Google จะไปจับมือกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ แบรนด์ให้ใส่ฟีเจอร์ Chromecast เข้าไปด้วย จะได้มีตัวเลือกให้ใช้งานได้มากขึ้นไปอีก อย่างเช่นค่าย Bose ก็กำลังจะมีลำโพงอัจฉริยะและลำโพง Soundbar ที่รองรับ Chromecast เตรียมเปิดตัวในอีกไม่นานนี้

ใช้งานร่วมกับ Chromebook ได้มากขึ้น

ช่วงปลายปี Google จะอัปเดตฟีเจอร์ Phone Hub บน Chromebook เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานร่วมกับมือถือ Android ได้มากกว่าที่เคย โดยเราจะสามารถตอบแชทที่เด้งเข้ามือถือจากหน้าจอของ Chromebook ได้เลยแม้ไม่มีแอปดังกล่าวติดตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังจะใส่ฟีเจอร์ Camera Roll เข้ามาให้เรียกดูภาพหรือวิดีโอที่เซฟไว้ในมือถือบนหน้าจอ Chromebook ได้อีก

รับ-ส่งไฟล์ด้วย Nearby Share ระหว่าง Android กับ Windows PC

เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน Windows เรียกร้องกันมานาน (มาก ๆ) แล้ว โดย Google จะเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้มือถือ Android เชื่อมต่อกับ PC ระบบ Windows เพื่อใช้ Nearby Share ให้สามารถส่งไฟล์ต่าง ๆ ไปมาได้ระหว่าง 2 อุปกรณ์ โดยตอนนี้ Google กำลังร่วมกับ Acer, HP และ Intel เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ Nearby Share ให้สามารถใช้งานได้กับ PC หลาย ๆ รุ่นอยู่

สำหรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ทั้งหมดนี้ ทาง Google จะทยอยพัฒนาและปล่อยอัปเดตให้กับอุปกรณ์ Android ได้ใช้กันภายในปี 2022 นี้ครับ (ส่วนตัวนี่รอ Nearby Share ระหว่าง Android กับ Windows PC อย่างใจจดใจจ่อเลย)

 

ที่มา : Blog.google