ก่อนหน้านี้เราได้เคยเสนอข่าวเรื่อง Grab เตรียมซื้อกิจการ Uber กันไปตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ขึ้นแท่นเป็นดีลซื้อธุรกิจออนไลน์มูลค่าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทันที และ Uber เตรียมปิดให้บริการในภูมิภาคนี้เร็วๆนี้ หลังถ่ายโอนฐานข้อมูลลูกค้าและพาร์ทเนอร์ต่างๆไปยัง Grab ได้เสร็จสมบูรณ์
Uber ถอนตัวจากภูมิภาค เข้าถือหุ้น Grab แทน
โดยการเข้าซื้ออูเบอร์ของแกร๊บในครั้งนี้ จะรวมถึงกิจการและสินทรัพย์ทั้งหมดในหลายประเทศรวมถึง กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยทางอูเบอร์จะได้ถือหุ้น 27.5% ในแกร๊บเป็นการแลกเปลี่ยน รวมถึงดารา โคสโรว์ชาฮี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอูเบอร์ ก็จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารของแกร็บอีกด้วย
เตรียมหยุดให้บริการ Uber ในอีก 2 สัปดาห์
โดย GrabFood ที่ปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้ว จะได้ฐานข้อมูลลูกค้าและร้านอาหารทั้งหมดจาก UberEats เข้ามาร่วมด้วยทั้งหมด เช่นเดียวกับ GrabTransport ที่จะได้ข้อมูลคนขับ ผู้โดยสาร และฐานข้อมูลการเดินทางต่างๆทั้งหมดจาก Uber มาร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่ง Uber จะให้บริการอีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ส่วน UberEats จะให้บริการจนถึงเดือนพฤษภาคม 2561 และจะปิดบริการลงไปเหลือแต่เพียง Grab เท่านั้น ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะต่างไปจากข่าวเมื่อเดือนมกราคมที่บอกว่าจะให้บริการควบคู่กันไปเรื่อยๆ
ปัจจุบันแกร๊บไม่ได้เป็นแค่บริการเรียกรถแท็กซี่ดั่งเช่นวันแรกที่ได้เปิดให้บริการอีกต่อไป แกร๊บมีให้บริการอื่นๆอีกมากมายทั้ง บริการรับส่งที่หลากหลาย (GrabCar, GrabBike, GrabDelivery) บริการรับส่งอาหาร (GrabFood) บริการชำระเงินผ่านมือถือ และบริการทางการเงิน (GrabFinancial, GrabPay) ซึ่งในอนาคตแกร๊บเล็งจะพัฒนาแพลตฟอร์มของตนให้เป็นบริการ O2O (Online to Offline) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งน่าจะได้เห็นบริการต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น
- บริการ ‘แกร็บไซเคิล’ (GrabCycle) : บริการจักรยานและอุปกรณ์มือถือ
- บริการ ‘แกร็บชัตเติ้ล พลัส’ (GrabShuttle Plus) : บริการรถโดยสารประจำทางแบบออนดีมานด์
- ‘แกร็บไฟแนนเชียล’ (Grab Financial) : บริการชำระเงินผ่านมือถือและบริการทางการเงิน รวมถึงบริการกู้ยืมสำหรับรายย่อย (micro-financing) และบริการประกัน รวมไปถึงบริการอื่นๆ สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน
โปรหาย ค่าบริการเพิ่ม ความกังวลของคนใช้ในอนาคต
คงต้องรอติดตามความเปลี่ยนแปลงหลังการควบรวมกิจการของ Grab-Uber ครั้งนี้ต่อไปว่าจะส่งผลอะไรบ้าง เพราะสิ่งนึงที่น่าจะเห็นชัดๆก็คือ โปรโมชั่นการใช้งานน่าจะน้อยลงอย่างชัดเจน ส่วนค่าบริการจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ขนาดไหนนั้นก็ต้องรอติดตาม เพราะขาดซึ่งคู่แข่งและการควบคุมจากภาครัฐแล้วแบบนี้ อะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ
ที่มา ข่าวประชาสัมพันธ์จาก uber
มีนเป็นแค่ทางเลือกนี่ครับ โปรไม่ดี ก็ไม่ต้องใช้ ก็แค่นั้นรึเปล่า?
เซ็งเลย ไม่มีการแข่งขันก็ไม่มีโปรถูกๆ