แม้จะเป็นทุกแทบทุกอย่างให้พวกเราอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น บริการขนส่งคน สินค้า อาหาร คนขับรถส่วนตัว บริการเช่ารถ จองที่พัก และใด ๆ อีกมาก แต่ดูท่างานนี้ Grab จะยังคงไม่พอใจ ขอไปต่อ จ่อเพิ่มบริการ FinTech เข้ามาในแอปพลิเคชั่นอีกอย่างในเร็ว ๆ นี้ หลังออกมาประกาศความสำเร็จรับเงินอัดฉีดครั้งใหญ่จากกลุ่มทุนญี่ปุ่น ได้วงเงินลงทุนเพิ่มอีกร่วม 30,000 ล้านบาท

บริการ Ride Hailing เบอร์ 1 ในภูมิภาคเราอย่าง Grab นั้นดูท่าจะไม่หยุดโตง่าย ๆ ชนิดที่กระแสการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาโรคระบาดอย่าง Covid-19 ก็ฉุดไม่อยู่ เพราะนอกจากปัจจุบันจะมีบริการ Lifestyle ที่มากมายอยู่ครบแทบจบในแอพเดียวแล้วไม่ว่าจะเป็น บริการอาหาร การเดินทาง การท่องเที่ยว Grab ทำได้หมด แต่ล่าสุด Startup สัญชาติสิงคโปร์ได้รับเงินอัดฉีดเพิ่มจากนักลงทุนในอุตสาหกรรมทางการเงินราว 850 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยเกือบ 30,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

จากรายงานข่าว พบว่าเม็ดเงินลงทุนก้อนโตนี้เป็นทุนจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นล้วน ๆ โดยมี Investment Bank รายใหญ่อย่าง Mitsubishi UFJ Financial Group ร่วมกับบริษัท IT Solutions ชื่อ TIS ร่วมกันลงทุนในสัดส่วน 700 ล้านเหรียญ และ 150 ล้านเหรียญตามลำดับ งานนี้กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นต้องเห็นศักยภาพบางประการและมีความมั่นใจอย่างสูงสำหรับ Grab ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเงิน กับ ภูมิภาคอาเซียนซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั่นเอง

เรา (Grab) มองเห็นโอกาสร่วมกันกับนักลงทุนของเราในการมอบบริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและมีค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยให้ภูมิภาคอาเซียนสามารถเติบโตได้อีกด้วยศักยภาพทางการเงินที่เราอยากเป็นส่วนหนึ่ง… – Ming Maa | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Grab

นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการของ Uber ได้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2018 สำหรับภูมิภาคอาเซียน Grab ก็หันไปโฟกัสในบริการด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมจากธุรกิจ Ride Hailing มากขึ้น จนล่าสุดกำลังพัฒนาเทคโนโลยีด้านบริการทางการเงิน (Grab Finance) เช่น บริการสินเชื่อบริการประกันชีวิต หรือ เงินฝากออมทรัพย์ ที่ทำได้ภายในแอพ Grab เพื่อหวังก้าวขึ้นสู่การเป็น Super App หรือแอปพลิเคชั่นที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตสามารถทำได้ครบจบในแอพเดียวอย่างเช่นที่ WeChat ทำได้กับจีน หรือแม้แต่แอพสัญชาติอินโดนีเซียอย่าง GoJek ที่นับเป็นคู่แข่งรายสำคัญที่สุดในภูมิภาค ซึ่งเป็นเบอร์ 1 อยู่ด้วยสำหรับประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง

 

ที่มา: CNN Business | The Business Times