ข่าวนี้อาจทำให้ผู้ใช้งาน Grab หลายคนที่เคยหัวร้อนกับปัญหารถที่เรียกมาช้า (ไม่ว่าจะเพราะรถติดหรือคนขับหลงทางหรือสาเหตุใดก็ตาม) เย็นลงกันได้บ้าง เนื่องจาก Grab ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและปรับนโยบายใหม่ มีชดเชยให้ผู้ใช้หากต้องรอรถนานเกินกว่า 15 นาที ครั้งหน้าก็รับส่วนลดไปเลย 35 บาท เป็นการปลอบใจ 

แต่ก็แน่นอนว่าถ้าเราไม่ชอบรอ คนขับก็ไม่ชอบรอเหมือนกัน ดังนั้นต้องอย่าลืมว่าหากผู้โดยสารอย่างเราเนี่ยสายบ้างก็จะโดนเก็บเงินเพิ่มเช่นเดียวกัน โดยหากให้คนขับรอเกิน 5 นาทีก็อาจจะถูกเก็บเงินค่าโดยสารเพิ่มตั้งแต่ 0-80 บาท หรือหากคนขับตัดสินใจไม่รอต่อแล้วกด cancel รอบต่อไปที่ลูกค้าคนดังกล่าวที่มาสายก็จะถูกเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มอีกด้วย

ค่าธรรมเนียมการรอ หากคนขับมาถึงแล้วแต่ผู้โดยสารไม่พร้อมไป

ซึ่งตรงนี้เองหากเรา (ผู้โดยสาร) มาถึง ณ จุดนัดรับก่อนเวลา ก็จะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการรอ แต่หากเราเองไปถึงช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ 5 นาที ยกตัวอย่างเช่น นัดกันไว้ 10 โมง แต่เราไปถึงช้ากว่ากำหนด 6 นาที เราก็จะโดนคิดค่าธรรมเนียมการรอไปเลย 20 บาท ถ้าจะให้ดียังไงก็ช่วยกันรักษาเวลากันด้วยล่ะ คนขับก็รีบ ผู้โดยสารก็รีบ

แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะสายกี่นาทีก็โดนปรับ 20 บาทราคาเดียวนะ Grab ยังได้ออกนโยบายตรงนี้เพิ่มมาอีกด้วย ยิ่งสายมากยิ่งโดนมาก

อย่างไรก็ดี มีคนเคยเจอว่ามีคนขับกดอิดออดไม่อยากไปที่ที่เราต้องการ ก็มักจะโทรมาขอให้ช่วยกดยกเลิกให้หน่อย ถ้าเราไม่กดยกเลิกก็จะไม่สามารถเรียกรถคันต่อไปได้ หรือบางคนก็หัวหมอกดรับเราตั้งแต่ก่อนจะมาถึง ซึ่งอาจจะทำให้เราต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตรงนี้เราและหลายคนที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนกับการใช้ Grab พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้โทรเข้า Call Center เพื่อรายงานคนขับเหล่านี้ไปเลย เพราะสิ่งที่จะทำให้ Grab จะเหนือกว่าระบบโบกรถแท็กซี่ ซึ่งมีปัญหาเรียกไม่ไป ปฎิเสธผู้โดยสาร มาโดยตลอดได้ ก็คือการที่ Grab เค้าพร้อมที่จะแบนและจัดการคนขับอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี่แหละ ใครทำตัวไม่ดีก็ตัดโชะออกจากระบบไปเลย โอกาสที่เราจะเจอคนขับไม่ดีก็จะน้อยลงมากนั่นเอง

ช่วยกันรีพอร์ทสร้างสังคมดีๆกันได้ครับ .. 🙂

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากผู้ใช้งานทวิตเตอร์ @esz และ grab