Backblaze ผู้ให้บริการคลาวด์สตอเรจระดับโลก (บริษัทเดียวกับที่ทำสำรวจเทียบอายุการใช้งานระหว่าง SSD vs ฮาร์ดดิสก์ ประจำทุกปี) ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจราคาต้นทุนของสตอเรจประเภทฮาร์ดไดรฟ์ ที่บริษัทฯ ซื้อใช้ทำบริการอยู่ พบว่าปัจจุบันมีราคาถูกลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นสำรวจในปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่สตอเรจแบบ NAND Flash (ใช้ทำ SSD) เริ่มเข้ามาแทนที่ในตลาดพอดี

ทางบริษัทเปิดเผยว่า ในปี 2009 ราคาเฉลี่ยของต้นทุนฮาร์ดไดรฟ์ที่บริษัทเคยซื้อ อยู่ที่ 0.11 เหรียญ (3.85 บาท) ต่อกิกะไบต์ ถัดมาในปี 2017 ลดลงมาอยู่ที่ 0.03 เหรียญ (1.05 บาท) ต่อกิกะไบต์ และในปีล่าสุด 2022 เหลืออยู่แค่ 0.014 เหรียญ (0.49 บาท) ต่อกิกะไบต์เท่านั้น ทำให้เห็นแนวโน้มราคาที่ถูกอย่างต่อเนื่องทุกปี (เงินบาทแปลงเทียบกับ 1 USD : 35 THB)

อย่างไรก็ตาม จากกราฟจะสังเกตเห็นได้ว่าราคาในปีหลัง ๆ ไม่ได้ตกรุนแรงมากเท่าแต่ก่อนแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากที่บริษัทฯ เลือกซื้อพื้นที่ความจุต่อฮาร์ดแวร์ 1 ตัวที่ใหญ่ขึ้นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ฮาร์ดแวร์ความจุสูงย่อมทำราคาตกช้ากว่า เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูง รวมถึงปัจจัยด้านกลไกตลาดอื่น ๆ แต่หากหารออกมาเป็นราคาเฉลี่ยต่อความจุแล้วก็พบว่าไม่ต่างกันมากอยู่ดี

Backblaze ประเมินแนวโน้มครั้งนี้ว่า ภายในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า หรือกลางปี 2025 หากไม่มีเทรนด์การเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นในโลก ราคาฮาร์ดไดรฟ์ก็จะลดลงต่ออีกเหลือแค่ 0.01 เหรียญ หรือ 0.35 บาท เท่านั้น เท่ากับว่าเราก็จะเห็นสินค้าทุกประเภทที่ใช้สตอเรจฮาร์ดไดรฟ์ทั้งหมด เช่น ฮาร์ดดิสก์จานหมุน, ไดรฟ์ external หรือ USB ฮาร์ดไดรฟ์ ทำราคาได้ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก ปัจจุบันเท่าที่สังเกตในตลาดก็นับว่าถูกมาก ๆ อยู่แล้ว (แฟลชไดรฟ์ 64GB เหลือไม่ถึง 200 แล้วก็มี) มารอดูกันว่าราคาจะลงต่ำกว่านี้ได้อีกจนเหลือเท่าไหร่

 

 

ที่มา : TechSpot, Backblaze