iPhone 7 ในตอนนี้ก็เริ่มวางจำหน่ายแล้วในบางประเทศแล้ว โดยรอบนี้ตัวเครื่องก็มีการอัพเกรดจากเดิมอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการใส่กล้องคู่ในรุ่น iPhone 7 Plus และตัวเครื่องตอนนี้ก็สามารถกันน้ำได้แล้วด้วย ซึ่งราคาเริ่มต้นนั้นก็ยังโหดเอาเรื่องเช่นเคย โดยเริ่มต้นที่ราวๆ $649 (22,500 บาท) ไปจนถึง $969 (33,700 บาท) ทำให้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ราคาชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตนั้นจะมีราคาอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ วันนี้ทาง CNN Money ก็มีสรุปออกมาคร่าวๆ ให้เราได้รู้กันแล้ว
ก่อนที่จะเริ่มดราม่ากัน ต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นเพียงแค่ราคากลางของชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสมาร์ทโฟนเท่านั้น โดยราคาของชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต iPhone 7 รุ่น 128GB มีราคาคร่าวๆ ดังนี้
- หน้าจอ – $37 (1,290 บาท)
- แบตเตอรี่ – $4 (140 บาท)
- กล้องหน้า / กล้องหลัง – $26 (900 บาท)
- logic board – $74 (2,570 บาท)
- ลำโพง – $11.50 (400 บาท)
- ตัวเครื่อง – $22 (760 บาท)
- ชิ้นส่วนอื่นๆ – $117.50 (4,090 บาท)
ชิ้นส่วนอื่นๆ นั้นเป็นรวบรวมพวกเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง โดยจะเห็นได้ว่าชิ้นส่วนที่แพงที่สุดก็คือ logic board ตามมาด้วยหน้าจอ ซึ่งถ้าลองนับนิ้วดูก็จะได้ราคารวมๆ กันอยู่ที่ $292 หรือราวๆ 10,150 บาท แต่ว่าราคาที่ Apple วางขายนั้นอยู่ที่ $750 หรือราวๆ 26,000 บาท ครับ
นั่นหมายความว่า ราคาชิ้นส่วนของ iPhone 7 นั้นคิดเป็นเพียง 39% ของราคาที่วางขาย ซึ่งราคาชิ้นส่วนนั้นเป็นเพียงแค่ราคาส่วนหนึ่งของตัวเครื่องเท่านั้น เพราะว่ามีแค่ชิ้นส่วนแต่ว่าไม่มีการประกอบก็ไม่ได้จริงมั้ยครับ โดยราคาที่เพิ่มขึ้นมาจากชิ้นส่วนก็ต้องนับรวมไปถึง ค่าแรง ค่าค้นคว้า ค่าซอฟต์แวร์ รวมไปถึง ค่าใช้จ่ายในการตลาด อีกด้วยนั่นเอง
ที่มา: CNN Money via Phonearena
น่าจะมีของ Xiaomi บ้าง
เคยมีคนวิเคราะห์ว่าเอากำไรจากการผลิตมือถือประมาณ 10% แต่มาเอากำไรเพิ่มจาก
1.ค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เสื้อผ้า กระเป๋า และอื่นๆอีกนับ 100อย่างที่ผลิตโดยแบรนด์อื่นแล้วแปะในชื่อแบรนด์ Xiaomi, Mi แล้ววางขาย (ใครรวยจริงหรือมีเงินลงทุนก็ไปแจมได้ครับ แบรนด์ที่ Xiaomi, Mi ให้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศในเอเซียเกือบหมด)
2.ส่วนแบ่งจากการขายหนังสือ เพลง หนัง ธีม ที่ขายในมือมือถือ (อันนี้เน้นจีน)
3.โฆษณาในมือถือ (มีเฉพาะรอมจีนเท่านั้น)
ทีมงาน Xiaomi ก่อตั้งมาจากทีมงาน Google ซึ่งการทำงานมีพื้นฐานมาจาก Google แบบเห็นได้ชัด คือเน้นเก็บเงินลูกค้าเล็กน้อย แต่จากลูกค้าจำนวนมหาศาล
OK เลยนะ 40% + ค่าแรง ค่าประกอบ ค่าขนส่ง ค่าพัฒนา ios …
เครื่องเปล่าลดได้เท่าไหร่ ไม่เอา OS หนะ hahahaha
ทำไมถึงมองข้าม Storage แฮะ ทั้งๆที่เป็นอุปกรณ์ที่แพงที่สุด
http://www.techinsights.com/design-teardown/content/apple-iphone-7/boardshots-m.jpg
ฝังอยู่ในบอร์ดครับ (ชิ้นใหญ่กลางบอร์ด เขียนว่า Sk Hynix)
ผมล่ะสงสัยจริงๆ คนที่ดูเข้าใจบริษัท Apple ในเรื่องค่าพัฒนา iOS นี่
เค้าเคยเข้าใจ Developer คนอื่นๆบ้างรึเปล่านะ
Software ที่ใช้งานกันในปัจจุบันจ่ายเงินซื้อครบทุกตัวรึเปล่า
วิเคราะห์ได้ถูกต้องค่ะ
IOS ยิ่งพัฒนายิ่งห่วยเรื่อยๆแล้วแบบนี้เรียกพัฒนาแบบไหน นวัฒกรรมก็ไม่มีอะไรใหม่ๆโผล่เลยมาหลายปีแล้วตั้งแต่จ๊อบตายไปล้าหลังแทบไม่ต้องทุ่มงบมากมายแบบคนพัฒนาค่ายอื่น ราคาเอาเปรียบผู้บริโภคมานานแล้วกับการตั้งราคาเกินจริงเพราะบุญเก่าแบรนด์ล้วนๆ