ใกล้เปิดตัวเข้าไปทุกทีแล้วสำหรับ iPhone 11 (วันที่ 10 กันยายน) สำหรับใครที่มีอายุหน่อยอาจจะยังพอจำได้ว่า iPhone รุ่นแรกที่เปิดตัวมานั้นมีความว้าวมากแค่ไหน แต่สำหรับวัยรุ่นในปัจจุบันคงจะโตไม่ทัน หรือหากจำได้ ความทรงจำก็เลือนลางมากๆ แล้ว วันนี้เราจะมาปัดฝุ่นวิวัฒนาการของ iPhone กันดีกว่าครับ เริ่มตั้งแต่รุ่นแรกเลยที่เปิดตัวไปในวันที 9 มกราคม ปี 2007 หรือ.. (นับนิ้วแปป) 12 ปีที่แล้ว

iPhone 1st Generation

วันเปิดตัว: 9 มกราคม 2007

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 29 มิถุนายน 2007

iPhone รุ่นแรกถือกำเนิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม ปี 2007 โดย ณ ตอนนั้นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 3.5 นิ้วของ iPhone จัดว่ามีความสวยงามตามท้องเรื่องอย่างยิ่ง ไหนจะเรื่องการออกแบบดีไซน์ที่ล้ำสมัย และที่สำคัญมาพร้อมกับแอปท่องเว็บอย่าง Safari ที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนนำคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่มาย่อไว้ในโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ เลย

สเปค iPhone

  • หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Samsung 32-bit RISC ARM 1176JZ(F)-S v1.0[3] 620 MHz
  • RAM 128MB
  • ความจุ 4/8/16GB
  • แบตเตอรี่ 1,400 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iPhone OS

iPhone 3G

วันเปิดตัว: 9 มิถุนายน 2008

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 11 มิถุนายน 2008

เปิดตัวในงาน WWDC 2008 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2008 ที่เมือง San Francisco ประเทศสหรัฐ ฯ โดยรูปร่างหน้าตา รวมไปถึงฮาร์ดแวร์ด้านไหนมีความคล้ายคลึงกับ iPhone รุ่นแรกแทบทั้งสิ้น ต่างตรงที่ iPhone 3G รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี GPS และการใช้งาน 3G แล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม Apple ถึงไม่เลือกตั้งชื่อ iPhone รุ่นที่สองของพวกเขาว่า iPhone 2 แต่ข้ามมาเป็น iPhone 3G แทน

สเปค iPhone 3G

  • หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Samsung 32-bit RISC ARM 1176JZ(F)-S v1.0 620 MHz
  • RAM 128MB
  • ความจุ 8/16GB
  • แบตเตอรี่ 1,150 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iPhone OS 2

จะเห็นได้ว่า iPhone 3G แทบจะไม่มีอะไรต่างจาก iPhone รุ่นแรกเลยในเรื่องของสเปค จะมีต่างกันก็ตรงเรื่องระบบปฏิบัติการที่รอบนี้มาเป็น iPhone OS เวอร์ชั่น 2 แล้ว และครั้งนี้ Apple ก็เปิดตัว App Store เอาไว้ดาวน์โหลดแอปหรือเกมไว้เล่นอีกด้วย เรียกได้ว่าตอนนั้นฮือฮาสุดๆ แต่สเปคในส่วนของแบตเตอรี่กลับถูกลดขนาดลงไปนะ เหลือเพียงแค่ 1,150 mAh เท่านั้น

iPhone 3Gs

วันเปิดตัว: 8 มิถุนายน 2009

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 19 มิถุนายน 2009

เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2009 โดยเบื้องหลังของตัวอักษร S ที่ใส่ไว้ด้านหลังของชื่อมาจากคำว่า Speed หรือที่แปลว่าความเร็วนั่นเอง รอบนี้มาพร้อมกับความละเอียดกล้องหลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านพิกเซล และการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control)

สเปค iPhone 3Gs

  • หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Samsung S5PC100 600 MHz ARM Cortex-A8
  • RAM 256MB
  • ความจุ 8/16/32GB
  • แบตเตอรี่ 1,220 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 3 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iPhone OS 3

เช่นเคย รูปร่างหน้าตายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่สเปคภายในถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเยอะอยู่พอสมควร iPhone 3Gs มีประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปที่ไวกว่ารุ่นเดิมอยู่ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สุดคลูอย่างการบันทึกวิดีโอ (Video Recording), การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) และเข็มทิศแบบดิจิตอล (Digital Compass) อีกด้วย นอกจากนี้ iPhone 3Gs ยังถือเป็นรุ่นแรกเลยด้วยที่มีการนำมาวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

iPhone 4

วันเปิดตัว: 7 มิถุนายน 2010

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 21 มิถุนายน 2010

Steve Jobs CEO คนดังของ Apple ได้ประกาศบนเวทีเลยว่า iPhone 4 ณ ตอนนั้น ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีขนาดที่บางที่สุดในโลก โดยเปลี่ยนวัสดุชิ้นส่วนจากพลาสติกมาเป็นสแตนเลสแทน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความละเอียดหน้าจอแบบ Retina Display ที่ช่วยให้การเสพสื่อบนมือถือนั้นมีความชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้น

สเปค iPhone 4

  • หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A4 1 GHz (Underclocked to 800 MHz) single core 32-bit ARM Cortex-A8
  • RAM 512MB
  • ความจุ 8/16/32GB
  • แบตเตอรี่ 1,420 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 4

จะเห็นได้ว่า iPhone 4 มีความเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้ามากพอสมควรเลย เริ่มตั้งแต่ความละเอียดหน้าจอ ไปจนถึงชิปเซ็ตที่คราวนี้ Apple เลิกพึ่งพาบริการของ Samsung แล้วหันมาผลิตเองแล้วในชื่อ Apple A4 อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อระบบปฏิบัติการเป็น iOS ที่เรารู้จักกันอย่างดีในปัจจุบันอีกด้วย นอกจากนี้ iPhone 4 ยังถือเป็นโทรศัพท์รุ่นแรกของ Apple เลยด้วยที่มาพร้อมกับกล้องหน้าเอาไว้ถ่ายรูปเซลฟี่หรือส่องกระจกกันเพลินๆ แถมสามารถ FaceTime ได้แล้วด้วย

iPhone 4s

วันเปิดตัว: 4 ตุลาคม 2011

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 14 ตุลาคม 2011

รอบนี้อาจเป็นเรื่องที่น่าเศร้าหน่อย เนื่องจาก Steve Jobs ได้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งไปก่อนเปิดวันเปิดตัว iPhone 4s เพียง 9 วันเท่านั้น..

สเปค iPhone 4s

  • หน้าจอ LCD ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Dual-core Apple A5 1.0 GHz (Underclocked to 800 MHz) dual-core 32-bit ARM Cortex-A9
  • RAM 512MB
  • ความจุ 8/16/32/64GB
  • แบตเตอรี่ 1,430 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 5

ดีไซน์ภายนอกยังคงไว้ซึ่งแบบเดิมเมื่อตอน iPhone 4 ทว่าเช่นเคย สเปคภายในได้รับการอัพเกรดทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ชิปเซ็ตที่เปลี่ยนมาใช้เป็น Apple A5 อีกทั้งกล้องหลังเพิ่มความละเอียดขึ้นจากเดิมเป็น 8 ล้านพิกเซล รอบนี้ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD ได้แล้ว มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกเพียบอย่าง iCloud, iMessage, Notification Centre, Reminders และผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง.. Siri

iPhone 5

วันเปิดตัว: 12 กันยายน 2012

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 21 กันยายน 2012

สเปค iPhone 5

  • หน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136 x 640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A6 1.3 GHz dual core 32-bit ARMv7-A “Swift”
  • RAM 1GB
  • ความจุ 16/32/64GB
  • แบตเตอรี่ 1,440 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 6

iPhone 5 ถือเป็น iPhone รุ่นแรกเลยที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE และขนาดของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 นิ้วแล้ว  พร้อมกับอัตราส่วน 16:9 นอกจากนี้ยังมาใส่ชิปตัวใหม่ Apple A6 มาเพิ่มความแรงในการใช้งานอีกด้วย ฟีเจอร์ใหม่ๆ ในรุ่นนี้ก็จะมี

  • Apple Maps
  • Apple Passbook
  • Do Not Disturb
  • FaceTime สามารถใช้งานร่วมกับเน็ตมือถือได้แล้ว (จากเดิมใช้งานได้แค่บน Wi-Fi)

iPhone 5S

วันเปิดตัว: 10 กันยายน 2013

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 20 กันยายน 2013

สเปค iPhone 5s

  • หน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136 x 640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A7 64-bit 1.3GHz dual-core
  • RAM 1GB
  • ความจุ 16/32/64GB
  • แบตเตอรี่ 1,560 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 7

สิ่งที่น่าสนใจมากๆ สำหรับ iPhone 5s รุ่นนี้ก็คือ Apple ได้ตัดสินใจใส่ความสามารถในปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือแล้ว โดยสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เอานิ้วแตะไปที่ปุ่ม Home เท่านี้ก็สามารถเล่นโทรศัพท์ได้ ไม่ต้องพิมพ์รหัสอะไรเลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Motion อีกด้วย

และรอบนี้ Apple ไม่ได้เปิดตัวแค่รุ่นเดียว แต่พา iPhone 5C สีสันสวยงามเปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 5s ด้วย เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาวางจำหน่าย iPhone สีอื่นๆ ที่ไม่ใช่สีดำและสีขาว โดยมีให้เลือกทั้งหมดด้วยกัน 5 สีก็คือสีเขียว, สีน้ำเงิน, สีชมพู, สีเหลือง และสีขาว ฝาหลังทำจากพลาสติกทำให้อาจจะมีขนาดที่หนาและหนักกว่า iPhone รุ่นก่อนๆ อยู่พอสมควร สเปคต่างๆ ของ iPhone 5C นั้นแทบไม่มีอะไรต่างจาก iPhone 5 เลย เว้นแต่ซอฟต์แวร์กล้องที่ทำออกมาได้ดียิ่งขึ่น

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

วันเปิดตัว: 9 กันยายน 2014

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 19 กันยายน 2014

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยใน iPhone 6 ก็คือขนาดหน้าจอ หลังจากรุ่นก่อนๆ เราจะเห็นได้ว่า iPhone จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 3.5 และ 4 นิ้วเท่านั้น มาปีนี้ พวกเขาอัดหน้าจอมาให้ถึง 4.7 นิ้วในรุ่นธรรมดาและ 5.5 นิ้วในรุ่น Plus เลย

สเปค iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

  • หน้าจอ
    • LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750 พิกเซล
    • LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A8 1.4 GHz dual-core 64-bit ARMv8-A “Typhoon”
  • RAM 1GB
  • ความจุ 16/32/64GB
  • แบตเตอรี่
    • 1,810 mAh (iPhone 6)
    • 2,915 mAh (iPhone 6 Plus)
  • กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (ตัว iPhone 6 Plus มีระบบกันสั่น OIS)
  • กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 8

iPhone 6 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับฟีเจอร์ NFS ที่สามารถแตะจ่ายเงินแบบไม่ต้องพกเงินสดให้ยุ่งยาก อีกทั้งการมาของ NFC ทำให้ Apple เปิดตัวบริการ Apple Pay เป็นของตัวเองอีกด้วย และหากใครยังจำได้ ช่วงเวลานั้น iPhone 6 ก็เจอปัญหารุมเล้าเยอะพอสมควรเลยจากกรณี “โทรศัพท์งอ” กระนั้นเอง Apple ก็ได้ออกมาแก้ปัญหาด้วยการผลิตโทรศัพท์ Lot ใหม่โดยใช้วัสดุอัลลูมิเนียม 7000 series ซึ่งแก้ไขปัญหาโทรศัพท์งอได้เป็นอย่างดี

iPhone 6S และ iPhone 6S Plus

วันเปิดตัว: 9 กันยายน 2015

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 25 กันยายน 2015

ตัวดีไซน์จะคล้ายคลึงกับ iPhone 6 แทบทุกอย่าง สิ่งที่เปลี่ยนไปดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่สเปคภายในและฮาร์ดแวร์เท่านั้น โดยใน iPhone 6S จะมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานของชิปเซ็ต, กล้องหลัง และตัวสแกนลายนิ้วมือที่ทำงานได้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ 3D Touch อีกด้วย

สเปค iPhone 6s และ iPhone 6s Plus

  • หน้าจอ
    • LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750 พิกเซล
    • LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A9 1.85 GHz dual-core 64-bit ARMv8-A “Twister”
  • RAM 2GB
  • ความจุ 16/32/64/128GB
  • แบตเตอรี่
    • 1,715 mAh (iPhone 6s)
    • 2,750 mAh (iPhone 6s Plus)
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (ตัว iPhone 6 Plus มีระบบกันสั่น OIS)
  • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 9

iPhone SE

วันเปิดตัว: 21 มีนาคม 2016

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 31 มีนาคม 2016

เพียงแค่ 6 เดือนหลังจากเปิดตัว iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ไป Apple ก็ตัดสินใจเปิดตัวโทรศัพท์ใหม่อีกรุ่นนึง ทว่ารุ่นนี้ไม่ได้ถูกดีไซน์มาให้เป็นรุ่นเรือธงนะ แต่ถูกวางเอาไว้เป็น iPhone ราคาไม่แพงที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้มากกว่า และพวกเขาก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วผู้คนไม่ได้ต้องการโทรศัพท์ที่หน้าจอใหญ่นะ คนส่วนใหญ่ต้องการโทรศัพท์ขนาดกระทัดรัดมากกว่า กระนั้นเองพวกเขาจึงเปิดตัว iPhone SE ที่สเปคด้านในมีดังนี้

สเปค iPhone SE

  • หน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136 x 640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A9 Dual-core 1.84 GHz Twister
  • RAM 2GB
  • ความจุ 16/32/64/128GB
  • แบตเตอรี่ 1,624 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 9.3.2

แม้จะมีขนาดเท่ากับ iPhone 5 แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องของฮาร์ดแวร์ล่ะก็ ส่วนใหญ่ iPhone SE ได้รับอิทธิพลมาจาก iPhone 6 และ iPhone 6s แทบจะทั้งหมดเลย

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus

วันเปิดตัว: 7 กันยายน 2016

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 16 กันยายน 2016

สเปค iPhone 7 และ iPhone 7 Plus

  • หน้าจอ
    • LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750 พิกเซล
    • LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A10 Fusion 2.34 GHz quad-core 64-bit
  • RAM
    • 2GB (iPhone 7)
    • 3GB (iPhone 7 Plus)
  • ความจุ 16/32/64/128GB
  • แบตเตอรี่
    • 1,960 mAh (iPhone 7)
    • 2,900 mAh (iPhone 7 Plus)
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (iPhone 7 Plus มีเลนส์ Telephoto เพิ่มมาอีก 1 ตัว)
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 10.0.1

จะเห็นว่าดีไซน์ยังคงคล้ายกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อยู่พอสมควร ทว่า.. สิ่งที่แตกต่างก็คือ รูหูฟัง 3.5 มม. ได้หายไปแล้ว เรียกได้ว่า ณ ตอนนั้นหากใครต้องการฟังเพลงล่ะก็ คงต้องฟังผ่านลำโพง (รอบนี้ใส่ให้มาเป็นแบบสเตอริโอ), Bluetooth หรือไม่ก็หาหม้อแปลงมาเสียบถึงจะได้ฟังกันเลยทีเดียว ซึ่ง feedback ที่ Apple ได้จากการตัดรูหูฟังออกก็เป็นไปในทิศทางที่แย่พอสมควรเลยล่ะ

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่า Apple จะไม่ใส่อะไรใหม่ๆ มาให้เลยนะ iPhone 7 ถือเป็นรุ่นแรกของค่ายเลยที่มาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น และ iOS 10 ที่เข้ามาช่วยให้แอปอย่าง Maps, Photo และ Music ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แลค ไม่ค้าง อีกทั้งยังมาพร้อมกับกล้องหลังคู่แล้ว (เฉพาะใน iPhone 7 Plus)

iPhone 8 และ iPhone 8 Plus

วันเปิดตัว: 12 กันยายน 2017

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 22 กันยายน 2017

นับเป็นครั้งแรกของ Apple เลยทีพวกเขาตัดสินใจข้ามเวอร์ชั่น S ของตนเองไป พร้อมกับเปิดตัวเป็น iPhone 8 และ iPhone 8 Plus แทน โดยรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรกของบริษัทที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย หรือที่ Apple เรียกว่า “Inductive Charging” นั่นเอง

สเปค iPhone 8 และ iPhone 8 Plus

  • หน้าจอ
    • LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334×750 พิกเซล
    • LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic 2.39 GHz hexa-core 64-bit
  • RAM
    • 2GB (iPhone 8)
    • 3GB (iPhone 8 Plus)
  • ความจุ 64/256GB
  • แบตเตอรี่
    • 1,821 mAh (iPhone 8)
    • 2,691 mAh (iPhone 8 Plus)
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (iPhone 8 Plus มีเลนส์ Telephoto เพิ่มมาอีก 1 ตัว)
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 11

iPhone X

วันเปิดตัว: 12 กันยายน 2017

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 3 พฤศจิกายน 2017

หลังจากเปิดตัวโทรศัพท์ที่ดีไซน์คล้ายกันมาอย่างนานแสนนาน ปีนี้ Apple ก็ได้ทลายทุกกำแพงเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่มาทั้งดีไซน์ที่แปลกใหม่ มีติ่ง และชื่อก็แปลกอีกด้วย มาในชื่อของ iPhone X (iPhone 10) แถมรอบนี้พวกเขาก็เปิดตัวเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลก เพราะปีหลังๆ พวกเขามักจะเปิดตัวทีนึง 2 รุ่นเป็นรุ่นธรรมดาและรุ่น Plus นั่นเอง

สเปค iPhone X

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic 2.39 GHz hexa-core 64-bit
  • RAM 3GB
  • ความจุ 64/256GB
  • แบตเตอรี่ 2,716 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + Telephoto Lens
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 11.0.1

รอบนี้ iPhone X มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED แล้ว แถม Apple ก้ได้ตัดปุ่ม Home ออกไปด้วย ทำให้หน้าจอนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รับชมอะไรต่างๆ ได้เต็มอรรถรสยิ่งขึ้น โดยหากจะกลับ เปลี่ยนแอป หรือกลับไปหน้าหลัก ก็ทำได้โดยใช้ “Gestures” เอา แต่ครั้งนี้ไม่มีตัวสแกนลายนิ้วมือแล้วนะ แต่พวกเขาใส่ Facial Recognition หรือการสแกนด้วยใบหน้ามาแทน ซึ่งปลอดภัยพอสมควรเลยล่ะ เพราะใช้เซนเซอร์พิเศษ ไม่ได้ใช้กล้องหน้าสแกนแบบรุ่นอื่นๆ อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน Bluetooth 5.0 อีกด้วย

iPhone XS และ iPhone XS Max

วันเปิดตัว: 12 กันยายน 2018

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 21 กันยายน 2018

หน้าตาละหม่ายคล้าย iPhone X อยู่พอสมควร แต่หากพูดถึงเรื่องกล้องแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าคนละเรื่อง iPhone XS มาพร้อมกับโหมด HDR และระบบกันสั่นที่ไฉไลขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ชิปเซ็ตยังมาเป็น Apple A12 และ RAM ใส่มาให้ที่ 4GB แล้ว ระบบปฏิบัติการมาเป็น iOS 12

สเปค iPhone XS และ iPhone XS Max

  • หน้าจอ
    • AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล
    • AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688×1242 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A12 Bionic hexa-core (2.49 GHz Dual core Vortex, 1.52 GHz Quad core Tempest)
  • RAM 4GB
  • ความจุ 64/256/512GB
  • แบตเตอรี่
    • 2,658 mAh (iPhone XS)
    • 3,174 mAh (iPhone XS Max)
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + Telephoto Lens
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 12

iPhone XR

วันเปิดตัว: 12 กันยายน 2018

วางจำหน่ายเมื่อวันที่: 26 ตุลาคม 2018

จริงๆ แล้ว iPhone XR เปิดตัวพร้อมกันกับ iPhone XS ทั้งสองรุ่นนะ แต่กว่าจะวางขายก็ราวๆ เดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเลย iPhone XR ถูกวางมาให้เป็น iPhone “ราคาประหยัด” แต่ราคาเปิดตัวมาค่อนข้างเอาเรื่องเลยล่ะที่ 29,990 บาท.. อยางไรก็ดีสเปคภายในของรุ่นนี้ถือว่าไม่ใช่มือถือราคาประหยัดเลยนะ ใส่ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Apple A12 เข้ามา ทว่าในส่วนของหน้าจอกลับเป็น LCD นี่สิ ไม่ใช่ AMOLED แบบ iPhone XS

สเปค iPhone XR

  • หน้าจอ LCD ขนาด 6.06 นิ้ว ความละเอียด 1792×828 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple A12 Bionic 2.49 GHz hexa-core 64-bit
  • RAM 3GB
  • ความจุ 64/128/256GB
  • แบตเตอรี่ 2,942 mAh
  • กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 12

และทั้งหมดก็คือ iPhone ทุกรุ่นที่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 จนมาถึง iPhone 11 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันอังคารที่จะถึงนี้แล้ว เอาไว้มารอลุ้นไปพร้อมๆ กันเลยครับว่าในวันที่ 10 กันยายน 2019 นี้ เราจะได้เห็นฟีเจอร์อะไรที่มันว้าวๆ ของเจ้า iPhone 11 นี่หรือเปล่า กระเป๋าตังค์ของใครหลายๆ คนจะสั่น หรือโทรศัพท์จะงอแงกระทันหันหรือเปล่า.. ติดตามชมกันได้ที่ดรอยด์แซนส์นะครับ

สรุปข้อมูล iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่น ก่อนเปิดตัว ราคาเริ่มต้นราว 23,000 บาท จำหน่ายวันแรก 20 กันยายนนี้