เชื่อว่าผู้ใช้ iPhone หลายคนอาจเคยอยากเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงโปรด แต่กลับต้องเจอกับความยุ่งยากที่ทำให้หลายคนถอดใจ ต่างจากฝั่ง Android ที่การตั้งค่าเสียงริงโทนทำได้ง่าย ๆ ในอดีตการเปลี่ยนเสียงริงโทนบน iPhone ต้องพึ่งโปรแกรม iTunes ซึ่งมีขั้นตอนซับซ้อนและเสียเวลามาก แต่ในปัจจุบันเราสามารถสร้างริงโทนที่ต้องการได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเงิน และที่สำคัญคือทุกขั้นตอนสามารถทำได้จบบน iPhone วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักวิธีตั้งเสียงเรียกเข้าแบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

วิธีเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า iPhone แบบธรรมดา

  1. ไปที่ การตั้งค่า > เสียงและการสั่น > เสียงเรียกเข้า
  2. เลือกเสียงที่ต้องการ
  3. การสั่น > ปรับรูปแบบการสั่นที่ต้องการ
  4. ปรับระดับความดังที่ต้องการในหน้าที่แล้ว

นอกจากตั้งเสียงเรียกเข้าแล้วยังสามารถตั้งค่าเสียงเตือนได้ด้วย โดย iOS จะแบ่งเสียงแจ้งเตือนเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น เสียงข้อความ

วิธีเปลี่ยนเรียกเข้า iPhone ที่ซื้อผ่าน iTune Store

หากใครที่เบื่อเสียงเรียกเข้าที่ระบบมีมาให้แล้วเรายังสามารถซื้อเสียงเรียกเข้าเพิ่มเติมได้จาก iTune Store ด้วย โดยสามารถเข้าไปซื้อได้ในหมวดหมู่ เสียงแจ้งเตือน แล้วเลือกเสียงที่ชอบได้เลย มีให้ทดลองฟังก่อนจ่ายเงิน ราคาตกเสียงละประมาณ 15 – 20 บาท แต่การจะกดซื้อเราต้องผูกบัตรเครดิต TrueMoney Wallet, ShopeePay หรือผูกเบอร์โทรศัพท์กับ Apple ID ให้เรียบร้อยนะ

เมื่อกดซื้อมาแล้วเสียงจะเข้ามาอยู่ใน การตั้งค่า > เสียงและการสั่น > เสียงเรียกเข้า > ดาวน์โหลดเสียงที่ซื้อทั้งหมด แล้วที่เหลือก็ทำแบบเดียวกับวิธีเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าด้านบนได้เลย

วิธีเปลี่ยนเพลงเป็นริงโทน iPhone แบบทำเอง เพลงอะไรก็ได้

หากใครลองหาเสียงแจ้งนเตือนในร้าน iTune Store แล้วยังไม่เจอเสียงที่ถูกใจ หรือว่ามีเสียงที่อยากใช้อยู่แล้วสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย ทำง่าย จบบน iPhone ได้เลยไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์

ใช้ไฟล์เพลงอะไรก็ได้

1.ก่อนที่เราจะไปเริ่มกันเราต้องมีไฟล์เพลงที่ต้องการตั้งเป็นเสียงริงโทนก่อน ซึ่งสามารถโหลดได้จากอินเทอร์เน็ต ส่งผ่าน AirDrop หรือ โหลดใส่แฟลชไดรฟ์แล้วเอาเข้าเครื่องผ่านแอป File ก็ได้

2.ดาวน์โหลดแอป GarageBand ใน App Store (ฟรี)

3.เปิดแอปขึ้นมาแล้วจะอยู่ในหน้าเลือกเครื่องดนตรี ให้เราเลือกคีย์บอร์ด

4.จากนั้นจะขึ้นเป็นหน้าเปียโน ให้กดที่เมนูที่ 3 จากมุมซ้ายบนที่เป็นเหมือน Time Line หลาย ๆ อันตามภาพ

5.จากนั้นจะขึ้นเป็นหน้า Time Line ให้เรากดที่เครื่องหมาย + บริเวณมุมบนขวา ตามภาพ

6.ให้เราตั้งค่าความยาวของริงโทนไว้ที่ 30 ห้อง ตามภาพ

7.ให้เรากดที่เมนูที่ 2 จากมุมขวาบน “Loop” ที่เป็นรูปคล้ายกับรถไฟเหาะตีลังกา ตามภาพ

8. จากนั้นเลือกที่ไฟล์ > เลือกหารายการจากแอปไฟล์

9.จากนั้นลากไฟล์ลงมาใส่บน Time Line แล้วลองกดเล่นเพลงดู

10.ปรับแต่งความยาว และเลือกท่อนที่ต้องการ (แต่ถ้าใครรำคาญเสียงเคาะจังหวะ ก็กดปิดได้ที่ข้าวปุ่มวงกลมสีแดงด้านบนตรงกลาง)

11.กดที่เมนูที่ 1 จากมุมซ้ายบนที่เป็นลูกศรสามเหลี่ยม จากนั้นเลือกเพลงของฉัน ตามภาพ

12.จะออกมาในหน้าต่างคล้าย ๆ ในแอปไฟล์ ให้เราตั้งชื่อริงโทน เพื่อให้ไม่งงเวลาทำหลาย ๆ เพลง

13.ให้แตะค้างไว้ที่ริงโทน กดแชร์ > เสียงเรียกเข้า

14.ระบบจะเตือนว่าเสียงเรียกเข้าต้องมีความยาวไม่เกิน 30 วินาที ถ้าเกินระบบจะตัดออกให้อัตโนมัติ > ต่อไป

15.ตรวจดูชื่อริงโทนว่าถูกต้องหรือไม่ > กดส่งออก ระบบก็จะเพิ่มริงโทนให้เราเลือกในหน้าการตั้งค่าแล้ว

16.หลังจากนั้นให้เข้าไปตรวจสอบได้ที่ การตั้งค่า > เสียงและการสั่น > เสียงเรียกเข้า จะเห็นว่าริงโทนถูกตั้งค่าเป็นเพลงของเราเรียบร้อยแล้ว หากต้องการลบให้ปัดไปทางซ้ายแล้วกดลบ

ใช้เพลงที่ซื้อจาก iTune Store

1.ให้เราทำการซื้อเพลงที่ต้องการจาก iTune Store เพื่อให้เข้ามาอยู่ใน Apple ID ของเรา

2.ส่วนวิธีการอื่น ๆ จะเหมือนกับด้านบนเลย ต่างกันที่เวลาเลือกไฟล์จากเมนู “Loop”

3.ให้เลือกเป็นเพลงแทน

4.จากนั้นเราก็เลื่อนหาเพลงที่เราซื้อมา หรือถ้าซื้อไว้นานแล้วก็ใช้ได้เช่นกัน

5.แต่เพลงที่สามารถนำมาทำริงโทนได้ต้องเป็นเพลงที่เราซื้อมาจาก iTune Store จริง ๆ เพลงจาก Apple Music ที่เราเช่ามาใช้ไม่ได้นะ

ถึงแม้ว่าขั้นตอนการทำริงโทนด้วยแอป GarageBand อาจจะดูยุ่งยากสักหน่อย แต่ก็เชื่อว่าน่าจะไม่ยากเกินความของเพื่อน ๆ แน่นอนและที่สำคัญได้เสียงเรียกเข้าที่ไม่ซ้ำใครและสะท้อนความเป็นตัวเองอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มเติมจาก Apple Music หรือใช้คอมพิวเตอร์ให้ยุ่งยากอีกต่อไป

ริงโทนที่สร้างขึ้นเองอาจมีความยาวสูงสุดเพียง 30 วินาที แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป็นเสียงเรียกเข้า เสียงเตือนข้อความ หรือแม้แต่เสียงปลุกส่วนตัว หวังว่าวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะครับ รับรองว่าคุณจะสนุกกับการสร้างริงโทนใหม่ ๆ ได้แบบไม่รู้จบเลยทีเดียว

อ้างอิง : apple