จากที่บริษัทออกแบบชิปเซ็ต ARM ได้ยุติความสัมพันธ์ทางการค้ากับทาง Huawei ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดทางผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัท ARM ซึ่งก็คือนาย Hermann Hauser ก็ออกมาให้ความเห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้อาจจะเป็นการตัดสินใจที่จะส่งผลร้ายต่อบริษัทอย่างใหญ่หลวง
หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า Huawei ถูกใส่ชื่อเข้าไปในบัญชีดำของประเทศสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ทำให้ไม่สามารถทำการค้าขายได้ในแผ่นดินอเมริกา นั่นหมายความว่าทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลกจะไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใดๆ ที่มาจากสหรัฐอเมริกาได้อีกเช่นกัน และเนื่องด้วยเทคโนโลยีชิปเซ็ตของ ARM นั้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ ARM ต้องหยุดทำการตลาดกับ Huawei ทันที และแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับทาง Huawei เพราะไม่มีเทคโนโลยีชิปสำหรับการผลิตมือถือและอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ นั่นเอง
ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาชีวิตที่หนักมากสำหรับ Huawei เพราะทางบริษัทเองยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาสถาปัตยกรรมจาก ARM ในการพัฒนาชิปเซ็ตอยู่ แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลนะ เพราะพวกเขาเองก็ยังมีใบสิทธิบัตรถาวร ARMv8 อยู่ เรียกได้ว่าสามารถใช้สิทธิบัตรตัวนี้ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมี ARMv9 ออกมาเลย (เอาจริงๆ ต่อให้มี ARMv9 ออกมา ก็ไม่ใช่ว่า ARMv8 จะใช้ไม่ได้นะ ยังคงใช้ได้อยู่ เพียงแต่ว่าประสิทธิภาพมันจะสู้ไม่ได้นี่สิ..)
และการที่เทคโนโลยีของประเทศสหรัฐฯ ดันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทต่างๆ หลากหลายชาติเหลือเกิน ทำให้ความสัมพันธ์ของ Huawei กับบริษัทที่ไม่ได้มีฐานอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ ก็สามารถสั่นคลอนได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม Trade Ban ครั้งนี้ไม่ได้มีแต่บริษัทสัญชาติจีนเท่านั้นนะที่จะได้รับผลกระทบ ยังมีบริษัทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สัญชาติเมกัน) อีกหลายแห่งเลยที่ตอนนี้ก็เริ่มจะมีความกังวล กลัวว่าจะโดนหางเลขกันไปบ้างแล้ว
การแบนครั้งนี้อาจส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ เองในระยะยาว
“การแบนครั้งนี้ส่งผลเสียต่อ Huawei แน่นอนในระยะสั้น แต่สำหรับระยะยาวแล้วคนที่เสียผลประโยชน์ที่สุดอาจจะเป็น Google, ภาคอุตสาหกรรมเมกาเอง หรือแม้กระทั่งบริษัท ARM นี่แหละ”
จนถึงป่านนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังหาหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ตนเองนั่นได้ไปบอกว่า Huawei มีการแอบส่งข้อมูลกลับไปยังประเทศจีนแต่อย่างใด นั่นเองเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทอื่นๆ ถึงเริ่มกังวลกันบ้างแล้วว่าหลายต่อไปอาจจะเป็นคิวของตนหรือเปล่า นี่เองเป็นเหตุผลที่ทำไม Hermann ถึงพยายามออกมาบอกว่าบริษัทควรจะเลิกพึ่งพาเทคโนโลยีบางส่วนจากประเทศสหรัฐฯ ได้แล้ว เพื่อที่จะเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไปเลย
“ถ้าสหรัฐฯ สามารถหยุดบริษัทจีนได้ แน่นอนพวกเขาสามารถหยุดใครก็ได้ทั้งนั้นบนโลกด้วยการใช้อำนาจพิเศษที่พวกเขามี ทำให้ทุกบริษัทบนโลกตอนนี้เริ่มคิดกันแล้ว ‘เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะโดนเมกาแบนหรือเปล่านะ?’ เพราะจากที่ผมคุยกับคนในแวดวงนี้มา พวกเขาก็เริ่มจะมีความระมัดระวัง เริ่มที่จะหลีกเลี่ยงสินค้าจากประเทศสหรัฐฯ กันบ้างแล้ว”
เห็นได้ชัดเลยว่าการแบนครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เฉพาะกับบริษัทสัญชาติจีนเท่านั้น ในระยะยาวผลกระทบดังกล่าวอาจลอยไปไกลทั่วโลกเลยก็ว่าได้..
ที่มา: gizmochina & thisismoney
Comment