TechInsights คาดการณ์ HarmonyOS ระบบปฏิบัติการที่ HUAWEI พัฒนาเอง อาจมีสิทธิ์ขึ้นแท่นเป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่คนจีนใช้เยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอนาคต แซงหน้าระบบ iOS จาก Apple หลัง HUAWEI Mate 60 Series ปลุกกระแสชาตินิยม ใช้ชิป 5G ที่พัฒนาเอง

ณ ปัจจุบันในประเทศจีนระบบ Android ถือเป็นระบบที่มีคนใช้เยอะมากที่สุดในโลก คิดเป็น 77% ของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด โดยมี iOS ตามหลังมาเป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่งไปประมาณ 22% ส่วนระบบอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะได้ส่วนแบ่งน้อยกว่า 1% แทบทั้งหมด ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขดังกล่าวแล้ว น่าจะเป็นการยากหากจะมีคู่แข่งเจ้าไหนแทรกขึ้นมาแข่งกันกับ Android และ iOS

ล่าสุดมีคู่แข่งอีกหนึ่งรายที่พร้อมจะขึ้นมาแย่งตำแหน่งอันดับ 2 จาก Apple นั่นก็คือ HarmonyOS ที่พัฒนาโดย HUAWEI ซึ่ง TechInsights ได้วิเคราะห์ว่ายอดผู้ใช้งานของ HarmonyOS มีโอกาสเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จากยอดขายของ HUAWEI Mate 60 Series ที่ขายดีสุด ๆ จากกระแสชาตินิยม

ในตอนนี้มีอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบ HarmonyOS กว่า 700 ล้านอุปกรณ์ และล่าสุดทาง HUAWEI ยังได้ปล่อยมือถือรุ่นระดับกลางอย่าง nova 12 Series ที่ใช้ชิป Kirin 830 มากระตุ้นยอดผู้ใช้งาน รวมถึงยังได้เตรียมฝังระบบลงไปในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า IoT คอมพิวเตอร์ และรถยนต์ไฟฟ้า EV ด้วย

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หาก HUAWEI สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนชิป Kirin 9000s ที่ใช้ใน Mate 60 Series ได้ทัน โดยคาดว่าสถานการณ์อาจจะคลี่คลายลงไปบ้างในปี 2024

อีกหนึ่งแรงกระเพื่อมที่สำคัญที่จะทำให้ HarmonyOS ขึ้นไปเป็นระบบที่คนใช้เยอะอันดับ 2 ในจีนคือ HarmonyOS NEXT เวอร์ชั่นใหม่ที่ยืนยันว่าจะถอนราก Android Open Source Platform ออกไปจากตัวระบบอย่างสิ้นเชิง โดยมีแผนจะปล่อยให้อัปเดตกันในช่วงปี 2024 และได้ตั้งเป้าตัวเลขไว้ว่าจะมีผู้ใช้งานเปลี่ยนมาใช้ระบบใหม่เพิ่ม 100 ล้านอุปกรณ์

ทั้งนี้ระบบก็จะไม่เกิด หากไม่มีแอปมาป้อน ตอนนี้ทาง HUAWEI ก็ได้เข้าไปจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนเพื่อรันในระบบได้แบบ Native ทั้ง Alibaba Group, JD.com, NetEase รวมถึง miHoYo ที่ประกาศว่าจะพัฒนาว่าจะพัฒนาเกมแบบ Exclusive ให้ระบบ HarmonyOS NEXT โดยเฉพาะ และยังมี Mcdonald ที่เป็นบริษัทต่างชาติบริษัทแรกที่จะเข้ามาพัฒนาแอปให้ระบบนี้

ถึงแม้ว่า HUAWEI อาจจะมีสิทธิ์เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ในวงการมือถือของบ้านเกิดของตัวเองได้ แต่ในตลาดโลกนั้นน่าจะเป็นไปได้ยากมาก ๆ จากทั้งแรงกดดันของสหรัฐอเมริกา แทบผู้ใช้งานต่าง ๆ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้บริการจาก Google Mobile Services (GMS) อยู่นั่นเอง

ที่มา: South Morning China Post, SamMobile