หลังจากที่ Huawei เปิดตัวระบบปฏิบัติการของตัวเองอย่าง HarmonyOS และ UI รุ่นล่าสุดอย่าง EMUI 10 ล่าสุดพวกเขายังเตรียมจะเปิดบริการแผนที่นำทางของตัวเองอีกด้วย ในชื่อ Huawei Map Kit ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแผนสำรองในกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ได้นั่นเอง

ขาด Google Maps ไป ไม่ใช่แค่ไม่มีแอปแผนที่นำทาง แต่หลายแอปที่ใช้แผนที่ของ Google อยู่จะพังและใช้งานไม่ได้

อธิบายเกี่ยวกับ Huawei Map Kit กันสักหน่อย อย่าเพิ่งเข้าใจว่า Map Kit ตัวนี้เป็นชื่อแอปที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานแทน Google Maps นะครับ Map Kit ไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่เป็นการทำ API ขึ้นมาสำหรับแอปต่างๆให้สามารถดึงแผนที่ไปใช้งานได้ ลองนึกถึงแอปอย่าง Grab, GET, หรือบริการระบุตำแหน่งในแอป เช่น ATM อยู่ตรงไหน, สาขา 7-Eleven ใกล้สุดอยู่ที่ใด โดยมากแอปต่างๆจะมีการดึงเอา API หรือข้อมูลแผนที่จาก Google Maps ไปใช้งานทั้งสิ้น ซึ่งถ้าวันใดวันหนึ่ง Huawei ไม่สามารถทำงานร่วมกับ Google ได้ขึ้นมา นั่นหมายถึงว่าไม่ใช่แค่แอป Google Maps จะใช้ไม่ได้เท่านั้น แต่แอปที่เรียกใช้งานแผนที่ของ Google ทั้งหมดก็จะพังไปด้วยนั่นเอง ดังนั้นจุดประสงค์หลักของ Map Kit ก็คือต้องการเชิญชวนให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปต่างๆ นำเอา Map Kit ไปใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่หลักหรือสำรองก็ตาม โดย Map Kit นี้จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับบริการนำทางต่างๆ ที่ครอบคลุมกว่า 150 ประเทศ ทั่วโลก

โดยขณะนี้ Map Kit ก็ได้ทำการจับมือเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทต่างๆ มากมาย อาทิเช่น Yandex ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและแผนที่รายใหญ่ของประเทศรัสเซีย และ Booking Holdings บริการจัดหาห้องพักสัญชาติสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรด้านบริการแผนที่ของ Huawei

Zhang Pingan ประธานฝ่ายบริการ Cloud ของ Huawei Consumer Business Group กล่าวว่าในปัจจุบันแอปพลิเคชั่นมือถือที่ใช้ Location Based Service กว่า 50% จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถในการระบุตำแหน่งด้วย และการที่ Huawei ต้องออกมาพัฒนาบริการแผนที่เองแบบนี้ ก็เพื่อที่จะรักษาความนิยมของมือถือแบรนด์ Huawei ในต่างประเทศเอาไว้นั่นเอง

Map Kit จะสามารถทำงานได้เทียบเท่า Google Maps และมีฟีเจอร์ต่างๆให้ใช้ได้ไม่แพ้กัน

Huawei Map Kit จะรองรับภาษาได้ทั้งหมด 40 ภาษา, สามารถตรวจเช็คสภาพการจราจรได้แบบ Real-Time อีกทั้งระบบนำทางยังมีความแม่นยำถึงขนาดที่สามารถระบุได้ว่ารถที่กำลังขับอยู่กำลังเปลี่ยนเลน แถมยังรองรับเทคโนโลยี Augmented-Reality สำหรับใช้ในการนำทางอีกด้วย

จากเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ใส่ชื่อ Huawei ไว้ในบัญชีดำ (Entity List) ส่งผลให้ไม่สามารถทำการค้าขายกับบริษัทสัญชาติสหรัฐได้เลยหากไม่ได้รับการอนุญาตก่อน และถึงแม้ว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาได้มีบริษัทสัญชาติสหรัฐบางแห่งเริ่มทะยอยส่งสินค้าให้กับ Huawei บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีสำคัญๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ Android หรือแม้แต่บริการ Google Maps ในสมาร์ทโฟนอีกด้วย

ถึงแม้ว่า Huawei อาจจะช้าไปหน่อยสำหรับการเปิดให้บริการแผนที่ของตัวเอง เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่แทบจะคุ้นและชินตากับ Google Maps และ Apple Maps ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังได้เปรียบตรงที่มีสถานีฐานของระบบโทรคมนาคมอยู่ในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสถานีฐานเหล่านี้สามารถส่งข้อมูลต่างๆ ในการระบุตำแหน่งจากจากดาวเทียมได้ดีกว่า

คาดว่า Map Kit น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem ที่ Huawei พยายามจะสร้างให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากพัฒนาระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของตนเองสำเร็จ ตอนนี้เองก็คงต้องเชิญชวนนักพัฒนาต่างๆ มาเขียนแอปลงระบบปฏิบัติการป้ายแดงนี่เสียก่อน เห็นแบบนี้แล้ว Android จะนิ่งเฉยไม่ได้แล้วล่ะ.. ดูเหมือนว่าสงคราม Trade War ครั้งนี้คนที่ดูเหมือนว่าจะได้ผลประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ใช้งานตาดำๆ อย่างพวกเรานี่แหละ

 

ที่มา: chinadaily , mashable