หลังจากที่โดนรัฐบาลสหรัฐฯ ยุค Donald Trump ใส่ชื่อเข้าไปไว้ในบัญชีดำ (Entity List) ทาง HUAWEI ก็ถูกกีดกันไม่สามารถติดต่อให้ TSMC ผลิตชิปเซ็ตบนสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ได้ อนุญาตให้แค่พวกชิปขนาด 28 นาโนเมตรขึ้นไปเท่านั้น แถมต้องไม่เกี่ยวข้องกับ 5G อีกต่างหาก ล่าสุดมีรายงานว่า HUAWEI เตรียมแก้ปัญหาดังกล่าว สร้างโรงงานผลิตชิป Kirin ของตัวเองขึ้นมาเป็นหลักเป็นแหล่ง
สำนักข่าว DigiTimes รายงานว่า HUAWEI (อดีต) ยักษ์ใหญ่ของวงการสมาร์ทโฟนโลก เตรียมแก้ไขปัญหาไม่สามารถติดต่อ TSMC ให้ผลิตชิปเซ็ต Kirin ระดับท็อป ๆ ได้ ด้วยการสร้างโรงงานผลิตชิปเซ็ตขึ้นมาเองซะเลย โดยมีข่าวว่า HUAWEI ลงเม็ดเงินไปกว่า 1.9 พันล้านหยวน หรือประมาณ 9.4 พันล้านบาทเลยทีเดียว
ซึ่งโรงงานจะตั้งอยู่ที่เมือง Wuhan ในจังหวัด Hubei และนอกจากจะใช้ผลิตชิป Kirin โรงงานดังกล่าวก็จะใช้ผลิตชิป Optical Communication และโมดูลต่าง ๆ ด้วย โดยโรงงานผลิตชิปเซ็ตแห่งแรกของ HUAWEI คาดว่าจะเริ่มขั้นตอนผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปีหน้า หรือปี 2022
ปัจจุบัน HiSilicon คือบริษัทในเครือของ HUAWEI รับหน้าที่ออกแบบชิปเซ็ต Kirin และหน่วยประมวลผลอื่น ๆ สำหรับใช้งานบนอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ เป็นหลัก ไม่มีโรงงานผลิตชิปเป็นของตัวเอง ต้องจ้างวาน TSMC หรือบริษัทอื่น ๆ ที่มีโรงงาน อาทิ Samsung และ Intel ผลิตให้
HUAWEI ยังไม่ทิ้ง HiSilicon ลั่นไม่ยอมแพ้ เตรียมพัฒนาชิป Kirin ต่อ แม้จ้าง TSMC ผลิตไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่า โรงงานผลิตชิปเซ็ตของ HiSilicon บริษัทลูกของ HUAWEI จะมีศักยภาพผลิตชิปเซ็ตได้บนสถาปัตยกรรมไหน และยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาต้องติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐฯ ขอใช้งานสิทธิบัตรหรือเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องการผลิตชิป (เหมือนกับ TSMC) ด้วยหรือเปล่า
ที่มา: gizmochina
TSMC ยังต้องเชื่อฟัง USA แล้ว Huawei มาจากไหนที่จะผลิตเอง 😅
ไม่ลองถามเพื่อนบ้านใกล้ๆ อย่าง SMIC ดูล่ะ ว่าอาการมันเป็นยังไง
มาจากจีนครับ
ก็ดีครับ ไม่ต้องพึ่งพาภายนอก ฮาร์ดแวร์ ซอร์ฟแวร์ ชิป ทำมันเองหมด
จะดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่ได้ทำเองใข้เองอนาคตน่าจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
ก็ขอเอาใจช่วยเลยครับ เพราะการถูกบีบจากอเมริกา ที่คิดว่าตัวเองเป็นรัฐบาลโลก คิดจะสั่งประเทศอะไรที่เป็นเบี้ยล่างตัวเองอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ พอเห็นประเทศไหนต่อต้านหรือกำลังขึ้นมาทัดเทียม กลัวแล้วก็เตะตัดขาเขา นี่หรือโลกเสรีทางการค้าที่ตัวเองภูมิใจ
ถ้า Huawei ไม่โดนเตะตัดขา ผมกล้าบอกลยว่า Huawei ยอดขายแซง Samsung ที่เป็นอันดับ 1 แน่นอน เพราะยอดตอนขายตอนที่ยังไม่โดนอเมริกาเตะตัดขา ก็หายใจรดต้นคอ Samsung แล้ว (Apple ไม่ต้องพูดถึง นำไปเรียบร้อยแล้ว) และต้องยอมรับจริงๆ ว่า ระบบจัดการพลังงานเขาดี Deep Sleep เป็น Deep Sleep จริงๆ แบตระหว่างที่ Stand by เครื่อง แทบไม่ลด หรือลดน้อยมากๆ แม้จะนอนหลับจนตื่นนอนตอนเช้า ในขณะที่ยี่ห้ออื่น แบตลดเป็นน้ำ และระบบเสียงก็ดีด้วย ขนาด Mate 9 Pro ผมยังรู้สึกว่า ผมเปิด Media Player โดยไม่ต้องใช้ลำโพงใหญ่ยังได้เลย ..แถมในประเทศไทยก็มี Heawei Service Day ใช้บริการตรวจเช็กเครื่องฟรี ติดฟิล์มฟรี และเปลี่ยนแบตไม่คิดค่าช่าง ทำให้ราคาเปลี่ยนแบตแท้ๆ จากศูนย์ ราคาถูกลง 30-50% เลย (Mate 9 Pro ผมเปลี่ยนแบตจากราคา 1048 บาท เหลือ 524 บาท ณ วันที่ 1 เม.ย.64) ..ผมยังคิดเลยว่า หา P30 Pro มือสองที่ยังมี GMS มาไว้ใช้อีกสักเครือ่งดีไหมอยู่ ..จะติดก็แค่ Huawei ไม่มีช่องใส่ microSD นี่ล่ะ เพราะเวลาจะนำไฟล์วิดีโอหรือเพลงจาก PC มาฟังบนมือถือ ต้องวางใน Storage ของโทรศัพท์เท่านั้น แถมเวลาเครื่องพัง ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ที่โหลดหรือรูปภาพที่ถ่ายเอาไว้ มันจะมลายหายไปกับโทรศัพท์หมดเลยนี่ล่ะ
จีนก็แบน US ครับ ทั้ง Google system FB IG Youtube โดนหมด ไม่แปลกที่ US จะแบนบ้าง ส่วนตัวผมมองว่ามันก็แค่สงครามทางธุรกิจ
เรื่องแซงซัมซุงคิดไปเองทั้งนั้นครับ ก่อนที่จะโดนแบนยอดจัดส่งยังห่าง 30-40 ล้านเลย
พอมาโดนแบนช่วงแรกๆ มันก็เกิดกระแสรักชาติในจีนที่ช่วยกันซื้อแบรนด์นี้ในชาติสูงขึ้น ทำให้ยอดส่งมอบทั้งหมดในจีนมีมากถึง 72% ของยอดทั้งหมดทั่วโลก แต่ยอดนอกจีนกลับลดลงอย่างน่าใจหาย แต่ก็เพราะยอดในจีนพุ่งเลยทำให้ยอดรวมดูยังเติบโต แล้วมีแค่ไตรมาสเดียวเท่านั้นที่แซงซัมซุง แต่พอยอดรวมใน 1 ปีก็ยังห่างมากเหมือนเดิม
จากที่ผมติดตามข่าวมา มีข่าวที่ยอดขายของ Huawei ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง (แม้ยอดขายในจีนจะตก) อยู่หลายเว็บข่าวในไทยที่ลง ..ลองคิดดูสิครับ ว่าถ้าเหตุการณ์ปกติ ยอดขาย Huawei จะไปขนาดไหน? (ขอให้ตัดความมีอคติออกไปด้วยนะ เพราะบอกตรงๆ ผมสาวก Samsung ที่มีทั้ง S2, S4, Note2, Note4<3เครื่อง), Note9 ส่วน Huawei ผมมีแค่เครื่อง Mate 9 Pro ที่รับจากพี่มาใช้ต่อเพียงเครื่องเดียว) ..ตอนที่ผมอ่านข่าว ผมยังคิดเลย Huawei มีดีอะไร นอกจากกล้องถ่ายรูปที่ DxOmark ให้คะแนนสูงเป็นอันดับ 1 มาตลอด ทำไมยอดขายถึงอยู่ในขาขึ้น ไม่ค่อยเจอยอดขายอยู่ในขาลงเท่าไหร่เลย มันเพราะอะไรล่ะ? ในขณะที่ Samsung ที่ผมเชียร์ในใจนักหนา ยอดขายกลับมีขึ้นมีลง และแน่นอนว่า OPPO, VIVO, realme, Xiaomi ก็มีขึ้นมีลงเช่นกัน (อีกยี่ห้อที่ผมเชียร์รองจาก Samsung ก็ Xiaomi นี่ล่ะ เพราะราคามันถูกแต่ได้สเปคเครื่องที่สูง ไม่ใช่ Huawei เลย)
..แต่พอได้ลองใช้ Mate 9 Pro ที่หมดระยะซัปพอร์ตไปแล้วจากพี่ชายที่ปลดระวางเครื่อง กลับพบว่า แบตยังอึด การจัดการพลังงานอยู่ในขั้นดีมาก Deep Sleep เป็น Deep Sleep จริงๆ ..ขนาดแบตบวมจนดันจอขึ้นมาเยอะ ก็ยังอึด ..แม้ Google Mobile Service จะมีการอัปเดตจนมาถึงปัจจุบัน การจัดการพลังงานก็ไม่ได้ด้อยลงเลย ในขณะที่ Note4 ที่เคยมีถึง 3 เครื่อง และ Note9 การจัดการพลังงานก็ยังไม่ดีเท่านี้เลย ..ลำโพงเสียงก็ดี (ในยุคของมัน) รู้สึกได้เลยว่ามีย่านเสียงต่ำด้วย แม้จะเป็น Note9 ที่มีลำโพง 2 ตัว Stereo ย่านเสียงต่ำยังไม่ชัดเท่าเลย ..และจากที่ผมไปส่องคนใช้โทรศัพท์ Huawei ก็มีคนยอมรับว่าระบบดีจริง ..ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่ยอดขายจะดีขึ้นเรื่อยนะ
ก็ผมบอกอยู่ไงว่ามันขึ้นอันดับ 1 แค่ไตรมาสเดียว ตอนที่เพิ่งโดนแบนแรกๆ ที่เฉือนนำซัมซุงไป 0.5% เพราะยอดกระแสรักชาติของจีน
ทำให้คนจีนแห่กันไปซื้อ
ซึ่งก่อนที่จะโดนแบนหรือช่วงเหตุการณ์ปกติ market share ยังตามอยู่พอสมควร
เว็บในไทยมันก็แปลมาจากเว็บต่างประเทศที่เอาข้อมูลจาก counterpoint มาอีกที
มันแค่คำว่า "ถ้า"
ร่ายมาซะยาว สรุปไม่มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับข่าวนี้เลย ออกนอกทะเลไปนิด
ถ้าจีนไม่แบน บ.เมกา ที่เข้ามาจีน คิดว่ายักษ์ใหญ่จีนในปัจจุบันหลายเจ้าจะได้เกิดหรอครับ
ต้องแยกกันแหละครับ แบนในประเทศตัวเอง กับกดดันประเทศอื่นให้แบน
ตัวเองไม่ชอบก็พอเข้าใจได้ แต่ไปบังคับ กดดัน คนอื่นให้กีดกัน มันใช่คำว่าเสรีเหรอครับ
ใช้ MatePad 10.4 แบตอึดมากครับ ชอบมากครับ รอ HOS อยู่ น่าจะได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก
รอดูผลงาน ถ้าออกมาดีก็ดีใจด้วย
เเต่ถ้ามาเเนวโม้ๆ เเบบ hamony os อีก ก็คงตายจริงๆเเล้วนะ
สร้างได้ครับ แต่ US สั่ง ASML ไห้ขายเครื่องไห้จีนได้แค่ 10nm ต่ำกว่านี้จีนสั่งไม่ได้ TSMC เลยต้องจำใจยอม US เพื่อไห้สามารถสั่งซื้อ 5nm และ 3nm ได้
ผลิตได้แค่ 28-26nm เครื่อง EUV ไม่ใช่เครื่องที่ Fix เรื่องขนาดครับ ใช้ของเดิมได้หมดตั้งแต่ 10nm ถ้าจะผลิต 5nm 3nm ก็ใช้เครื่องเดิมได้
EUV ก็คือ EUV มันอยู่ที่การออกแบบ node ของผู้ผลิตนั้นๆ ต่างหาก
สั่งได้แต่ก็ผลิตได้แค่ 28-26nm
ทีเขาสั่งเพิ่มเพราะเขาต้องการขยายกำลังการผลิต ไม่ได้ต้องการสั่งเพื่อให้ลดขนาดได้เพิ่ม
ที่ TSMC ต้องฟังเพราะหากโดน usa แทรกแซงหรือโดนแซงชั่น TSMC จะเสียหายหนักมาก
เนื่องจากยังไงในตลาดก็มีเจ้าใหญ่อีกเจ้าอย่าง samsung อยู่
เรื่องขนาด ผมก็มองว่าเป็นเรื่องสิทธิบัตรของเเต่ละเจ้าถือนะครับ
อย่าง arm v9 อันนี้ huawei ไม่มีสิทธิใช้เลย ต่อให้พัฒนาให้ดีกว่า แล้วไม่ใช้ arm เป็นพื้นฐาน
hamony os ที่ยัดใส้ android มันจะรันไม่ได้ดวยนี่สิครับ
hamony os !!!!! ว่าไง ……..โม้เก่งงง
ถ้าจะผลิตเล็ก ๆ ก็ต้องพึ่งเครื่อง EUV ของ ASML อยู่ดี มีอยู่เจ้าเดียว
ทุกวันนี้เครื่องใช้สิทธิบัตรสหรัฐอยู่ ก็ยังซื้อไม่ได้ คงทำเป็นโรงงานผลิตชิปใหญ่ ๆ มากกว่า
ไม่ว่าจะ DUV หรือ EUV ถ้าอเมริกามันแบนก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ได้ครับ
พวกเทคโนโลต้นน้ำในการผลิตชิปส่วนมากมีสิทธิบัตรอเมริกาทั้งนั้น
เพียงแต่ตอนนี้อเมริกาอนุญาตให้ผลิตได้ไม่เกิน 28-26nm กรณี SMIC นะ
ส่วน HUAWEI ที่ถูกแบนโดยตรง การจะเปิดโรงงานผลิตเองก็อีกเรื่องถ้าอเมริกาไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้
ทำได้แค่ผลิตพวก IC ทั่วไป
สิทธิบัตรก็แค่กระดาษใบนึงครับ ไม่สนใจซะก็จบแล้ว
อเมริกามันเทพมาก ผมขอยอมเป็นทาสเทคโนโลยีมันตลอดไป
ดีมาก ยังไงแบรนด์จีนทั้งหลาย คงได้รับบทเรียน และประสบการณ์หลายๆ เรื่องจากการพึ่งพาตะวันตก แล้วหันมาพัฒนาตัวเอง จากการ copy สู่วิศวกรรมย้อนกลับ ไปสู่การทำ R&D และการสร้างนวตกรรมใหม่ๆ ออกมา เชื่อว่าอนาคตเราคงได้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การก้าวไปสู่นวตกรรมใหม่ ที่เกิดจากการบีบคั้น และเชื่อด้วยว่าพลังความรู้ของ Huawai และแบรนด์อื่นๆ สู้ได้สบายถึงแม้จะต้องใช้เวลา!!!
มีเทพในนี้😅😅
HUAWEI สู้ๆ แบรนด์มือถืออันดับ 1 ของโลก