นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะในซีรีส์ GT ของ HUAWEI ถูกทิ้งช่วงไปนานกว่า 1 ปีครึ่ง แต่ตอนนี้กลับมาแล้วกับ WATCH GT 3 Pro โดยยังคงมากับดีไซน์งาม ๆ และวัสดุพรีเมียมทุกภาคส่วนเหมือนเดิม รุ่น 43 มม. ใช้วัสดุเซรามิก ส่วนรุ่น 46 มม. ใช้วัสดุไทเทเนียม และมีรุ่นพิเศษที่ไปจับมือกับ Porsche Design ด้วย สินค้าอีกอย่างที่เปิดตัวพร้อมกันคือ HUAWEI Band 7 สายรัดข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่ แบตอึด 14 วัน

HUAWEI WATCH GT 3 Pro

WATCH GT 3 Pro แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยซึ่งจะแตกต่างกันทั้งวัสดุ ดีไซน์ และขนาด รุ่นแรกมากับหน้าปัด 43 มม. ตัวเรือนจะทำจากเซรามิกสีขาวขัดเงา ล้อมรอบด้วยกรอบสเตนเลสที่ขดเป็นคลื่นคล้ายกับเปลือกหอย ส่วนหน้าตัดของเม็ดมะยมจะมีเซรามิกอยู่เหนือสเตนเลสอีกที เป็นการเพิ่มความน่าสนใจในการออกแบบ รุ่นนี้มีให้เลือกระหว่างสายหนังและสายเซรามิกแบบเดียวกับตัวเรือน

รุ่นถัดมาตัวเรือนทำจากไทเทเนียม หน้าปัดขยับขึ้นเป็น 46 มม. รูปลักษณ์จะดูเรียบง่ายและดุดันกว่า มีให้เลือกระหว่างสายหนังและสายยาง ส่วนที่ทั้ง 2 เวอร์ชันเหมือนกันในภายนอกคือ วัสดุส่วนฐานเป็นเซรามิก และกระจกด้านหน้ากับด้านใต้ตัวเรือนเลือกใช้เป็นกระจกแซปไฟร์ HUAWEI บอกว่า พอกระจกมีความใสสูง ทำให้เซนเซอร์อะไรต่าง ๆ มีการทำงานที่เที่ยงตรงขึ้น รวมถึงความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่มากกว่า นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนน้ำ 5 ATM กันน้ำได้ลึก 30 เมตร ใส่ลงไปว่ายน้ำได้สบาย ๆ

WATCH GT 3 Pro ไม่ได้โดดเด่นแค่ในด้านแฟชัน แต่ฟีเจอร์ด้านการติดตามสุขภาพ การนอนหลับ และการออกกำลังกายก็จัดเต็มไม่แพ้กัน มีครบทั้งฟังก์ชันวัดอัตราการเต้นหัวใจ วัดระบบออกซิเจนในเลือดหรือ SpO2 โหมดออกกำลังกายกว่า 100 รูปแบบ และอื่น ๆ อีกเพียบ ใช้ควบคุมเพลง รับสายโทรศัพท์ หรือใช้เป็นรีโมตถ่ายรูปได้ด้วย

ฟีเจอร์พิเศษที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ โหมดดำน้ำและโหมดตีกอล์ฟ

  • โหมดดำน้ำจะแสดงผลความเร็ว ความลึก และระยะเวลาในการดำน้ำแบบเรียลไทม์ และมีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัย
  • โหมดตีกอล์ฟจะสามารถเรียกดูแผนที่สนามได้โดยตรงจากนาฬิกา (ตอนนี้รองรับเฉพาะในจีน) แทร็กกิงตาม GPS อย่างแม่นยำพร้อมแสดงผลทิศทางลม ความเร็วลม ความลาดชันของกรีนและตำแหน่งบังเกอร์

นอกเหนือจากดีไซน์แล้ว WATCH GT 3 Pro ทั้ง 2 รุ่นแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย จัดเต็มเท่ากันทั้งคู่ ยกเว้นความจุแบตเตอรี่ที่รุ่น 46 มม.ให้มามากกว่าตามขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่กว่านั่นเอง

WATCH GT 3 Porsche Design

WATCH GT 3 Pro รุ่น Porsche Design ถูกออกแบบโดยใช้รุ่น 46 มม.เป็นพื้นฐาน วัสดุจึงเป็นไทเทเนียมเหมือนกันแต่สีเข้มกว่า เป็นสีดำตัดกับแดงสวยงาม ที่น่าแปลกคือ HUAWEI เขียนชื่อรุ่นเต็ม ๆ เป็น “WATCH GT 3 Porsche Design” เฉย ๆ ไม่มีคำว่า Pro แอบชวนให้งงอยู่เหมือนกัน เพราะมันไปซ้ำกันรุ่นเก่า

WATCH GT 3 Porsche Design มีโลโก้ Porsche Design สลักอยู่บริเวณเม็ดมะยมและตัวล็อกสาย สายมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ สายไทเนียมและสายยาง ซึ่งสายไทเทเนียมจะมีความพิเศษตรงที่ถูกออกแบบให้สามารถล็อกหรือปลดล็อกด้วยมือเดียวได้จากการกดเพียงครั้งเดียว

ฟีเจอร์อะไรต่าง ๆ ของ WATCH GT 3 Porsche Design มีมาให้เหมือนรุ่นมาตรฐาน ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ ธีมเอกซ์คลูซีฟที่ออกแบบโดย Porsche Design เน้นไปที่สีดำและแดงเข้ากันกับตัวเรือน

สเปค HUAWEI WATCH GT 3 Pro

  • ขนาดและน้ำหนัก :
    – รุ่นเซรามิก 42.9 × 42.9 × 10.5 มม., 50 กรัม
    – รุ่นไทเทเนียม 46.6 × 46.6 × 10.9 มม., 54 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED
  • ความทนทาน : มาตรฐาน IP68 และ 5 ATM, กันน้ำลึก 30 เมตร
  • การเชื่อมต่อ :
    – GPS
    – NFC
    – Bluetooth
  • แบตเตอรี่ :
    – รุ่นเซรามิก 4 ถึง 7 วัน
    – รุ่นไทเทเนียม 8 ถึง 14 วัน
  • ระบบปฏิบัติการ : HarmonyOS 2

ราคาและการวางจำหน่าย

WATCH GT 3 Pro รุ่นเซรามิกมีราคาเริ่มต้น 2,988 หยวน (ประมาณ 15,499 บาท) รุ่นไทเทเนียมมีราคาเริ่มต้น 2,488 หยวน (ประมาณ 12,999 บาท) ถูกลงมานิดหน่อย เปิดให้พรีออร์เดอร์ในจีนวันที่ 4 พฤษภาคม แต่พอเป็นรุ่น Porsche Design จะกระโดดขึ้นมาเกือบ ๆ สองเท่าเป็น 4,688 หยวน (ประมาณ 24,399 บาท) และจะเปิดให้สั่งซื้อทีหลังสุดในวันที่ 5 พฤษภาคมด้วย


HUAWEI Band 7

สำหรับ HUAWEI Band 7 ยังคงมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ HUAWEI Band 6 ที่เป็นรุ่นก่อนหน้าอยู่ แต่ตัวเครื่องบางลงเล็กน้อยราว 1 มม. ทาง HUAWEI ยังคงใช้คอนเซปต์เดิมคือ ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ทำให้ผู้ใช้งานความรู้สึกคล่องตัวขณะสวมใส่ พร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน สูงสุด 14 วัน และราคาที่ย่อมเยา

HUAWEI Band 7 มากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.47 นิ้ว เลือกเปลี่ยนได้บานตะไทกว่า 8,000 แบบ มีโหมดออกกำลังกายเกือบ 100 โหมด กันน้ำ 5 ATM ลึกสุด 50 เมตร รองรับการวัดระดับออกซิเจนในเลือดและการติดตามการนอนหลับ

ราคาและการวางจำหน่าย

แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รุ่นมาตรฐานกับรุ่น NFC สำหรับใช้งานบริการชำระเงินต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมในจีน ราคา 269 หยวน (ประมาณ 1,399 บาท) และ 309 หยวน (ประมาณ 1,599 บาท) ตามลำดับ

 

ที่มา : HUAWEI (1, 2)