หลังจากที่ได้มีการเปิดตัว Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE เราก็ได้เห็นทั้งดีไซน์ กับฟีเจอร์ต่าง ๆ กันไปแล้ว และล่าสุดทาง YouTuber ชื่อดังอย่าง iFixit ก็ได้ปล่อยคลิปชำแหละ Apple Watch Series 6 ให้ชาวเน็ตได้ดูกัน ทำให้เราได้เห็นส่วนประกอบใหม่ ๆ ที่อยู่ด้านในตัวอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ตัวใหม่ที่มีความจุมากขึ้น และสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย แถมยังมากับมอเตอร์สั่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเช่นกัน

ทาง iFixit ก็ได้มีการแกะ Apple Watch Series 6 ออกเพื่อดูว่ามีส่วนประกอบอะไรด้านในบ้างซึ่งเราก็จะได้เห็นเซ็นเซอร์ใหม่ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเซ็นเซอร์ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด แต่เซ็นเซอร์สำหรับฟีเจอร์ Force Touch ที่เคยมีใน Apple Watch รุ่นก่อน ๆ กลับโดนตัดทิ้งไปซะแล้ว

นอกจากนี้เรายังได้เห็นแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับตัวมอเตอร์สั่นตัวใหม่ที่จะมาช่วยให้ตัวเรือนสั่นแรงขึ้น เมื่อหมุนเม็ดมะยม หรือมีการแจ้งเตือนต่าง ๆ อีกทั้งเรายังได้เห็นแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเดิมถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ในรุ่นหน้าปัด 44 มม. ส่วนรุ่นหน้าปัดขนาด 40 มม. ก็มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นกว่า 9.5 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ Apple Watch Series 6 กับ Series 5 มีระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่อยู่ที่ 18 ชั่วโมงเท่ากัน ในขณะที่ Series 6 มีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ Apple Watch Series 6 มีขนาดใหญ่ขึ้นน่าจะเป็นเพราะว่าหน้าจอรุ่นใหม่มีความสว่างกว่ารุ่นเก่านั่นเอง

iFixit บอกว่า Apple Watch Series 6 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เองอย่างไม่ยากเย็น เพราะเมื่อแงะเปิดตัวเรือนออกมาได้แล้ว ก็จะเจอกับแบตเตอรี่นอนให้เห็นแบบชัดเจน ก็แค่พลิกตัวแบตขึ้นมาจากนั้นก็ใช้ไขควงหมุนคลายล็อคสายไฟออกก็เรียบร้อยครับ

แต่ส่วนที่เปลี่ยนยากก็คือหน้าจอ ซึ่ง iFixit บอกว่าหน้าจอของ Apple Watch Series 6 เปลี่ยนค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้เลย เพราะมันมีทั้งชิ้นส่วนที่ถูกติดเอาไว้ด้วยกาว แถมยังมีสายไฟที่แสนจะเปราะบางเชื่อมอยู่ด้วย คือถ้ามือไม่นิ่งจริงอาจเสี่ยงทำสายไฟขาดได้ แล้วต้องมานั่งเชื่อมใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ทาง iFixit ได้ให้คะแนนความง่ายในการซ่อมของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้เอาไว้ที่ 6 คะแนน โดยมีข้อดีอยู่ที่การเปลี่ยนหน้าจอที่สามารถทำได้เอง (แต่ค่อนข้างยาก) และแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนง่าย แต่ส่วนที่ยากก็คือน็อตแบบสามแฉกที่เอาออกยากในหลาย ๆ จุด และสายไฟหลายแห่งที่ต้องใช้ฝีมือในการเชื่อมสูง หากทำขาดระหว่างซ่อมนั่นเองครับ

Source: iFixit