ใครเป็นสายเกมและกำลังมองหามือถือตัวคุ้ม ราคาไม่แรง แต่สเปคครบ ๆ และที่สำคัญคือเล่นเกมแบบจัดหนักจัดเต็มได้ ขอแนะนำ Infinix Hot 40 Pro เลย แถมรุ่นนี้ยังได้มีการร่วมมือกับ Freefire ที่ทำให้สามารถเล่นเกมดังกล่าวได้อย่างลื่นไหล 90FPS ด้วย มาในราคา 5,799 บาท

แกะกล่อง Infinix Hot 40 Pro

Infinix Hot 40 Pro ที่เราได้มาคือจะมาเป็นสีทอง Horizon Gold ภายในกล่องของ Infinix Hot 40 Pro ก็จะมีตัวเครื่อง, เคส และที่ชาร์จค่ะ

ดีไซน์ขอบเหลี่ยม เครื่องเพรียวบาง

รุ่นนี้หน้ากล่องมาในคาแรคเตอร์ Kelly และเมื่อเปิดกล่องออกมาดูก็จะเจอกับเจ้า Infinix Hot 40 Pro นี่เลย ซึ่งเมื่อมือสัมผัสกับตัวเครื่องก็พบว่า เครื่องมีความเพรียวบาง หยิบจับได้ถนัดมือ น้ำหนักพอดี กรอบหลังเรียบลื่น จับแล้วไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นรอยนิ้วมือหรือไม่ และติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่แกะออกจากกล่องเลย

ปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง ถาดสำหรับใส่ซิมอยู่ที่ด้านซ้าย ลำโพงคู่วางอยู่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง และมีรูหูฟัง 3.5 มม.มาให้ด้วย 

จอใหญ่ 120Hz ลื่นไหล ไม่มีสะดุด

Infinix Hot 40 Pro ให้จอมาเป็นจอ LCD ขนาดอยู่ที่ 6.78 นิ้ว ใหญ่เต็มตา ความละเอียด FHD+ 1080×2460 รีเฟรชเรทปรับได้ลื่นไหลสุด 120Hz สว่างสู้แสง 500 nits อยากจะบอกว่าจอนี้เหมาะกับสายเกมสายเสพคอนเทนต์อย่างเรามาก เพราะว่าใหญ่เต็มตาจริง ๆ ส่วนสีสัน และความสว่างก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ความสว่างของจอถ้าเร่งสุดก็ใช้งานกลางแดดก็มองเห็นได้ชัดเจนไม่ต้องเพ่งมาก

นอกจากนี้เมื่อเปิดเครื่องมาก็จะเจอกับ UI ที่เท่ ๆ ตามธีมของเกม Free Fire หน้าตา UI แอปต่าง ๆ ก็จะมีความเหลี่ยม ๆ แบบนี้เลย 

ลูกเล่นใหม่ Magic Ring

รุ่นนี้ได้เพิ่มกิมมิกเล็ก ๆ อย่าง Magic Ring  ลงไปด้วย ซึ่งเจ้าฟีเจอร์ที่ว่าจะเป็นตัวแจ้งเตือนเราที่ด้านบนสุดของหน้าจอ และใช้งานอื่น ๆ ได้หลากหลาย ทั้งแจ้งเตือนเมื่อชาร์จแบตเตอรี่, ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า หรือแจ้งเตือนการใช้งานโทรออกก็ถือว่าเป็นอีกจุดนึงที่ทำให้การใช้งานสนุกขึ้น

ลำโพงคู่

นอกจากจะให้จอที่ใหญ่มาแล้ว ยังให้ลำโพงสเตอรีโอมาด้วย ทำให้สามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้อย่างมีอรรรถรสมากขึ้น คุณภาพเสียงอยู่ในระดับดีกลาง ๆ ไม่ได้เบสแน่นหรือหวือหวาอะไรพิเศษ และท้ายเครื่องมีรูหูฟัง 3.5 มม.มาให้ด้วย

สเปค Infinix Hot 40 Pro

  • จอ IPS LTPS ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080*2460 รีเฟรชเรท60Hz/90Hz/ 120Hz
  • CPU : Helio G99
  • RAM (LPDDR4X) : 8GB มีโหมด MemFusion เพิ่มแรมได้อีก 8GB
  • ความจุ : 128GB/256GB เพิ่มได้ 1TB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP
    –Macro 2MP
    – AI Lens
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G , NFC,BT, USB-C
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • เซนเซอร์ : FINGERPINT (ข้างจอ), G-SENSOR, E-COMPASS, GYROSCOPE, LIGHT SENSOR, PROXIMITY SENSOR
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
  • ระบบ Android 13 ครอบทับ XOS 13.5 
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.66 x 76.6 x 8.25 มม. / 199 กรัม

ชิป Helio G99 มาพร้อม XBOOST เจนใหม่

รุ่นนี้มาพร้อมชิป Helio G99 ผลิตบนสถาปัตยกรรมที่ 6 นาโนเมตร ตัวแรกที่ใช้ใน Hot Series อีกทั้งยังมาพร้อม XBOOST เจนใหม่ ที่จะคอยเป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการเล่นเกมของเราให้ลื่นไหล ซึ่งก็ได้เลือกตั้งค่าแบบเปิดทุกอย่าง พร้อมเลือก XBOOST ไปที่ Boost, ล็อกความสว่างหน้าจอ, การควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จ, ควบคุมอุณหภูมิขณะเล่นเกม ซึ่งวันนี้จะขอลองทดสอบมือถือเกมมิ่งด้วยการเล่นเกมแบบจัดหนักจัดเต็มสักหน่อย โดยผลที่ได้มาในแต่ละเกมก็มี ดังนี้ 

Free Fire

สำหรับเกมแรกที่ทดสอบเลยก็คือ Free Fire นี่แหละ โดย Infinix Hot 40 Pro ได้มีการร่วมมือกับทาง Free Fire ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในระดับโปรโดยสามารถปลดล็อก Free Fire 90FPS ได้ ซึ่งเราก็ได้ทำการลองเล่นด้วยกราฟิกในค่า Default เล่นได้ลื่นไหลไม่มีปัญหาเลย แม้จะเจอศัตรูมาหลายคน ทัชไม่เพี้ยน ไม่หลอน เล่นจบแมทช์นึงเครื่องแค่อุ่น ๆ 

ROV

ขนาด Free Fire ยังเล่นได้สบายขนาดนี้บอกเลยว่า  ROV ก็หายห่วง โดยการลองเล่นเกมประจำบ้านอย่าง ROV นี้ได้มีการปรับไปที่กราฟิกสูงสุดเช่นกัน โดยตัวเกมสามารถตั้งค่ากราฟิกสูงสุดได้ แต่การแสดงผลจะล็อกไว้แค่ระดับสูงเท่านั้น ส่วนเรื่องการเล่นก็คือลื่นไหลไปจนจบ ไม่มีกระตุก เล่นได้นิ่ง ๆ ลื่น ๆ เลย

Genshin Impact

สำหรับเกมที่ไม่หยิบมาเล่นไม่ได้เลยก็คือ Genshin Impact นี่แหละ และในตอนที่เปิดเกมเล่นครั้งแรก ตัวเกมได้ตั้งกราฟิกอยู่ที่ระดับต่ำสุด 30FPS พบว่าสามารถตีมอนได้ปกติ ลื่นไหล ไม่มีการกระตุกของภาพเกิดขึ้น ซึ่งจากนั้นก็ได้ทดสอบด้วยการเปิดไปที่ระดับสูงสุด 60FPS พบว่าในช่วง 5 นาทีแรกของเกมค่อนข้างลื่น แต่หลังจากนั้นเริ่มหน่วงเป็นระยะ ๆ แนะนำให้ปรับไปที่ค่าเริ่มต้นจะดีที่สุด 

กล้อง AI 108MP ถ่ายวิดีโอ 2K ได้

รุ่นนี้ได้ให้กล้องหลังมาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 108MP, กล้อง macro 2MP และ กล้อง AI ที่ทำให้ใช้งานถ่ายภาพได้อย่างครบครัน ซึ่งจากตัวอย่างภาพถ่ายที่ได้มาจากกล้องหลักนั้นจะเห็นได้ชัดว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน สีสันสวยสด อีกทั้งเวลาที่กำลังถ่ายภาพตัวกล้องก็จะมีการระบุรายละเอียดของวัตถุที่เรากำลังจะถ่ายไว้ให้ด้วย 

ส่วนโหมดถ่ายภาพบุคคลก็เบลอหลังออกมาได้ดี มีความฟุ้ง ๆ เนียน ๆ เก็บขอบได้อยู่ หรือจะใช้ถ่ายวิดีโอก็เบลอออกมาไม่มีหลุด

ส่วนงานวิดีโอ รุ่นนี้จะสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ 2K 30FPS ตัวเครื่องมีกันสั่นแบบซอฟท์แวร์มาให้ซึ่งถ้าเปิดใช้งานความละเอียดก็จะถูกปรับลงไปอยู่ที่ 1080P 30FPSค่ะ  

ส่วนวิดีโอกล้องหน้าก็สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 2K 30fps เหมือนกัน และยังมีโหมดวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอด้วย แต่จะจำกัดอยู่ที่ 720P 30FPS 

กล้องหน้า 32MP โหมด Beauty ดีใช้ได้

ส่วนกล้องหน้าให้มาอยู่ที่ 32MP เซลฟี่ได้ออกมาดีอยู่เหมือนกัน ซึ่งในการใช้งานกล้องสดก็จะเห็นเป็นรายละเอียดรอยสิว จุดบกพร่องบนหน้าได้ชัดเจน และเมื่อเปิดใช้งานโหมด Beauty ก็คือแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน จะมีให้เลือกตั้งแต่การปรับผิวหน้าให้เนียน ตลอดจนแต่งหน้าใส่ขนตาให้ซะเลย (นอกจากนี้ยังมีแต่งภาพให้ดูผอมเพรียวได้ด้วยนะ) 

แต่ที่ชอบเลยก็คือแฟลชของกล้องหน้าที่ให้มา 2 ดวงสว่างจ้าแบบสุด ๆ เอาไว้เวลาเซลฟี่ในที่มืดจะได้เห็นหน้าเราแบบชัด ๆ แบบไม่ต้องพึ่งพาไฟ LED จากเครื่องอื่น ๆ ของเพื่อน 

นอกจากนี้ยังมีกล้องสำหรับถ่ายภาพกลางคืนมาให้ได้ใช้งานแบบครบของจริง โดยมีโหมดประสิทธิภาพในที่มืดเอาไว้เวลาถ่ายภาพชัด ๆ ในยามค่ำคืน ซึ่งจากที่ลองถ่ายก็พบว่า แม้ว่าจะอยู่ในที่แสงน้อย กล้องก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ แต่เมื่อเจอกับไฟจากรอบ ๆ ก็จะมีความฟุ้งของภาพนิดหน่อย

ลูกเล่นอื่น ๆ

นอกจากโหมดถ่ายภาพธรรมดายังมาครบ ๆ แล้ว ยังมีลูกเล่นสนุก ๆ เอาไว้ให้ผู้ใช้งานได้ลองเล่นกันอย่างโหมด Film หรือที่เรียกว่าโหมดภาพยนต์นั่นเอง โหมดนี้จะมีประเภทคลิปแบบต่าง ๆ จัดไว้ให้ ซึ่งจะมีการปรับฟิลเตอร์ และตัดต่อให้อัตโนมัติ ผู้ใช้งานอย่างเราก็มีหน้าที่แค่ถ่ายและพร้อมลงโซเชียลเท่านั้น 

แบตเยอะ ชาร์จไว 33W 

Infinix Hot 40 Pro ได้ให้แบตเตอรี่มาที่ 5000mAh ซึ่งแน่นอนว่าเพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วันแบบสบาย ๆ เลยล่ะ ซึ่งเราก็ได้ทำการเบิร์นแบตเตอรี่ด้วยการนำออกไปถ่ายรูป ดูคลิป YouTube ความละเอียด FHD เล่นเกม ดูซีรีส์ใน Netflix แบบเชื่อมต่อผ่าน WiFi เป็นเวลารวมกันทั้งสิ้น 5 ชั่วโมงแบตเตอรี่ลดเหลือ 41% 

รองรับชาร์จไว 33W ถือว่าชาร์จไวเอาเรื่องเลย โดยชาร์จแบตจาก 20%-75% ได้ในเวลา 35 นาที ซึ่งถ้าคืนไหนเผลอทิ้งไว้โดยไม่ได้ชาร์จ ตื่นเช้ามาเสียบไว้ละวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาก็ยังทันเอาออกไปใช้งานข้างนอกได้ อีกทั้งยังมีหัวชาร์จมาให้ในกล่องครบ ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม

สรุปการใช้งาน

Infinix Hot 40 Pro เป็นมือถือเกมมิ่งอีกหนึ่งรุ่นที่ครบเครื่องและคุ้มกับราคาอยู่เหมือนกัน เพราะว่าไม่ใช่แค่เล่นเกมทั่วไปได้สบาย ๆ แต่ยังให้กล้องมาให้ถึง 108MP ถ่ายวิดีโอได้ชัด 2K ลำโพง 2 ตัวเสียงดังสะใจ แบตเตอรี่ให้มาเยอะพอที่จะใช้งานทั้งัวน แถมชาร์จไว 33W ไม่ต้องรอนาน ใช้งานโดยรวมคือโอเคเลยค่ะ

ข้อดี

  • จอใหญ่ FHD+ รีเฟรชเรทปรับได้สูง 120Hz
  • ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้ + มีเคสแถมในกล่อง 
  • เล่นเกมในปัจจุบันได้ทุกเกม (ตั้งค่า Default)
  • ลำโพงคู่
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่เยอะ
  • ชาร์จ 33W แถมหัวชาร์จมาในกล่องด้วย คุ้ม!
  • ถ่ายวิดีโอ 2K ได้
  • ใช้งานได้ครบ คุ้มกับราคา 5,799 บาท 
  • เล่นเกมนานเครื่องไม่ร้อนจี๋
  • กล้องหลังความละเอียด 108MP 

ข้อสังเกต

  • ลำโพงคู่แต่เสียงธรรมดา 
  • กล้องไม่มีกันสั่น OIS 
  • โมดูลกล้องใหญ่ทำให้เล่นเกมแล้วมือไปโดนตลอดเวลา 
  • รองรับแค่เพียง 4G 
  • ไม่กันน้ำ 

ราคาจำหน่าย

Infinix Hot 40 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ Starlit Black, สีฟ้า Palm Blue, สีเขียว Starfall Green  และสีทอง Horizon Gold วางจำหน่ายในความจุ 8GB + 256GB ราคา 5,799 บาท                                                               

นอกจากรุ่นนี้จะเปิดตัวมาให้จับจองกันแล้วนั้น ยังมีรุ่นเล็กราคาประหยัดอีกหนึ่งรุ่นอย่าง Infinix Hot 40i ที่มาเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย โดยมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Starlit Black , สีฟ้า  Palm Blue  และสีเขียว Starfall Green  ราคา 

  • 8GB +128GB ราคา 3,799 บาท 
  • 8GB +256GB ราคา 4,499 บาท 

วางจำหน่ายในวันที่ 1 ก.พ. 2024 ที่ช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada และ Tiktok Shop และร้านค้าพาร์ทเนอร์ BaNaNa, Jaymart, IT City, TG FONE

พิเศษ! เฉพาะผู้ที่ซื้อ Infinix Hot 40 Pro ใน 450 ออเดอร์แรกที่กดสั่งซื้อผ่าน Shopee, Lazada และ Tiktok Shop ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 1 ก.พ. 2024 เป็นต้นไป จะได้รับของสมนาคุณ Booyah Boxset ประกอบด้วย ลำโพงบลูทูธ, แก้วเก็บความเย็น,และ พวงกุญแจ Booya Now มูลค่ารวม 1,499 บาท 

ส่วนออเดอร์ที่ 451 – 650 นั้นจะได้รับเป็นหูฟัง TWS Air 1 Pro มูลค่า 599 บาท (เฉพาะสั่งซื้อใน Shopee เท่านั้นนะ)