ต้องบอกว่าหัวกระไดไม่แห้งเลยจริงๆ สำหรับ iPhone 11 Pro Max เพราะตั้งแต่ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก็โดนคนจับไปทดสอบนู่นทดสอบนี่ ไม่ว่าจะเป็น Drop Test, หน้าจอ รวมถึงเรื่องกล้องและการถ่ายภาพ ล่าสุดสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวก็ถูกจับมาทดสอบความเร็วในการเปิดแอป (Speed Test) โดยมีคู่แข่งเป็น Galaxy Note 10+
ผู้ทดสอบรอบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้าเดิมกับตอนคลิป Drop Test นั่นก็คือ PhoneBuff โดยก่อนจะไปถึงการทดสอบมาดูสเปคกันก่อนดีกว่าว่าทั้งสองมีสเปคเหมือนหรือแตกต่างกันตรงส่วนไหนบ้าง
จะเห็นว่าสเปคของ iPhone 11 Pro Max นั้นมี RAM น้อยกว่า Galaxy Note 10+ คือ 4GB กับ 12GB เรียกว่าห่างกัน 3 เท่าเลยทีเดียว แต่ Apple ก็ประกาศเอาไว้บนเวทีงานเปิดตัวว่าชิปเซ็ต A13 Bionic แรงที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนปัจจุบัน และระบบปฏิบัติการ iOS 13 ที่ Apple ปรับปรุงประสิทธิภาพมาแล้วและสามารถเปิดแอปได้ไวกว่าเวอร์ชั่นเดิมถึง 2 เท่า
มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มต้นมา Galaxy Note 10+ ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดีกว่าพอสมควรเลย เปิดแอปได้ไวกว่าฝั่ง iPhone 11 Pro Max อยู่ประมาณ 1 แอปเต็มๆ
ทว่า.. พอผ่านไปสักพัก iPhone 11 Pro Max กลับเร่งเครื่องแซง Galaxy Note 10+ ชนิดที่ว่าทิ้งห่างไป 1-2 แอปเลยทีเดียว
ผ่านครึ่งแรกไป ดูเหมือนกว่า Galaxy Note 10+ จะยังไม่ตื่น โดน iPhone 11 Pro Max แซงไปแบบถ้าเป็นฟุตบอลก็น่าจะ 4-1 หรือ 5-1 ไปแล้ว..
Galaxy Note 10+ คงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแน่ๆ เพราะเผลอแปปเดียว จากที่โดนนำไป 4-5 แอป กลับมาตีตื้นในช่วงโค้งสุดท้ายได้สำเร็จ
จนกระทั่งในที่สุด.. ต้องขอบอกว่าพลิกล็อคจริงๆ ตอนแรกคิดว่า iPhone 11 Pro Max จะเข้าวินแบบใสๆ แล้ว แต่ Galaxy Note 10+ กลับแซงเอาชนะแบบดื้อๆ ซะงั้น โดยทำความเร็วเหนือฝั่ง Apple อยู่ราวๆ 6 วินาทีด้วยกัน
ทั้งนี้ก็น่าจะมาจากการที่ Galaxy Note 10+ นั้นอัด RAM มาให้มากถึง 12GB ขณะที่ iPhone 11 Pro Max ใส่มาเพียงแค่ 4GB เท่านั้น.. แต่ถึงอย่างไรสมาร์ทโฟนทั้งสองเครื่องก็ถือว่าเป็นอีกสองรุ่นในตลาดที่สเปคและฟีเจอร์แทบจะไม่เป็นสองรองใครเลย ถือว่าเป็นการทดสอบกันเล่นๆ ขำๆ แล้วกันเนอะครับ ถึงเวลาใช้งานจริงๆ ก็เร็วแรงด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้ว
ที่มา: PhoneBuff
ยังมีแข่งกันได้อีกเยอะ 🙂 🙂
ลอง Rander video สิรู้เลย
รุ้ว่าอะไร
ชิพแรง แต่แพ้แรมตอนท้าย
แบบนี้ควรเอา CPU Exynos 9825 มาทดสอบด้วยนะครับ เพราะ Snapdragon 855 เครื่องศูนย์ไทยไม่เอามาขาย ???
ลองกับคิรินดูสิ55
สมัยนี้เขาทดสอบความแรงด้วยการเปิดแอพหรอ
cpuใช้เปิดแอพเร็วช้านั้นไม่ถึง20% ที่เหลือ ความเร็วอ่านเขียนข้อมูลล้วนๆ
ยกตัวอย่างpc i3+ssd กับ i7+hdd ผมว่ายังไงi3+ssdก็เปิดแอพได้เร็วกว่า แบบนี้สรุปได้ว่าi3แรงกว่าi7สินะ
การทดสอบนี้สรุปได้แค่ว่า รอมของ iphone อ่านเขียนช้ากว่าandroidแค่นั้น นอกนั้นสรุปอะไรไม่ได้เลย
การตลาดมันแข่งกันได้ทุกอย่างละคับ อันไหนส่วนไหนแพ้ก็ยอมรับไปเถอะะะ
เหมือนๆว่าผมดูจากไหนไม่รู้ว่ามีพรีเซนในงานว่า…ตัวนี้นั่น สเปคนั่นนี่…ทำให้เปิดแอพเร็วขึ้น 20%นา…
คือถ้าเขายกขายเขาพูดได้หมดละก็เหนือกว่านิ แปลกตรงไหน
ส่วนคอมอ่ะมันไปใส่เปลี่ยนได้ แต่มือถือตอนนี้มันเอามาเปลี่ยนเองง่ายๆไม่ได้โปรดอย่าเทียบกันอย่างนี้
อ่าาาานั่นไงในเนื้อเรื่องด้านบนก็มีบอกว่าในงานมีบอกว่าชิพตัวนี้ทำให้เปิดแอพได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 2เท่า การตลาดน่ะเอาหมดแระคร้าบบบ…(นี่เร็วขึ้น2เท่าแล้วนะ)
มั่วมากครับ เกือบทุกแอพเลยเวลาการเปิดแทบไม่ต่างกันมาก เอาจริงๆจาก 16 แอพ 7แอพ ที่ note10+ เร็วกว่าด้วยซ้ำ แต่ที่ช้ากว่ากันมากคือแอพที่ใช้ storage speed เยอะๆ แบบ Word, Excel แสดงว่าจริงๆแล้วรอมของ 11 Pro Max มันแรงกว่าครับ (NVME กับ UFS) เรนดงเรนเดอร์ ก็แทบไม่ได้ต่างกันเลย
นี้ละหน่อ ทำไม Apple ไม่วาง ram 6GB มาบ้าง
ออกมาเต้น เอ้าออกมากเต้น 😀
ถ้าเทียบ ROG Phone 2 คงไกลกว่านี้เป็นเยอะ
ไม่ได้ตามเรื่องระบบ iOS มากนัก แต่เท่าที่รู้แต่ก่อน iOS เป็นระบบ Multi Tasking หลอกๆ
ในขณะที่ Android เป็น Muti Tasking แท้ๆ
มาดูทดสอบตามคลิปนี้ แสดงว่า iPhone 11 ก็ยังคงทำงานบนพื้นฐาน Muti Tasking หลอกๆเช่นเดิม
คือเปิดแอพรอบแรก เขาทำได้เร็วมากจริงตามที่คุย แต่พอเปิดแอพรอบสอง Note10
มันเอาแอพทุกอย่างไปรอเป็นแบคกราวน์หมดแล้ว
ตรงนี้จะว่า iPhone ช้ากว่า หรือหลอกลวงก้คงไม่ใช่เสียทีเดียว แต่ Criteria ในการทดสอบ
มันเอื้อให้ Note10 เท่านั้นเอง
เหมือนเคยอ่านเจอว่า iphone ไม่เคยเป็น multitasking แอพแบบจริงๆจังๆ ปกติการทำงานของ ios จะให้ความสำคัญกับแอพที่เปิดบนหน้าจอมากที่สุด เพื่อให้ประสบการณ์การใช้ของผู้ใช้ออกมาดีสุดมันจะแบ่งทรัพยากรไปพื้นหลังน้อยมากๆ มันเลยเป็นสาเหตุที่ไอโฟนไม่ต้องอัดสเปคลงไปที่แรมเยอะๆ แบบแอนดรอยด์ ส่วนแอนดรอยด์ถ้าไม่เคลียร์แรมมันจะอืดมากเวลาเปิดแอพค้างไว้เยอะๆ เพราะพื้นหลังแอนดรอยด์มันทำงานเยอะกว่าไอโฟน อันนี้ถ้าเทียบกับไอโฟน ไอโฟนไม่ค่อยมีปัญหานะเวลาเปิดแอพทิ้งไว้เยอะๆ ขนาดปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่มันก็ไม่เคลียร์ให้นะ เพราะมันไม่ทำงานพื้นหลัง มีน้อยมากจนแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่มันจะเรียกแอพนั้นเร็วขึ้นถ้าเคยเปิดทิ้งไว้ก่อน
5555 ไหนบอกว่าแรงไง
เอาจริงๆ ความเร็วใช้จริงมันก็ไม่ต่างกันมากหรอก ใช้ทั้งสองยี่ห้อ ความสามารถแต่ละยี่ห้อก็ไม่เหมือนกัน มันแล้วแต่คนชอบ เพราะเราคงไม่ได้ซื้อไปแข่งความเร็วกับใคร