ผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์กันไป แน่นอนว่าหลายคนพกมือถือไปเล่นน้ำด้วยความมั่นใจเพราะมีฟีเจอร์กันน้ำ รวมถึง iPhone XS และ XS Max ที่ต่างก็บอกว่ากันน้ำ IP68 ลงน้ำได้ลึกถึง 2 เมตร ได้ 30 นาที แต่ดูเหมือนว่าจะความมั่นใจนั้นจะทลายลง จบเทศกาลแล้วต้องเจ็บตัวมาเสียค่าซ่อมกันต่อ เพราะเครื่องพังน้ำเข้าซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่ากรณีแบบนี้ศูนย์ไม่รับประกัน และมีค่าเสียหายสำหรับซ่อม iPhone แต่ละรุ่นนี้กว่าสองหมื่นบาท
โดยมีสองเคสที่ดังและแชร์กันอย่างกระหน่ำผ่านทาง Facebook ในช่วงสงกรานต์ คนนึงเป็นเซเล็บดาราชื่อดังอย่างคุณหนิง ปณิตา ส่วนอีกคนคือคุณ Toon Aticha ทั้งคู่ต่างบอกว่านำเอา iPhone XS และ XS Max ไปใช้งานและโดนน้ำเพียงเล็กน้อย เครื่องก็พังลง ไม่สามารถใช้งานได้อีก ทั้งที่ตัวแบรนด์เองได้โฆษณาเอาไว้ว่า iPhone ทั้งสองรุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ เมื่อนำเอาไปเคลมก็แน่นอนว่าทางศูนย์ได้ปฎิเสธถึงการรับประกัน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทางผู้ใช้นำเอาไปโดนน้ำมาเกินมาตรฐานหรือไม่นั่นเอง
รายละเอียด iPhone XS และ XS Max เสียหายจากการโดนน้ำ และไม่อยู่ในการรับประกัน
จากเคสแรก เป็นของคุณหนิง ปณิตา นักแสดงชื่อดังได้ไลฟ์ผ่านแฟนเพจของตัวเองในกรณีที่ iPhone รุ่นล่าสุดจากคลิปน่าจะเป็นรุ่น XS (มีคุณสมบัติกันน้ำ IP68) ถูกน้ำกระเด็นใส่ตอนรดน้ำดำหัวเพียงเล็กน้อยแล้วเครื่องมีปัญหาเจอน้ำเข้า จึงนำมาเข้าศูนย์บริการลูกค้า Apple และได้มีการพูดคุยกับผู้จัดการ แต่ทางศูนย์ไม่มีการรับประกันความเสียหายในกรณีที่น้ำเข้าเครื่อง จึงต้องเสียค่าเปลี่ยนเครื่องใหม่จำนวน 21,000 บาท ทำให้คุณหนิงถึงกับเกิดอาการงงหนักมาก
พร้อมทั้งได้ระบายผ่านข้อความทาง Facebook NingPanita Fanpage ว่า iPhone ที่มีคุณสมบัติลงน้ำได้ 1 เมตรนั้นได้โฆษณาเกินจริง ทำให้คนที่ดูโฆษณาอาจเข้าใจผิดว่าเอาลงน้ำหรือโดนน้ำได้ คนยอมจ่ายแพงเพราะหวังจะได้คุณภาพสินค้าที่ดีขึ้น แต่นี่ดันราคาแพงและคุณภาพถอยลงซะงั้น พอคุณหนิงถามศูนย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาดันใช้คำว่า “ทนน้ำ” คือลงน้ำได้ แต่ถ้าโดนน้ำมันอาจจะกระเด็นไปโดนบางจุดที่ทำให้ในซึมเข้าไปในตัวเครื่องได้.. ยิ่งมึนเข้าไปอีก พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับอีกยี่ห้อนึงที่คุณหนิงใช้อยู่ว่าทำไมโดนน้ำเต็มๆ แล้วไม่เป็นอะไรเลย ก่อนจะปิดท้ายข้อความ “ลงน้ำ กับ น้ำกระเด็น อะไรรุนแรงกว่ากัน?”
อีกเคสนึงเป็นของลูกค้า iPhone XS Max (มีคุณสมบัติกันน้ำ IP68) เจ้าของ Facebook Aticha Toon PS ที่นำเครื่องออกมาถ่ายบรรยากาศช่วงสงกรานต์เท่านั้น ทำให้เครื่องโดนน้ำเพียงวันเดียว หลังจากนั้น 1-2 วันเครื่องยังปกติแต่ Face ID พังแสกนหน้าไม่ได้ และวันที่ 3 เปิดเครื่องได้แต่จอพังไม่มีภาพบนจอ พร้อมทั้งบอกว่า ประกันเหลือ 6 เดือน แต่ต้องจ่ายค่าเปลี่ยนเครื่อง 22,000 บาท ซื้อเครื่องมา 5 หมื่นกว่ารวมจ่ายค่าเปลี่ยนเครื่องก็ 8 หมื่นกว่าบาทแล้ว ทำให้ตัวเองรู้สึกโกรธเหมือนโดนหลอกที่ทางค่ายมือถือโฆษณาว่ากันน้ำได้ 1 เมตรแต่กันไม่ได้จริง พร้อมทั้งเตือนคนอื่นๆ ให้ระวังด้วย
กันน้ำได้ แต่ไม่รับประกัน เรื่องเก่าเล่าซ้ำของทุกแบรนด์
เรื่องค่ายมือถือโฆษณาฟีเจอร์กันน้ำในโทรศัพท์เป็นเรื่องที่เราได้พูดคุยกันมาโดยตลอด ว่าถ้าเกิดมีน้ำเข้าเครื่องไม่ว่ายี่ห้อไหน ทางศูนย์ก็จะปรับให้สิ้นสุดการรับประกันทันที โดยไม่ต้องสืบต่อ เหตุก็เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวผู้ใช้นำเอาไปลงน้ำเกินกว่าข้อจำกัดรึเปล่า โดยไม่ได้คำนึงว่าตัวเครื่องจะมีข้อบกพร่องหรือ defect ใดๆ เรียกว่ายกประโยชน์ให้ตัวแบรนด์เองทั้งสิ้น จนต้องคิดว่าตอนซื้อและตรวจรับเครื่องต้องเอาถังน้ำไปสำหรับหย่อนทดสอบหา defect รึเปล่า
ซึ่งจากการตรวจสอบกรณีคุณมีปัญหาน้ำเข้าเครื่องแล้วจะต้องส่งซ่อมจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่นั้น เราได้เช็คลองราคาโดยประมาณมาได้ความว่า Samsung S10+ และ Huawei P30 pro จะมีค่าซ่อมจะอยู่ที่ราว 10,000 – 15,000 บาท ซึ่งถึงเวลาเข้าศูนย์จริงอาจจะแพงขึ้นกว่านี้ได้อีก กรณีที่มีชิ้นส่วนอื่นพังตามไปด้วยนะ ยังไงก็ใช้มือถือกันอย่างระมัดระวังไม่เอาไปโดนน้ำจะปลอดภัยที่สุดค่ะ
AppleCare+ จ่ายเพิ่ม เพื่อเจ็บน้อยลง กรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
สำหรับผู้ใช้สินค้า Apple หลายคนน่าจะพอรู้กันอยู่แล้วว่า Apple มีขายแผนการรับประกันสินค้าด้วย ซึ่งก่อนหน้าจะขายเป็นแบบต่ออายุการรับประกันออกไป โดยจะครอบคลุมเพียงความผิดปกติจากการผลิต หรือสินค้าถึงอายุการใช้งานเท่านั้น ถ้าเสียภายในระยะเวลารับประกันก็จะเคลมเปลี่ยนอะไหล่ หรือเปลี่ยนเครื่องให้เลยทันที ซึ่งล่าสุดประมาณเดือนที่ผ่านมา มีแผนการรับประกันใหม่ Apple Care+ ออกมา ซึ่งจะครอบคลุมถึงการซ่อมแซมกรณีเกิดอุบัติเหตุด้วย ไม่ว่าจะทำตกจอแตก หรือหล่นลงน้ำจนเครื่องพังแบบกรณีนี้ โดยผู้ใช้จะต้องเสียเงินซื้อประกันจำนวนตามแต่ละผลิตภัณฑ์ไป ดังนี้
- iPhone 7, 8 – 5,000 บาท
- iPhone 7 Plus, 8 Plus – 6,200 บาท
- iPhone XR – 6,200 บาท
- iPhone XS, XS Max – 8,300 บาท
- iPad mini – 2,500 บาท
- iPad, iPad Air – 2,500 บาท
- iPad Pro – 4,500 บาท
- Apple Watch Series 4 – 3,000 บาท
- Apple Watch Series 4 Hermès – 3,700 บาท
และถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา ก็ต้องเสียเงินเพิ่มเติมอีกตั้งแต่ 1,000 บาท กรณีหน้าจอแตก หรือถ้าเครื่องใช้งานไม่ได้เลยแบบสองกรณีนี้ก็จ่ายเพิ่ม 3,300 บาท ซึ่งถ้าคำนวณดูแล้วก็ถูกลงกว่าถ้าไม่ซื้อประกันเยอะทีเดียว แถมได้ประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปีอีกด้วย
ก็ไม่รู้จะเรียกว่าคุ้มดีรึเปล่า เพราะนอกจากที่เราต้องจ่ายค่าเครื่องที่แพงกว่าชาวบ้านเค้า 30-50% แล้ว ยังต้องเสียเงินซื้อประกันเครื่องเพิ่มอีกเกือบ 20% ของมูลค่าสินค้าอีกต่างหากอะนะ อ้อ แล้วการซื้อประกันนี้สามารถซื้อได้หลังจากที่เราซื้อ iPhone แล้วภายใน 60 วันเท่านั้นนะ ถ้าหลังจากนั้นเค้าจะไม่ให้ซื้อละ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ยังไงลองตรวจสอบกันอีกทีได้จ้า
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AppleCare + และรายละเอียดเงื่อนไข
แหม คนซื้อไอโฟนรวยอยู่แล้วนิ เงินเดือนแสนอัพทั้งนั้นเลย
เครื่องผมก็ไปเหมือนกัน ค่าเปลี่ยนเครื่อง 22,200 บาทนะครับ
การที่โฆษณาว่ารองรับ IP68 และกันน้ำได้ แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถกันได้อย่างที่โฆษณา ลูกค้า หรือผู้เสียหาย จะมีช่องทางในการร้องเรียนเรียกค่าเสียหายไหมครับ เช่นผ่านทางสคบ. หรือทางศาลปกครอง?
ศาลปกครอง ใช้สำหรับฟ้องหน่วยงานราชการครับ ไม่ใช่เอกชนฟ้องเอกชน
ถ้าตอนซื้อร้านยอมให้เทสจุ่มน้ำด้วย กลัวว่ามันจะดับเอาตอนออกจากร้านไปแล้วนะสิ
กลับมาเคลมเขาก็คงไม่รับ
คงต้องจุ่มแล้วนั่งเล่นในร้านจนร้านปิด เพื่อความชัวร์
ผมว่าไม่ควรมีมันนะ มาตรฐานกันน้ำip68ที่มีอยู่ในส่วนของการประกันเครื่อง มันทำให้เราเข้าใจผิด และทำให้ผู้ใช้ๆเครื่องอย่างประมาท คิดว่าเครื่องเรามีip68นะ..บลาๆ จะโดนน้ำ นิดๆ ล้างๆ จุ่มๆบลาๆ…น้ำอะไรๆก็ได้ไม่ต้องห่วงเครื่องเรามีประกัน….ผลสุดท้ายเป็นไงละตายเรียบบบบ เพราะถ้าเอาไปเคลมศูนย์ ศูนย์มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าโดนน้ำเพราะอะไร เพราะตกน้ำลึกหรือเพราะโดนน้ำกระเด็นหรือสาดมาโดน น้ำหนักข้อสรุปก็น่าจะรู้ๆกันเพราะศูนย์ไม่มีทางยอมเสียอก็น่าจะรู้ๆกันเพราะศูนย์ไม่มีทางยอมเสียอะไรง่ายๆฟรี….
จริงๆมันสมควรจะไม่มีการโฆษณาเรื่อง ip68 มากกว่า ไม่ใช่มาบอกว่ามีแล้วมาบอกว่าไม่รับประกัน
ตลกอีกอย่างเวปที่เมกาบอกกันน้ำแต่ไทยมาดัดว่าทนน้ำตลก
Galaxy fold ไม่มี IP68 ครับ ไม่กันน้ำกันฝุ่น ผมดูช่อง Lew Later เค้าว่าที่มีก้อนอะไรใต้จอของ The Verge เพราะคนรีวิวชอบเอาดินเหนียวหรือดินน้ำมัน (ในคลิปเค้าเรียกว่า clay) มาติดหลังเครื่องเวลาถ่ายรูป มันจะได้ตั้งท่าแปลกๆได้ ทีนี้เวลากางจอดินพวกนี้คงติดเข้าไปข้างใน ซึ่งถ้าเป็นมือถือที่มี IP68 เค้าก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องระวังเรื่องพวกนี้เพราะมีมาตรฐานรับรองไว้ ซึ่งคนก็ชินกับเรื่องพวกนี้ รวมถึงการดึงกันรอยออกทำให้จอพัง
แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจก่อนว่า IP68 มันได้แค่ไหน การมี IP68 ไม่ได้ทำให้เครื่องคุณ indestructible พังไม่ได้สักหน่อย คุณต้องมีการตรวจตราดูแลว่า ซีลกันน้ำเสื่อม หรือยัง ได้ทำหล่นจนมีรอยแยกตรงไหนหรือไม่ หรือเอาไปใช้เกิน IP68 เช่น ใช้กับน้ำแรงดันเยอะเกิน ใช้กับน้ำเกลือน้ำทะเลหรือเปล่า หรืออยู่กับความชื้นนานเกินไป
สรุปคือ IP68 บอกคุณว่ามือถือคุณกันได้ระดับนึงแต่ก็ต้องรีบเช็ดออกอย่าเอาไปใช้แบบเอ็กส์ตรีมเกินไปครับ
เป็นเรื่องตลกๆ กันน้ำแต่ไม่รับประกันน้ำเข้า
ที่ตลกสุดๆ คือ คอมเม้นที่บอกว่า มาใช้แบรนด์นี้สิ หนูเอาจุมน้ำไม่เป็นอะไร 555555
มีแบรนด์ไหนในไทยที่น้ำเข้าแล้ว ยังอยู่ในเงื่อนไขรับประกันมั้ย?
มันกลับไปหา Mr. Jobs แล้ว… เหอๆ
ส่วนอันนี้ realme3 มี ซีลยาง ที่ usb กะ Jack หูฟัง
https://www.google.com/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=1&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwiJ2bP7gNvhAhVqxFkKHRVgAJ4QtwIwAHoECAgQAQ&url=httpswww.youtube.comwatchv-FiFACJBfRQ&usg=AOvVaw2sLH5IUb1QC21t5GyJZcoR
เจอแบบนี้เข้าไปนี่ ผมนึกถึงสมัยใช้ Sony z3 compact เลย
ตอนนั้น Sony โฆษณาโทรศัพท์ที่มีคุณสมบัติกันนั้ของตัวเองเป็นจุดเด่น
หนังโฆษณาก็แสดงให้เห็นว่าลงน้ำได้อย่างชัดเจน
ผมซท้อมาสองวันก็เอาลงไปถ่ายในสระว่ายน้ำจุ่มลงไปประมาณ 50 cm ครั้งเดียว
วันถัดมา ฝ้าขึ้นกล้อง หูฟังเสียบแล้วไม่มีเสียง จากนั้นก็ส่งเคลมศูนย์ Sony
ศูนย์ก็ดีเปลี่ยนบอร์ดให้ใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ผมว่าแล้วแต่รุ่นแล้วล่ะครับ อันนี้หมายถึงทุกแบรนด์เลยนะ อาจเจอ defect ก็สวยไป ผมเคยใช้ XPERIA Z จุ่มน้ำในแก้ว ถ่ายรูปในสวนน้ำ เพลิน ๆ ทุกอย่างปกติดีมากครับ ได้รูปสวยๆ ด้วย
ชัดเจนครับกันน้ำได้ กันน้ำออกมาจากเครื่อง
Moto สมัยก่อนออกมารุ่นนึง ก็กันจริง ปมใข้ Note 8 กับ S9+ ก็กันจริง (คือแบบว่าเอาเข้าไปในสวนน้ำเลยนะ ไม่ใช่สาดโดนแบบคุณหนิง) ไม่เห็นมีปัญหาอะไร มันคือความห่วยเองของการผลิตรึเปล่า แล้วจะมาโฆษณาทำไมว่ากันได้
เคยเจอซัมซุง Note 8 ตอนโดนเอาไปจุ่มน้ำหนักๆเนี่ย น้ำมันเข้าไปใน รู USB-C เครื่องไม่ยอมให้ charge ต้องไปหา cotton but ของเด็ก หรือสำลีพันไม่จิ้มฟัน มาแหย่ หรือไม่งั้นก็รอซัก 2-3 วัน ใช้ wireless charge เดี๋ยวแห้งเอง
ทุกวันนี้ ผมยังแปลกใจ
เวลา คนเอาเรื่อง ฟีเจอร์ กันน้ำ IP67/68 มาเป็นเรื่องตัดสินใจ ซื้อเครื่องใหม่
เอาตรงๆ ผมว่า มันมีก็เหมือนไม่มีอะ น้ำเข้ามา ก็ต้องจ่ายเต็มอยู่ดี
เครื่อง Electronic พวกนี้ ต้องใช้แบบระวังๆ ไม่ให้โดนน้ำอยู่ละ
อย่างเค้าว่าแหละ
กันน้ำได้ แต่ไม่รับประกัน เรื่องเก่าเล่าซ้ำของทุกแบรนด์
เห็นหลาย ๆ ยี่ห้อ โฆษณาว่า กันน้ำ สุดท้ายโอ้ละพ่อ ถ้า QC ไม่ดีก้อจบ โชคร้ายตกไปอยู่กับผู้บริโภคที่หลงเชื่อคำโฆษณาว่า กันน้ำได้จริง
เคยเห็นคนคอมเม้นว่า "xiaomi ทำให้กันน้ำได้ก่อนนะ…."
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจคำโฆษณาให้มากหนัก
คิดว่านะ อีกหน่อยยังไงเราก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน
หาซองกันน้ำมาใส่เพื่อความชัวร์ดีกว่า
อย่างน้อยก็น่าไว้ใจกว่ามือถือกันน้ำ 🙂 🙂