JD.com แพลตฟอร์มซื้อขายของออนไลน์ เตรียมถอนธุรกิจออกจากประเทศไทยและอินโดนีเซีย หลังจากที่พยายามบุกตลาดฝั่งนี้มานานหลายปีแต่ไม่ได้ยอดตามเป้า พร้อมจะหันกลับไปประเทศโฟกัสกับตลาดที่ประเทศจีนบ้านเกิดแทน จากการวิเคราะห์คาดว่าเป็นผลพวงมาจากเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายกันมากขึ้น และการไม่ปรับตัวธุรกิจให้เหมาะสมกับประเทศเป้าหมายครับ

รายงานนี้ก็มาจากสื่อของจีน สำนักข่าว Xiaguangshe ที่อ้างว่ามีแหล่งข้อมูลสองรายให้รายละเอียดมา ระบุว่า JD.com ได้ลงทุนไปในตลาดอินโดนีเซียและไทยไปร่วม 1 หมื่นล้านหยวน หรือราว 5 หมื่นล้านบาทในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

โดย JD Central ของประเทศไทยนั้นได้พยายามถอนตัวออกจากการทำธุรกิจร่วมกับเครือเซ็นทรัล ที่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันไปเมื่อปี 2017 ส่วน JD.ID ของอินโดนีเซียก็พยายามหานักลงทุนมาเข้าซื้อกิจการแทนธุรกิจร่วมระหว่าง JD กับ Provident Capital Partners

JD

ซึ่งที่ผ่านมา JD.com ต้องเจอมรสุมธุรกิจหลายลูก ทั้งมีการออกแคมเปญช่วง Covid-19 ที่ไม่มากเพียงพอ, การไม่ปรับธุรกิจให้เข้ากับตลาดของไทยและอินโดนีเซีย เนื่องจากการตัดสินใจทางธุรกิจนั้นมักมาจากผู้บริหารในจีน

ทำไม JD จะเลิกทำธุรกิจในไทย

ส่วน JD Central ที่ไทยเรานั้นก็ได้มีการดำเนินงานที่ขาดทุนมาตั้งแต่เปิดตัว จากรายงานของไทยพบว่าขาดทุนไปแล้วราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้เซ็นทรัลเรียกผู้บริหารที่รับผิดชอบกลับไปแล้วหลายคน จากการดำเนินงานที่ไม่สำเร็จผล

และแน่นอนว่าตลาด e-commerce ในไทยนั้นก็มีความดุเดือด โดยร้าน Central หลักเองนั้นสามารถดึงลูกค้าได้มากกว่าเว็บ JD Central ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังต้องแข่งกับสองเจ้าตลาดอย่าง Shopee และ Lazada ที่มียอดผู้ใช้งานสูงนำหน้าไปไกล

ส่วน JD.ID ที่อินโดนีเซียก็ไม่สามารถแข่งขันราคากับทาง Shopee, Lazada, Tokopedia, Bilibili และ, Bukalapak ของโซนนั้นได้เลยครับ

ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า JD ของไทยเราเมื่อถอนตัวออกจากธุรกิจร่วมจาก Central แล้ว จะหันไปจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์อื่น จะทำธุรกิจเองเดี่ยว ๆ หรือจะยังไงต่อไป ต้องรอประกาศจากทาง JD.com เองอีกทีครับ

ล่าสุดทาง JD Central ประกาศแล้วว่าจะหยุดให้บริการในไทย 3 มีนาคม 2566

ที่มา : scmp