ตอนนี้กระแสเกม MOBA อย่าง League of Legends: Wild Rift เรียกว่าำกำลังมาแรงจริง ๆ ใครที่เป็นมือใหม่เกมประเภทนี้ หรือจะเป็นแฟนเกม MOBA อื่น ๆ อยู่ แต่อยากมาลองเกมใหม่บ้างก็น่าจะสงสัยกันว่า Champion ตัวนี้เป็นสายอะไร, มีทั้งหมดกี่สาย หรือตัวไหนน่าเล่นบ้าง ฯลฯ วันนี้ Droidsans ก็เลยจะมาอธิบายให้ฟังว่า Champion ในเกม LoL: Wild Rift มีกี่สาย แต่ละสายทำหน้าที่อะไรได้ และตัวไหนที่เด่นที่สุดในแต่ละสายครับ
ตำแหน่งในการเล่น
ก่อนจะไปทำความเข้าใจสายของแต่ละ Champion เราต้องเข้าใจก่อนว่าตำแหน่งแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่ทำอะไรได้บ้าง และ Champion ไหนที่สมควรไปอยู่ตำแหน่งนั้น ๆ ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็จะคล้ายกับเกม MOBA ทั่วไปนั่นแหละ โดย Wild Rift ก็มากับแผนที่ที่มี 3 เลนพร้อมพื้นที่ป่าของแต่ละฝั่ง
ซึ่งการจัดทีมที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้เรียกว่า Standard Lane ประกอบไปด้วย Solo Lane ลุยเดี่ยว (เลนบารอน, เลนบน), Mid Lane (เลนกลาง) , Jungle (ป่า) , และ Duo Lane ลุยกับเพื่อน (เลนมังกร, เลนล่าง)
ตำแหน่ง Standard Lane แบบที่กล่าวไปข้างต้นถือว่าเป็นการฟอร์มทีมที่เป็นที่นิยมที่สุดมาเป็นเวลานานมาก ๆ แล้ว และถูกใช้อย่างกว้างขวางทั้งในการเล่นแบบธรรมดาทั่วไป ไปจนถึงการแข่งแบบมืออาชีพ ซึ่งแต่ละตำแหน่ง ก็จะมี Champion แต่ละประเภทที่จะเก่งในเรื่องที่แตกต่างกันไปครับ
ประเภทของ Champion
Carry หรือ Marksman โจมตีแรง ระยะไกล
น่าจะถือว่าเป็นตำแหน่งในดวงใจของใครหลาย ๆ คนอย่างตำแหน่งแครี่ยิงไกลที่เน้นสกิลส่วนใหญ่ไปที่การทำดาเมจโจมตีระยะไกลที่รุนแรง และต่อเนื่องสามารถ Scale ได้ดีมากตั้งแต่ต้นเกม ไปจนเลทเเกม ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ และต้องปกป้องที่สุดในทีมเพราะ Carry สามารถกำจัด Champion ฝ่ายตรงข้ามจากนอกวงได้เวลามีการตะลุมบอนเกิดขึ้น ทำให้มีผลมากต่อการแพ้ชนะในเกม แต่ที่คอยปกป้องก็เพราะมีข้อเสียอยู่ที่ความเปราะ อาจโดน Champion ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาลอบฆ่าได้ และสกิลอื่น ๆ สำหรับเอาตัวรอดที่อาจจะมีน้อยทำให้ดูแลตัวเองยากในช่วงต้นเกม ส่วน Champion น่าเล่น 3 ตัวในตำแหน่งนี้ที่เราแนะนำได้แก่
Ashe
Champion สุดคลาสสิคเน้นการโจมตีระยะไกลเป็นหลักมาพร้อมสกิลที่ช่วยรีดดาเมจการตีธรรมดาได้ อีกทั้งยังมีสกิล Passive ที่ทำให้ศัตรูติด Slow ทุกครั้งที่โจมตี ตบท้ายด้วยสกิล Ultimate สตันระยะไกลที่ยิงได้ไกลจนสุดแผนที่ เอาไว้ช่วยเปิด Fight ระยะไกล หรือเอาไว้สตันศัตรูที่จะเข้ามาหาเพื่อเปิดทางหนีได้ นอกจากนี้ Ashe ยังเป็นสายแครี่เลทเกมที่เน้นอรรถประโยชน์จากสโลว์เป็นหลัก แถมยังมาพร้อมกับพลังโจมตีที่สูงไม่น้อยหน้า แครี่ตัวอื่นเลย
Miss fortune
อีกหนึ่ง Carry ที่เล่นง่าย และน่าลองมาก มีสกิลการโจมตีในเลนที่รุนแรง และระยะไกลมากกับสกิล Double Up ที่จะยิงกระสุนระเบิดชิ่งครีปไปหาเป้าหมายด้านหลังพร้อมบวกพลังโจมตีให้แรงขึ้นถ้าครีปตัวแรกตาย พ่วงมากับสกิล Ultimate ยิงกระสุนเป็นกรวยขนาดใหญ่ที่มีความรุนแรงมากอีกทั้งยังสามารถติด Critical ได้อีกด้วย ทำให้ Miss Fortune เป็นแครี่ที่สามารถทำดาเมจได้เยอะมากใน Teamfight และในช่วงยืนเลน แต่มีข้อเสียตรงที่ Miss Fortune เป็นแครี่ที่ค่อนข้างเปราะบาง และไม่ค่อยมีสกิลในการเอาตัวรอดเท่าไหร่ ถ้าหากเผลอออกไปอยู่เดี่ยว ๆ แล้วโดน Assassin หรือ Champion ที่มีสกิลติดสโลว์เล่นงาน รับรองว่ารอดยาก
Jinx
ตัวเอกของ League of Legends ที่เห็นกันเยอะมากทั้งในวิดิโอโปรโมต และโปสเตอร์ต่าง ๆ ซึ่ง Jinx ก็ถือว่าเป็นแครี่ที่ครบเครื่องมากในการรีดดาเมจทั้งระยะใกล้ และไกล อีกทั้งยังมาพร้อมสกิล Crowd Control (CC) หลากหลายแบบช่วยให้สามารถ Kite (วิ่งหนีไป ยิงไป) อีกฝั่งได้อย่างง่ายดายด้วย แถมยังมี Passive เมื่อได้ Kill หรือ Assist แล้ว Jinx จะยิงเร็ว และวิ่งไวขึ้นเหมือนผีบ้าเป็นเวลาชั่วขณะนึง ทำให้สามารถไล่ฆ่าเป้าหมายได้ดีมากใน Teamfight ยิ่งช่วงเลทเกมแล้วซื้อของที่ +พลังโจมตี หรือ Critical เยอะๆ จะกลายเป็น Champion ที่หยุดยากมาก ๆ ตัวนึงเลยครับ
Mage โจมตีด้วยพลังเวทย์หลากหลาย
ตำแหน่งนักเวทย์เลนกลางที่เก่งเรื่องการทำดาเมจเวทย์ระยะไกลทั้งแบบวงกว้าง และเน้นโจมตีเป้าหมายเดียว แถมมาพร้อมสกิล CC หลากหลายรูปแบบเพื่อเอาไว้ป่วนฝั่งตรงข้ามซึ่ง Mage ก็จะมีรูปแบบการเล่นหลัก ๆ เป็น 2 รูปแบบได้แก่ Control Mage ที่เน้นการสร้าง CC เพื่อป่วนฝั่งตรงข้ามแบบเป็นกลุ่ม และ Poke Mage ที่เชี่ยวชาญเรื่องการปล่อยสกิลตอดศัตรูจากระยะไกล ซึ่งแต่ละแบบก็ต้องใช้วิธีเล่น และทีมที่แตกต่างกัน 3 ตัวในตำแหน่งนี้ที่แนะนำได้แก่
Lux
เป็น Champion ที่โดดเด่นในเรื่องการสร้างความเสียหายจากระยะไกลด้วยสกิลวงกว้างมากมาย มีทั้งสกิลล็อคที่จะหยุดฝั่งตรงข้ามได้ 2 วินาที (เวลา 2 วินาทีในเกม เป็นอะไรที่นานมาก ๆ) และมีสโลว์วงกว้างที่สามารถ Poke และสร้างจังหวะให้ทีมได้ดี แถมยังมีสกิล Ultimate สุดแรงที่สามารถยิงแสงเลเซอร์ทำลายล้างได้ไกลสุดแผนที่อีกด้วย ถือว่าเป็นตัวเหมาะกับคนเล่นใหม่มาก ๆ เพราะมีสกิลที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน แต่ด้วยความที่สกิลทั้งหมดเป็น Skill ที่ต้องอาศัยจังหวะในการเล็ง และกะเวลา (Skill Shots) ทำให้ต้องใช้ทักษะในการเล่นระดับหนึ่งเพื่อให้สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้
Ahri
เป็น Champion ที่ตกอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะสามารถเล่นได้ทั้ง Mage แท้ ๆ ไปจนถึง Assassin ทำให้ Ahri เป็น “Mage Assassin Hybrid” มีสกิลหลักที่เป็น True Damage (ทะลุเกราะเวทย์) ทำให้สามารถละลายตัวแท้งค์ได้ ส่วนสกิล 2 ที่เล็งเป้าหมายให้เอง และสกิล Charm ที่เป็น CC ทำให้ศัตรูเดินเข้ามาหาเรา เพื่อให้สามารถคอมโบด้วยสกิลอื่นต่อ ๆ กันได้ ตบท้ายด้วยอัลติเมตที่ทำให้ Ahri สามารถพุ่งไปในทิศทางที่ต้องการ 3 ครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง สามารถไล่ฆ่าอีกฝั่งแล้วยังพุ่งหนีออกมาได้อีก ทำให้ Ahri สามารถสับเปลี่ยนสไตล์การเล่นได้ตลอดเวลา ทั้งเมจที่อยู่แถวหลัง, กลาง, ไปจนถึง Assassin ที่เข้าไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเก็บเป้าหมายหลักก็สามารถทำได้
Annie
Mage สาย Control อย่างเต็มตัวที่มีความโดดเด่นเรื่องการสตันทั้งแบบหมู่และแบบเดี่ยว มาจาก Passive ที่จะเพิ่มความสามารถของการใช้สกิลครั้งที่ 4 ทุกสกิลให้ติดสตันได้ ทำให้ Annie เป็นเมจที่น่ากลัวมากเมื่อสกิล Ultimate กับสกิล Passive ที่พร้อมใช้งาน เพราะ Annie สามารถพลิกไฟท์ที่กำลังเสียเปรียบให้กลับมาได้เปรียบจากการกะจังหวะใช้ Ultimate ดี ๆ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สำหรับใครที่กำลังหาตัวเมจเลนกลางที่เล่นไม่ยากแถมมีประโยชน์หลากหลาย ลองหยิบ Annie ไปลองเล่นกันได้ครับ
Tank รับดาเมจให้เพื่อนร่วมทีม
ตามชื่อที่ทุกคนเข้าใจกัน Tank คือตำแหน่งที่ทำหน้าที่เป็นโล่รับดาเมจให้กับทีม มาพร้อมสกิลรับดาเมจ และ CC มากมายที่เอาไว้ป่วนฝั่งตรงข้ามในทีมไฟท์ และทำการยื้อเวลาให้ Carry ฝั่งเราสามารถทำดาเมจกับศัตรูได้นานที่สุดนั่นเอง ซึ่ง Tank ก็สามารถยืนได้ทั้งตำแหน่ง Duo-lane และ Solo Lane ตามตัว Champion เลยซึ่งก็มีดังนี้
Malphite
Champion สายแท้งค์ที่เกิดมาเพื่อรับดาเมจกายภาพโดยเฉพาะ กับสกิล CC มากมายที่จะแรงขึ้นตามจำนวนเกราะที่มี พ่วงกับ Passive สกิลที่จะเพิ่มจำนวนเกราะเป็น 2 เท่า โดยเมื่อ Passive หลักทำงาน จะทำให้ Malphite เป็นตัวแท้งค์ที่สามารถรับมือกับ Champion สายโจมตีกายภาพได้ดีมาก ตบท้ายด้วยสกิลอัลติเมตที่จะโดดไปหาฝั่งตรงข้ามแล้วยกทุกคนขึ้นรอบข้างเป็นช่วงเวลาหนึ่ง โดยถือว่าเป็นหนึ่งในสกิลเปิดไฟท์ที่ดีที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ แถม Malphite ยังสามารถออกของเวทย์แล้วเล่นเป็นแนว Assassin โจมตีแรง ๆ โหด ๆ ได้อีกด้วยนะ
Singed
ในเกม League of Legends มีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่งว่า “อย่าวิ่งตาม Singed” เพราะจะมีแต่เสียกับเสียแน่นอน 🤣 ซึ่ง Singed เป็น Champion สายแท้งค์ที่เก่งเรื่องการปั่นหัวฝั่งตรงข้ามด้วยสกิล CC จำพวกสโลว์ และสกิลที่โดนแล้วค่อย ๆ เสียพลังชีวิตไปเรื่อย ๆ (Damage Overtime) ซึ่งมีความรุนแรงกว่าที่คิดมาก ๆ อีกทั้งยังมี Ultimate ที่เปิดแล้วจะวิ่งเร็วพร้อมฟื้นฟูพลังชีวิตเรื่อย ๆ ทำให้ Singed เป็น Champion สายแท้งค์ที่เด่นเรื่องการทำให้อีกทีมหัวร้อนจากการวิ่งไล่ตาม เพราะสามารถวิ่งหนีฝั่งตรงข้ามพร้อมทั้งเปิดสกิลทิ้งควันพิษดาเมจรุนแรงต่อเนื่องไปตลอดทางได้…บางทีจะวิ่งไล่ฆ่า Singed แต่ดันสำลักควันพิษตายกลางทางก็มีนะ
Dr.Mundo
ถ้า Malphite เป็น Champion สายแท้งค์กายภาพเป็นหลัก Dr.Mundo ก็จะเป็นแชมป์เปี้ยนสายกันเวทย์เป็นหลักแทน เพราะมาพร้อมพลังชีวิตที่เยอะมาก ๆ บวกกับสกิลที่ช่วยให้ประสิทธิภาพ CC และดาเมจเวทย์จากศัตรูน้อยลง แต่มีข้อสังเกตอยู่ที่ Mundo จะใช้เลือดในการใช้สกิลแทนมานา แต่จะได้เลือดคืนทุกครั้งที่สกิลโดน ทำให้ต้องเล็งแม่น ๆ เวลาจะใช้สกิลต่าง ๆ ซึ่งข้อเสียตรงนี้จะหายไปทันทีเมื่อเปิดสกิลอัลติเมตเพราะ Dr.Mundo จะทำการฟื้นฟูพลังชีวิตเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสุด ๆ เวลาเข้าตะลุมบอน หรือจะใช้ตอนวิ่งหนีเพื่อพลิกสถานการณ์ก็ยังได้ เพราะหากออกไอเท็มที่ช่วยในการป้องกันและฟื้นฟูพลังได้แล้ว แม้แต่ Champion 2 ตัวช่วยกันรุมตีก็ยังไม่ยอมตาย
Support ช่วยเหลือทีมไม่หวัง Kill
ซัพพอร์ตถือว่าเป็นตำแหน่งที่ปิดทองหลังพระมาก ๆ เพราะมีหน้าที่หลักในการปกป้อง Carry ของทีม และคอยซัพพอร์ตทีมด้วยสกิลสนับสนุนมากมายไม่ว่าจะเป็นสกิล CC หรือ Buff ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ทีมสามารถทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งซัพพอร์ตก็จะแบ่งประเภทการเล่นเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ ได้แก่ Babysitter (ซัพพอร์ตพี่เลี้ยง) และ Engager (ซัพพอร์ตเปิดไฟท์)
Alistar
เป็นซัพพอร์ตสายแท้งค์ที่มาพร้อมกับ CC และสกิลสนับสนุนมากมายทั้งเอาไว้เปิดไฟท์ และป้องกัน Carry ของทีมทั้งสกิล 1 ที่ยกศัตรูรอบ ๆ ขึ้น และสกิล 2 ที่ทำการผลักศัตรูไปในทิศทางที่เล็งไว้ และสกิล 3 ที่เก็บ Stack จากการกระทืบพื้นแล้วสามารถตีเพื่อสตันฝั่งตรงข้ามได้ ทำให้ Alistar เป็นตัวละครที่ CC เยอะมาก ปิดท้ายด้วยสกิลอัลติเมทที่จะช่วยลดดาเมจเป็นเปอร์เซ็นต์ทำให้ Alistar เป็นซัพพอร์ตที่อึดมาก ๆ ตัวนึงเลย
Janna
เป็นตัวซัพพอร์ตที่โดนระบุในเกมว่าเป็น Mage (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม 🤣) แต่ Janna โดยแก่นแท้แล้วเป็นซัพพอร์ตแนวพี่เลี้ยงแบบเต็มตัวที่มีสกิลติดโล่ให้เพื่อนพร้อมเพิ่มพลังโจมตี ทำให้เป็นตัวที่เหมาะกับการยืนเลนคู่กับแครี่มาก ๆ อีกทั้งยังมีสกิลอัลติที่ผลักศัตรูออกจากวงพร้อมทั้งฮีลทีมตัวเองเป็นจำนวนมาก ทำให้ Janna เป็นอีกหนึ่งซัพพอร์ตที่สามารถพลิกไฟท์ได้ดีมาก ๆ ตัวหนึ่งเลยทีเดียว เหมาะกับผู้เล่นใหม่ ๆ ที่กำลังหัดเล่นมาก ๆ
Nami
Nami เป็นตัวซัพพอร์ตที่ครบเครื่องมากอีกตัวหนึ่ง ด้วยสกิล CC ที่หลากหลายทั้ง สโลว์ และสตัน อีกทั้งยังสามารถฮีลฝั่งตัวเองพร้อมทั้งทำดาเมจฝั่งตรงข้ามในเวลาเดียวกันได้ แถมอัลติเมตยังปล่อยคลื่นขนาดใหญ่เป็นวงกว้างทำให้ศัตรูลอยขึ้นพร้อมทั้งติดสโลว์สุด ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ Nami เป็นหนึ่งในตัวซัพพอร์ตระดับ Top-tier ที่สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งปกป้องแครี่ฝั่งเรา และเปิดไฟท์ให้กับทีมได้ในเวลาเดียวกันนั่นเองครับ
Fighter/Bruiser นักสู้พร้อมดวลตัวต่อตัว
Fighter เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่สามารถเล่นเป็น Carry ของทีมได้ไม่ว่าจะเป็นการ Split-push แยกดันป้อมจากคนละฝั่งของทีมเพื่อดึงความสนใจ ไปจนถึงการล้วง Carry หรือ Mage ตัวสำคัญ ๆ ของอีกฝั่งเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีมก็สามารถทำได้ ซึ่ง Fighter ส่วนใหญ่จะเป็น Champion ที่เชี่ยวชาญในการโจมตีระยะใกล้ สร้างความเสียหายอย่างมากในขณะที่สามารถรับดาเมจได้พอประมาณหรือจะดูดเลือดเพื่อยืดไฟท์ให้ยาวขึ้นก็ยังได้ อีกทั้งยังเป็น Champion ที่เก่งเรื่องการ 1-on-1 ที่สุดในเกมอีกด้วย
Fiora
เป็น Fighter สายตีใกล้มาพร้อมกับความสามารถในการทำดาเมจแบบ True Damage (ทะลุเกราะ) ตามเปอร์เซ็นต์เลือดฝั่งตรงข้าม พ่วงมาด้วยสกิลพุ่ง Lunge ที่คูลดาวน์น้อยใช้ได้บ่อย อีกทั้งยังมีสกิล Riposte ที่สามารถกัน CC แล้วสะท้อนเป็นสตันใส่ฝั่งตรงข้ามได้ ทำให้ Fiora เป็น Duelist (Champion ตัวต่อตัว) ที่สามารถต่อสู้ 1-on-1 กับ Champion ได้ทุกตัวถ้าออกของได้พอ ๆ กันแล้ว แต่จะได้เปรียบที่สุดเมื่อสู้กับ Tank เพราะ อัลติเมตที่สร้างความเสียหายเป็น True Dmg ตามเปอร์เซ็นต์พลังชีวิตสูงสุดนั่นเอง (ยิ่งพลังเยอะยิ่งเจ็บหนัก) แต่ทว่า Fiora เป็น Champion ที่อาศัยความชำนาญในการเล่นพอสมควรไม่ว่าจะเป็นการใช้ Riposte ในจังหวะที่ถูกต้อง ไปจนถึงการใช้อัลติเมตที่ต้องรวดเร็ว เพราะฉะนั้นควรหัดสกิลต่าง ๆ ให้คล่องก่อนที่จะเข้าไปลองของจริงกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ครับ
Garen
อีกหนึ่ง Fighter ที่ได้ฟรีเมื่อเริ่มเกม ด้วยสกิลที่เข้าใจง่าย และมีประโยชน์ทำให้ Garen เป็น Champion ที่เหมาะมากสำหรับผู้เล่นมือใหม่ มีทั้งสกิลใบ้ เพื่อหยุดการใช้สกิลของศัตรู ทำให้ Garen สามารถสู้กับตัวที่จำเป็นต้องใช้สกิลเยอะ ๆ ได้สบาย อีกทั้งยังมีสกิลลดดาเมจเป็นเปอร์เซ็นต์ควบคู่มากับสกิลหมุนดาบสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ตบท้ายด้วยอัลติที่ทำดาเมจตามเลือดของศัตรูที่หายไปทำให้ Garen เป็นตัว Tank กึ่ง Fighter ที่สามารถรับดาเมจได้เยอะ และทำความเสียได้มากในเวลาเดียวกัน จะมีข้อเสียอยู่ที่โดน Kite ง่ายไปหน่อยเพราะไม่มีสกิลเคลื่อนไหวดี ๆ มาช่วยวิ่งไล่นั่นเอง
Jax
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแชมป์เปี้ยนที่เป็นฝันร้ายของแครี่ทุกตัวด้วยสกิล Counter Strike ที่จะทำให้ Jax ควงโคมไฟเพื่อกันการโจมตีทุกอย่างแล้วสตันศัตรูรอบตัวหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ทำให้ Jax เป็น Champion ที่สามารถต่อกรตัวโจมตีธรรมดาได้ดีมาก ๆ ตัวหนึ่งเลยทีเดียว มากไปกว่านั้น Jax ยังมีสกิล Leap ที่สามารถใช้ได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการกระโดดเข้าหา Champion อีกฝั่ง หรือจะกระโดดหนีหาครีปฝั่งตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
Assassins นักฆ่าที่มาพร้อมความพริ้ว
ตำแหน่ง Assassin ถือว่าเป็นอีกตำแหน่งในดวงใจของใครหลาย ๆ คน เพราะสามารถทำดาเมจได้รวดเร็วเฉียบพลัน แถมเป็นตัวที่มาพร้อมสกิลเคลื่อนไหวฉับไวจับตัวยาก มีความโดดเด่นอยู่ที่การสร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว และฆ่า Champion เปราะ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นตำแหน่งที่ผู้เล่นเก่ง ๆ มักชอบใช้กันเยอะที่สุดด้วยความสามารถในการช่วยแบกทีมที่เล่นได้ แต่ในเวลาเดียวกันหากพลาดจังหวะสำคัญ ๆ ก็อาจจะทำให้แพ้เกมได้เร็วพอ ๆ กัน
Zed
เป็น Champion สาย Assassin แบบเต็มตัวที่ถูกดีไซน์มาเพื่อลอบสังหารโดยเฉพาะ ด้วยสกิลสร้างเงาที่สามารถปล่อยสกิลได้เหมือนกับร่างต้นเพื่อสร้างดาเมจเพิ่มเติม อีกทั้งร่างต้นยังสามารถเทเลพอร์ตสลับกับร่างเงาเพื่อหลอกให้ศัตรูสับสนได้อีกด้วย แถมยังมีสกิลอัลติเมตที่จะทำดาเมจซ้ำ 75% จากดาเมจครั้งแรกที่ทำใส่ Champion ศัตรู ช่วยให้โจมตีใส่ฝั่งตรงข้ามได้รวดเร็วและรุนแรงมาก ๆ ถือว่าเป็นตัว Assassin ที่เล่นไม่ยากมาก แต่ถ้าเล่นชำนาญมาก ๆ แล้วก็จะสามารถหลอกอีกฝั่งให้หัวหมุนได้เลยทีเดียว
Akali
เป็น Assassin อีกตัวที่เป็นที่นิยมมมาก ๆ ทั้งในการแข่งขัน และในการเล่นทั่วไปมาจากสกิลการเคลื่อนไหวสุดพริ้วที่รวม ๆ แล้วมีสกิลพุ่งมากถึง 4 สกิลด้วยกัน ทำให้เป็น Champion ที่มีความพริ้วไหวมาก ๆ อีกทั้งยังสามารถรีดดาเมจเวทย์ได้รวดเร็ว ควบมาด้วยสกิลระเบิดควันที่ทำให้ Akali หายตัวได้เพื่อที่จะสามารถพุ่งเข้าหาฝั่งตรงข้ามได้แบบไม่รู้ตัว แถมสร้างความสับสนให้กับอีกฝั่งได้ด้วย แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นตัวละครที่มีความยากอยู่ในระดับหนึ่งเพราะต้องใช้ทักษะ และความสร้างสรรค์ในการปล่อยสกิลเคลื่อนไหวที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดผลสูงสุด เพื่อให้สามารถเข้าไปหาศัตรูอีกฝั่งได้นั่นเองครับ
Fizz
ถ้านับใน Champion ประเภท Assassin สาย AP (พลังเวทย์) ทั้งหมด Fizz ก็น่าจะถือว่าเป็นตัวละครที่เล่นง่ายที่สุดในสายนี้แล้ว ด้วยสกิลดาเมจหลักที่สามารถใช้งานได้ง่ายดายไม่ซับซ้อนแถมยังสามารถหลบสกิลอันตรายต่าง ๆ ด้วยสกิล Trickster ที่ทำให้ Fizz อยู่ในสถานะอมตะชั่วขณะ ช่วยให้ Fizz เป็นแอสซาซินที่สามารถเข้าออกไฟท์ได้อย่างง่ายดาย สำหรับใครที่กำลังหาตัว Assassin เล่นง่าย ๆ ต้องลองซื้อมาเล่นรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
เหล่า Champion ที่เราแนะนำในคราวนี้ ไม่ใช่ Champion ที่เก่งที่สุดในเกมนะครับ เพราะว่าแต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป บางตัวที่เราคิดว่าเก่ง ว่าโหด ก็อาจจะแพ้ทางตัวที่เราคิดว่าอ่อนก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องลองเล่นดูว่าเราเหมาะสมกับ Champion ตัวไหน หรือสายไหน และเหนือสิ่งอื่นใดคือทีมที่ดีนั่นเองครับ ถ้าหากเราเก่งอยู่คนเดียวแต่ไม่มีการสื่อสารที่ดีกับทีม เล่นตำแหน่งแบบไม่สนใจเพื่อน ฯลฯ รับรองว่าเก่งยังไงก็แพ้ทีมที่วางแผนดีแน่ๆ…เอาเป็นว่าขอให้โชคดีในสังเวียน Wild Rift แล้วกันครับ และถ้าหากเรามี Tips & Tricks ดี ๆ อีก ก็จะเอามาบอกกันแน่นอนครับ
Comment