หลังจากที่ได้เปิดให้คนทั่วโลกบางส่วนได้ลองเล่นกันไปบ้างแล้วในช่วง Closed-beta ตอนนี้ League of Legends: Wild Rift ก็ได้เปิดให้เล่น Open-beta ทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อย สามารถไปดาวน์โหลดมาเล่นได้เลยในตอนนี้ แต่หลาย ๆ คนที่กำลังเล่น MOBA เกมอื่น ๆ อย่าง ROV, Mobile Legends หรือ Vain Glory อยู่ก็อาจจะมีคำถามว่า ทำไมถึงต้องเปลี่ยนมาเล่น League of Legends: Wild Rift กันใช่ไหม วันนี้ Droidsans จะมาเล่าให้ฟังกันครับ

1. Wild Rift เป็นเกม MOBA บนมือถือที่ตัดฟีเจอร์ออกไปน้อยที่สุด

ด้วยความที่ League of Legends: Wild Rift เป็นเกมที่โอนถ่ายมาจากเวอร์ชัน PC แต่อย่างไรก็ตาม เกมนี้ไม่ได้เป็นการพอร์ตมาโดยตรงนะ แต่ถูกพัฒนามาตั้งแต่เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ระบบเกมสามารถเล่นบนมือถือได้ง่ายเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังคงฟีเจอร์ และระบบแผนที่ที่ยังเป็นแบบ League of Legends อยู่

อีกทั้ง Champion ในเกมทุกตัวก็ยังขยับ และเล่นได้เหมือนกับในเวอร์ชันใน PC เป๊ะ ๆ เลย แต่ตัว Wild Rift ได้มีการพัฒนาโมเดล และอนิเมชั่นให้มีความสดใหม่มากขึ้น แถมยังปรับแต่งสกิลบางสกิลของเวอร์ชันมือถือให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงเสน่ห์ความยากของตัวละครในเกมไว้อยู่เหมือนกัน

2. อิสระในการเล่น และออกของที่หลากหลาย

หน้าร้านค้า item ใน Wild Rift

League of Legends เป็นเกมที่มีไอเท็มจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ สามารถเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ  โดยไม่มีของที่ต้องออกตายตัวเสมอไป เป็นเพราะว่าในประวัติศาสตร์ League of Legends เวอร์ชัน PC ก็ได้มีคนหัวใสมากมาย คิดค้น Build ของ item แปลก ๆ ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่เวิร์ค แต่สุดท้ายกลายเป็น Meta (แข็งแกร่งที่สุดในแพทช์นั้น ๆ ) สร้างความปวดหัวให้ผู้พัฒนาต้องมาตามเนิร์ฟอยู่หลายต่อหลายครั้งไป

แถมยังมีตัวละครหลายตัวที่มีสกิลที่ทำความเสียหายเป็นเวทย์ทั้ง ๆ ที่สกิลหลักเป็นกายภาพ ก็สามารถสลับเปลี่ยนมาออกของเวทย์ได้อีกด้วย ไม่แน่คุณอาจจะเป็นคนคิดค้น Build ใหม่เจ๋ง ๆ จนถูกใช้อย่างแพร่หลายก็เป็นได้ 😁

3. ระบบค่าสเตตัสที่เข้าใจง่าย สามารถสับเปลี่ยน การออกของได้ตามต้องการ

หน้าสเตตัสของตัวละคร และ Tool Tips ของสกิล

League of Legends มีค่าพลัง และสเตตัสที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน แบ่งออกหลัก ๆ เป็น กายภาพ (Attack Damage) และ และ พลังเวทย์ (Ability Damage) ซึ่งผู้เล่นก็สามารถดูได้ใน Tool Tips ว่าสกิลไหนเป็นเวทย์ และสกิลไหนเป็นกายภาพเพื่อจะสามารถออก item ได้อย่างตรงสาย อีกทั้งของแต่ละชิ้นก็มีเอฟเฟกต์พิเศษที่จะเสริมความแกร่งให้กับ Champion บางตัวเป็นพิเศษช่วยแก้สถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นของตัดฮีล (Gravious Wounds) ที่มาช่วยรับมือกับ Champion ดูดเลือด ไปจนถึง ไปจนถึงของช่วยลดค่าสถานะต่าง ๆ มาแก้เกมตัวที่มีตัว Crowd Control (สถานะผิดปกติต่าง ๆ) ได้อย่างอยู่หมัด

4. ระบบ Item กดใช้งาน ที่จะพลิกสถานการณ์ได้ทุกเมื่อ

ตัวอย่าง item ประเภทกดใช้งาน

นอกจาก Item ที่เพิ่มค่าสถานะต่าง ๆ แล้ว League of Legends ก็ยังมีระบบของแบบ Active ที่ผู้เล่นสามารถซื้อมาแล้วกดใช้งานได้ทุกเมื่อเป็นเหมือนสกิลเสริม เพื่อพลิกสถานการณ์ให้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบได้โดยหลัก ๆ จะมีดังนี้

5. Champion ในทีมสามารถ Combo กันได้มากมายหลายตำแหน่ง

อีกจุดที่น่าสนใจของ League of Legends: Wild Rift ก็จะเป็นในเรื่องของ Team Composition (การจัดตำแหน่งทีม) ที่สามารถเอามาคอมโบกันได้ทั้งในเลน และในทีมไฟต์ ช่วยให้การเล่นเป็นทีมกับเพื่อนที่รู้จักกันสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก การจัดทีม และเล่นแบบสื่อสารกันดี ๆ สามารถพลิกเกมให้คุณชนะได้ตั้งแต่ช่วงยืนเลนเลยทีเดียว

ยกตัวอย่าง Champion อย่าง Yasuo ที่จะสามารถใช้สกิลอัลติเมตได้ก็ต่อเมื่อมีคนลอยใกล้ ๆ ตัวทีมก็สามารถเลือกตัวที่มีสกิลยก Knock-up ได้อย่าง Malphite หรือ Orianna เพื่อให้สามารถเล่นได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ เพียงน้อยนิดใน Champion Pool ของ League of Legends ที่น่าจะอัปเดตเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ

6. เป็นเกม MOBA ที่มี Mechanic แอบซ่อนอยู่เยอะ

ตัวอย่างลูกเตะ Insec Move (ชื่อตั้งตามผู้คิดค้นเทคนิคนี้) ที่กดสกิลอัลติก่อนแล้วค่อย Flash ตามเพื่อความรวดเร็ว

League of Legends เป็นเกม MOBA ที่น่าจะมัดใจผู้เล่นส่วนใหญ่ (รวมถึงผม) ด้วย Mechanic พิเศษ และสกิลส่วนตัวมากมายทำให้คุณสามารถสร้างสถานการณ์ที่ได้เปรียบให้กับตัวคุณเองในไฟท์ เกิด Outplay Moment ที่ทำให้ทั้งคุณ และฝั่งตรงข้ามต่างเหวอไปตาม ๆ กัน

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Flash หลังสกิลบางอย่างเพื่อเปลื่ยนทิศทางเฉียบพลัน หรือการ Cancel Animation ต่าง ๆ เพื่อซ่อนสกิลเข้าไปใน Animation ของสกิลอื่น รวมถึงเทคนิค Auto Cancels ที่จะทำการรีดดาเมจออกมาให้สูงที่สุดในช่วงตัวต่อตัวกับฝั่งตรงข้ามทำให้คุณสามารถชนะอีกฝั่งได้แม้ว่าอีกฝั่งจะกำลังได้เปรียบอยู่ก็ตาม (ซึ่งเราจะมาสอนเพิ่มเติมในบล็อกหน้า ๆ ต่อไป อย่าลืมติดตามกันด้วย) ทำให้ League of Legends: Wild Rift เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นสามารถเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ได้ตลอดไม่รู้จบ

7. Champion หลากหลาย ครอบคลุมทุกความชอบ และสไตล์การเล่น

League of Legends มาพร้อมกับกลุ่ม Champion ที่หลากหลาย ให้ผู้เล่นได้สามารถเลือกได้ตามความชอบ และสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Tank แนวหน้าสุดถึกทน Carry ตีไกลสุดพลิ้ว นักเวทย์ที่มีความคล่องตัวสูง ไปจนถึงตัวป่วนที่ทำให้อีกฝั่งต้องจิกหัวด้วยความหงุดหงิด อีกทั้งในกลุ่มประเภท Champion ใหญ่ ๆ ยังมีอีกหลายตัวที่สามารถสลับตำแหน่งในการเล่นไปมา ออกของ Build ที่แตกต่างเพื่อเล่นเป็นสไตล์ใหม่ได้อีกด้วย ซึ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้ Wildrift อาจจะยังมี Champion จำนวนน้อยกว่าเวอร์ชัน PC มาก แต่ถ้าอัปเดตมาครบเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่ามีตัวให้ทุกคนได้ลองเล่นกันแน่นอน

8. เป็นเกม MOBA ที่มีสกิล Active 4 สกิลพร้อม Passive ที่ทำงานร่วมกับสกิลหลัก บางตัวสามารถมีได้ถึง 8 สกิล

ด้วยความที่เกม MOBA บนมือถือถูกออกแบบให้สามารถเล่นได้ง่ายขึ้นแบบพกพา ทำให้ต้องจำกัดสกิลของตัวละครส่วนใหญ่เป็น 3 สกิลเพื่อให้ง่ายต่อการเล่น และควบคุม อย่างไรก็ตาม League of Legends Wild Rift ตัดสินใจที่จะคงความเป็น Original ของตัวเกม แล้วยังคงนำสกิลทั้งหมดมาใส่ในเวอร์ชันมือถือ เพื่อให้ผู้เล่น PC ยังสามารถเล่นแชมป์เปี้ยนตัวโปรดของตัวเองในมือถือ เหมือนที่เคยเล่นใน PC เลย

9. League of Legends สามารถเลือก Spell ไปใช้งานได้เกมละ 2 ชนิด

หน้าเลือก spell ต่าง ๆ สามารถใช้ได้เกมละ 2 Spell พร้อมกัน

สำหรับใครที่คุ้นเคยกับ ROV มาบ้างแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าผู้เล่นสามารถเลือกสกิลที่เรียกว่า Talents มาใช้ได้ 1 อย่าง แต่ใน League of Legends ผู้ใช้งานสามารถเลือก Spells มาใช้ได้ถึง 2 อย่างพร้อมกัน ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงสไตล์ และรูปแบบการเล่นเกมได้อย่างที่ใจต้องการ ซึ่งมาตรฐานแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะหยิบ Flash (Flicker ใน ROV) พร้อม Spell อะไรก็ได้ตาม Champion ที่เล่น อีกทั้งเรายังสามารถเลือก Spell เพื่อไปแก้ทางตัวละครบางตัวได้อีกด้วย เช่นการหยิบ Ignite ที่มีเอฟเฟกต์ในการลดการรักษาไปสู้กับ Champion ที่มีสกิลฮีลหรือดูดเลือด ไปจนถึงการหยิบ Exhaust เพื่อเอาไปใช้ลดดาเมจตัว Assassin ชั่วขณะได้อีกด้วย

10. Champion ทุกตัวมีจุดอ่อน/แข็ง ที่ชัดเจน

แผนผังแสดงความได้เปรียบ/เสียเปรียบ (เขียวคือได้เปรียบ แดงคือเสียเปรียบ)

League of Legends ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว Champion ทุกตัวในเกม (ส่วนใหญ่) มีจุดอ่อนจุดแข็งที่ชัดเจน ผู้เล่นสามารถเลือกตัวมาแก้ทางได้ตามสถานการณ์ หรือจะออกของเพื่อมาทำให้ได้เปรียบมากขึ้นก็ทำได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการจะแก้ทางอีกฝั่งนั้น จำเป็นต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเกมค่อนข้างมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการกดดันเลน คุมมินเนี่ยน ไปจนถึงการหลบสกิลต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารสร้างความได้เปรียบให้กับตนเองในสถานการณ์สำคัญ ๆ ได้นั่นเองครับ

11. มีระบบ Ward แบบเต็มรูปแบบ วางที่ไหนก็ได้

ตัวอย่างการกด Ward ในพุ่มไม้เพื่อดูเส้นทางการเดินของศัตรู

อีกจุดที่ยังไม่เคยเห็นเกม MOBA บนมือถือที่ไหนเคยทำมาก่อนก็น่าจะเป็นในส่วนของระบบ Vision แบบเต็มรูปแบบเหมือนในเวอร์ชัน PC ซึ่งใน League of Legends Wild Rift ก็มาพร้อมกับระบบ Vision Ward ที่ให้ผู้เล่นสามารถวาง Ward ไว้ในจุดต่าง ๆ ของแผนที่ได้อย่างอิสระเพื่อที่จะสามารถวางแผน ป้องกันการแก๊ง ไปจนถึงคอยตามป่าฝั่งตรงข้ามว่าอยู่ส่วนไหนของแมพ เพื่อที่จะสามารถเล่นแบบเสี่ยง ๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวโดนแก๊ง อีกทั้งท้ายเกมเรายังสามารถวาง Ward เหล่านี้ไว้ในจุดสำคัญต่าง ๆ เช่นมังกรหรือบารอนเพื่อที่จะสามารถไปก่อกวนได้หากฝั่งตรงข้ามตัดสินใจที่จะเก็บ Objective

12. กราฟิกสวยงาม เอฟเฟกต์สบายตามองเห็นง่าย

อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน แต่จากความรู้สึกส่วนตัวผมว่า League of Legends: Wild Rift มีกราฟิกที่สวยงาม แถมยังทำสีแผนที่ และตัวละครออกมาให้สามารถแยกออกกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มองง่ายสบายตา แม้อยู่ในไฟท์วุ่นวาย ก็ยังสามารถมองเห็นได้ไม่มีปัญหาเลย

13. Champion ทุกตัวมีราคาเท่ากัน ไม่ต้องเติมเงินจริงก็สามารถเก็บตัวละครที่ต้องการเล่นได้

หน้าซื้่อ Champion ที่มีราคา 5,500 เท่ากันทั้งเกม ไม่มีตัวไหนที่แพงกว่า

ต่างกับเกม MOBA มือถือในตลาดทั่วไป ตอนนี้ League of Legends: Wild Rift มีตัวละครให้เลือกมากมายหลายตำแหน่ง แต่ต้องบอกนะว่าตัวละครทุกตัวมีราคาเท่ากันทั้งหมด แถมการเก็บเงินเพื่อซื้อตัวก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ซึ่งจากที่ลองเล่นมาราว ๆ 1 สัปดาห์ เล่นไปรวม ๆ ทั้งสิ้น 32 เกม ตอนนี้ผมได้ตัวใหม่มารวม ๆ เกือบ ๆ 5 ตัวแล้ว แถมยังมีกิจกรรม และเควสแจกตัวถาวรอีกมากมายที่จะอัปเดตมาให้เราได้เล่นเรื่อย ๆ อีกด้วย

เห็นแบบนี้แล้วใครที่สนใจก็สามารถไปรีบโหลดมาเล่นกันได้เลยนะครับทั้งใน App Store และ PlayStore อีกทั้งต่อจากนี้จะมีเดี๋ยวทีมงานจะทำ Content เกี่ยวกับ League of Legends Wild Rift ออกมาเรื่อย ๆ สำหรับใครที่สนใจก็รอติดตามกันได้เลยครับ 😁