ปกติเวลารีวิวมือถือแต่ละตัวก็จะมีการเอาตัวอย่างภาพมาให้ได้ดูกันอยู่แล้ว แต่หลายๆครั้งเราก็มีเรื่องราวหลังภาพถ่ายเหล่านั้นที่อยากเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน เลยเป็นที่มาของเนื้อหาแนวใหม่ที่เราอยากลองผสานเอาการรีวิวมือถือมาเล่ารวมกับเนื้อหาของสถานที่ที่เราไปเพื่อให้เพื่อนๆได้รับอรรถรสที่เต็มอิ่มไปพร้อมๆกัน ยังไงฝากลองอ่านกันดูแล้วคอมเม้นต์กันได้เลยนะคะ

ก็ขอเปิดประเดิมคอนเทนต์แนวใหม่ของเราด้วยโจทย์จาก Huawei ที่เพิ่งเปิดแคมเปญใหม่ให้ทุกคนได้ร่วมกันสร้างสถิติโลกกับ Guinness World Records ในชื่อ #ThaiPicStory โดยใช้ Huawei P10 ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไทยและเรื่องราวของคนไทย นำมาแชร์ให้ทุกคนได้รับรู้และประทับใจร่วมกัน และจะรวบรวมเรื่องราวผ่านภาพถ่ายทั้งหมดนี้ มาจัดแสดงภาพถ่ายแบบดิจิตอลจากประเทศไทยที่มีจำนวนภาพมากที่สุด ภายใต้แนวคิด “The People of Thailand”  ซึ่งหลังจากที่ได้โจทย์มา เราก็เริ่มหาข้อมูล แล้วก็ค้นพบจังหวัดจังหวัดหนึ่ง ที่มีเรื่องราวและความน่าสนใจแฝงอยู่ในทุกมุมเมืองเลยค่ะ

ถ้าพูดถึง “ลพบุรี” นอกจาก “ลิง” แล้ว เราก็ไม่มีภาพจำอะไรเกี่ยวกับ “ลพบุรี” อีกเลย และก็คิดว่าหลาย ๆ คนก็อาจจะเคยคิดแบบเดียวกับเรา แต่อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์..

ISO50, 1/293s, f1.8

ออกเดินทางจากกรุงเทพเพียง 2 ชั่วโมง บนเส้นทางถนนหมายเลข 32 สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งกว้างใหญ่ เห็นวิวแบบนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะหยิบเอา Huawei P10 Plus ขึ้นมาลองประสิทธิภาพกล้องหลัง ที่ Huawei ออกแบบร่วมกับทาง Leica ให้กล้องหลังทั้งสองตัวเก็บความละเอียดและสีสันได้คมชัดสมจริง

วิ่งลงไปกลางทุ่งหญ้าที่กำลังมีฝูงวัวกลุ่มใหญ่กำลังเล็มหญ้าอย่างมีความสุข เห็นภาพที่ได้มีสีท้องฟ้าสดใสแบบนี้ มีทิปส์ถ่ายท้องฟ้าง่ายๆมาฝากกัน

  • ชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ออกมา
  • หันนิ้วโป้งไปทางพระอาทิตย์
  • เล็งกล้องไปทางฝั่งนิ้วชี้ ซึ่งฟ้าในฝั่งตรงข้ามนิ้วโป้งนี้จะเป็นฟ้าที่มีสีฟ้าจัด และสีสวยที่สุด

ใช้โหมดพาโนราม่า เพื่อเก็บภาพทุ่งกว้างไร้ตึกและเสาไฟบดบัง

ISO50, 1/1538s, f1.8

มุ่งหน้าเข้าสู่กลางเมืองลพบุรี หักเลี้ยวรถจอดข้าง “พระปรางค์สามยอด” สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สุดฮอตฮิตของลพบุรี

สำหรับลพบุรี หรือ “ละโว้” เป็นเมืองที่เก่าแก่ เป็นอาณาจักรโบราณ ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองอำนาจมาก่อน ถ้าใครที่เคยมาเยี่ยมเยือนเมืองนี้ ก็จะได้เห็นสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านเมืองที่ได้รับอิทธิพลมาจากขอมและศาสนาพุทธศาสนามหายาน เห็นได้ชัดจากเศษซากโบราณสถานต่างๆ ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นในยุคปัจจุบัน

ซึ่งในบริเวณใจกลางเมืองลพบุรีนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของลิงกว่า 5 สายพันธุ์ ทั้ง ลิงแสม ลิงวอก ลิงกัง ลิงเสน ลิงวอกภูเขา บางส่วนก็เป็นลูกครึ่ง เรียกว่าที่นี่เป็นอาณาจักรของลิงที่ใหญ่ที่สุดในไทยเลยก็ว่าได้ โดยจะอาศัยอยู่ในบริเวณพระปรางค์สามยอด, ศาลพระกาฬ, ตึกและอาคารพาณิชย์โดยรอบ ไปจนถึงแถวบริเวณสี่แยกเอราวัณ ซึ่งลิงที่เห็นอยู่นี้ จะแบ่งฝูงกัน และมีการกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา

ก่อนจะไปลุยลพบุรีครึ่งหลัง เราขอเติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวเจ้าดัง ที่คนพื้นที่ Recommend อย่าง “ร้านโกกุ่ยก๋วยเตี๋ยวเป็น รสเจ็บ” แค่ชื่อก็ทำเอาสะดุดหูตั้งแต่ได้ยินครั้งแรก งั้นเจ๊คะ! ขอรสเจ็บๆ 2 ชาม จัดไป!

น้ำซุปรสเข้มข้น กลิ่นหอม เข้ากันได้ดีกับเส้นและเนื้อเป็ด ทำเอาก๋วยเตี๋ยวชามตรงหน้าหมดไปอย่างรวดเร็ว

 

อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไปที่อำเภอพัฒนานิคม ที่เป็นที่ตั้งของเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นั่นเอง วิวน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ตัดขอบด้วยทิวเขาสีเขียวฉ่ำ ที่เพิ่งผ่านฝนมา แม้อากาศบนนี้จะร้อนสักหน่อย แต่ก็มีลมพัดโกรกอยู่ตลอดเวลา

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

มานี่ที่นอกจากจะได้ภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ แล้ว ยังจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในลุ่มน้ำป่าสัก ที่ใช้เบ็ดตกปลาท้ายเขื่อน พี่นักตกปลาโชว์ฝีมือการเหวี่ยงเบ็ดลงไปในน้ำเชี่ยว เพียงไม่นานก็ได้ปลาซิวตัวโตมาโชว์ให้ดูแล้ว

วิถีชีวิตคนท้ายเขื่อน

เทียบอารมณ์ภาพสีและ Monochrome

ปลาซิว

ตกบ่าย.. อากาศเริ่มจะร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เราโบกมือลานักตกปลามืออาชีพ เลี้ยวรถไปทางอำเภอชัยบาดาล ที่นี่..เราเคยได้ยินข่าวมาว่า มีน้ำตกขนาดเล็กที่น้ำจะใสอยู่ตลอดปี เป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวในเมืองลพบุรี

สะพานแขวงข้ามน้ำตก “วังก้านเหลือง”

อาจะเพราะเรามาวันธรรมดา ทำให้บรรยากาศโดยรอบน้ำตก “วังก้านเหลือง” เงียบสงบ และสะอาด มีเพียงเจ้าถิ่นที่มาเล่นน้ำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

จักรยานเจ้าถิ่น

ด้วยที่เรามาหน้าฝน ทำให้น้ำตกไม่ได้มีสีฟ้าจัด แต่ถ้าใครมาช่วงปลายฝนต้นหนาว จะเจอกับน้ำสีฟ้าใสราวกระจก เพราะเนื่องจากบริเวณน้ำตกแห่งนี้ เป็นหินปูนนั่นเอง หลายคนคงสงสัยว่า แล้วทำไมถึงชื่อน้ำตกวังก้านเหลือง ทั้งๆที่น้ำออกจะเป็นสีฟ้า นั่นก็เพราะเมื่อก่อนนี้มีต้นก้านเหลือง ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ขึ้นอยู่โดยรอบน้ำตกนั่นเอง

เอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความเย็นฉ่ำไหลผ่าน แค่นี้ก็เหมือนกับได้ชาร์จพลังพร้อมลุยต่อแล้ว..

 

..หากแรงยังเหลือ เราขอท้าขึ้นเขา “วงพระจันทร์” พิสูจน์ความพยายามและความศรัทธาด้วยบันไดกว่า 3790 ขั้น

เนื่องจากเรามาถึงก็คล้อยบ่ายมากแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตุนน้ำและเครื่องดื่มเกลือแร่บรรจุใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะก้าวทีละก้าวค่อยเป็นค่อยไป ตั้งใจจะไปดูแสงสุดท้ายของวันที่ยอดเขา

ซุ้มประตูทางขึ้น

องค์พระปรางค์เชียงแสน

 

สำหรับเขาวงพระจันทร์นั้น เป็นเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 650 เมตร มีวัดเขาวงพระจันทร์ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา เป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลพบุรีเลยก็ว่าได้ ในช่วงเดือนมีนาคมของจะมีเทศกาลเดินขึ้นเขานมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะขึ้นกันในเวลากลางคืน ถ้ามองจากมุมไกลๆ จะเห็นไฟแสงขาวเป็นทางยาวเลย

แรกเริ่มเดิน 500 ขั้นแรก ยังไม่ค่อยชันมากเท่าไหร่ ยังพอจะเดินสบายๆอยู่ แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ทางก็เริ่มจะชันมากขึ้น บวกกับอากาศร้อนจัดในช่วงบ่าย ทำเอาเราต้องพักดื่มน้ำ พักขากันเป็นระยะๆ

ถ้าหากใครที่มาในช่วงวันหยุด จะเจอกันซุ้มขายของเป็นระยะๆ ตลอดทางเดินขึ้น เป็นเสมือนศาลาพักเอาแรง มีขนม นม น้ำ ยันน้ำแข็งไสบิงซู ให้คลายร้อนกัน

แต่..เนื่องจากเราไปวันธรรมดา ก็เลยเจอแต่ซุ้มเปล่าๆ ฉะนั้นถ้าใครจะมาขึ้นในวันธรรมดา อาจจะต้องวางแผนซื้อน้ำ เครื่องดื่มเกลือแร่ ผ้าเย็น หรือขนมต่างๆมาล่วงหน้าก่อนถึงวัด

 

พักจนหายเหนื่อย ก็มีแรงขึ้นต่อ นอกจากแรงกายแล้ว เรายังต้องใช้แรงใจ เอาชนะความเหนื่อยล้าไปให้ได้

ถึงแล้ว เย้!!

ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงกว่า เราก็มาถึงบนสุดของยอดเขา ภาพวิวตรงหน้า ทำเอาเราหายเหนื่อย หากมาในวันที่ฟ้าเปิดเราก็จะพบกับ ทิวเขาสูงๆต่ำๆ ลาดลงไปเบื้องล่าง มีทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา จนจรดขอบฟ้า มีองค์พระปรางค์เชียงแสน ตั้งเด่นอยู่กลางเขา วิวตรงหน้าทำเอาเราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

ด้านบนนี้เราสามารถขึ้นมาสักการะกราบรอยพระพุทธบาท, องค์เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

ซึ่งเขาลูกนี้นั้นมีตำนานของแม่นางประจันต์ ตามตำนานศึกทศกัณฑ์และพระราม โดยหลังจากเสร็จศึก มีพญายักษ์ตนหนึ่งไม่ยอมแพ้ พระรามจึงใช้ต้นกกแทนศร ยิงพญายักษ์ตนนั้นตกลงมาที่ยอดเขาแห่งนี้ ลูกศรดอกนั้นตรึงร่างพญายักษ์ไม่ให้ลุกขึ้นมาแผลงอิทธิฤทธิ์ และหากศรดอกนั้นเริ่มไม่แน่น ให้ไปเรียกหนุมาน เจ้าเมืองลพบุรีมาตรึงศรให้แน่นเหมือนเดิม แต่ศรดอกนี้กลับมีจุดอ่อน นั่นคือ หากถูกราดด้วยน้ำส้มสายชู มันจะคลายลง ทำให้ในอดีตชาวลพบุรีจะไม่เอาน้ำส้มสายชูเข้ามาในเมืองลพบุรี เพราะเกรงว่าจะถูกลูกสาวของพญายักษ์ ซึ่งก็คือ “นางประจักต์” หรือ “นางพระจันทร์” แย่งเอาไปช่วยบิดา และเมื่อหมดหนทางจะช่วยบิดาแล้ว “นางพระจันทร์” จึงตรมใจตาย ส่วนบิดาเมื่อรู้เรื่องราวดังกล่าว จึงตรอมใจตายตาม ชาวบ้านเลยพากันเรียกเขาลูกนี้ว่า เขาพระจันทร์ นั่นเอง

 

…แสงท้ายของวันค่อยๆลาลับไป เราเร่งฝีเท้าลงเขาแข่งกับแสงสุดท้าย แต่อยู่ๆก็มีเพื่อนร่วมทางแว๊นด้วยถุงกระสอบ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ถุงซิ่ง” แซงเราลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นอื่นหนึ่งภูมิปัญญาชาวบ้าน ช่วยผ่อนแรงขาลงได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเขากลับนั้น ลงได้รวดเร็วกว่าขามาหลายเท่าตัว

 

เพื่อนร่วมทาง

 

เช้าวันที่สองก่อนกลับ เราเริ่มต้นวันใหม่กันที่ตลาดสดเทศบาลลพบุรี มีคนบอกไว้ว่าถ้ายอยากเห็นวิถีชีวิตของผู้คนในถิ่นไหนๆ ให้ไปดูที่ตลาด

ตลาดสดเทศบาล

 

บรรยากาศคึกคักยามเช้า มีพ่อค้าแม่ขาย มีคนจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ทั้งของสด และอาหารปรุงพร้อมกิน

เรานั่งลงที่สภากาแฟยามเช้าหน้าตลาด มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ร้านเล็กๆแต่แน่นด้วยสารพัดเมนู ทั้งกาแฟร้อน-เย็น ไข่ลวก ปาท่องโก๋ เราสั่งไปเซ็ตใหญ่ เห็นอาหารเยอะขนาดนี้ แต่ทั้งหมดนี้เพียง 66 บาทเท่านั้น

สำหรับตลาดเช้าเทศบาลแห่งนี้จะเริ่มมาตั้งของขายกันตั้งแต่ช่วงตี 4 ลากยาวกันไปถึงช่วงสายๆ 10 โมงก็เริ่มวาย

เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในตลาด แม่ค้าแม่ขายอดไม่ได้ที่จะชวนคุยถามไถ่ ยืนคุยกันอยู่นาน มือก็คอยตักกับข้าวให้ลูกค้า พอได้ความว่าเรามาจากกรุงเทพ และกำลังจะกลับแล้ว คุณป้าก็เลยเอ่ยชักชวนเราว่า อย่าลืมกลับมาลพบุรีอีกนะ ลพบุรีมีงานเทศกาลเยอะแยะ อย่างงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ มาแต่งชุดไทยเก๋ๆทานอาหารอร่อยๆในงาน

 

..เราเลยเอ่ยปากสัญญาว่าจะกลับมา “ลพบุรี” อีกครั้งเป็นแน่

SaveSave

SaveSave

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับลพบุรีเมืองเล็กๆที่อยู่ใกล้กรุงเทพแค่นิดเดียวแต่มีอะไรให้ทำมากมายเหลือเกิน ถ้าใครมีเวลาก็อย่าลืมไปเยี่ยมเยียนเมืองนี้กันได้นะคะ แล้วมาเล่าให้เราฟังกันมั่งล่ะว่าชอบเมืองนี้อย่างที่เราชอบหรือเปล่า

สำหรับภาพทั้งหมดที่ถ่ายประกอบ blog นี้ก็มาจาก Huawei P10 Plus ทั้งหมด มีบางภาพที่ปรับแต่งสีจัดองค์ประกอบภาพเพิ่มเติมด้วยแอป Snapseed ลองใช้โหมดต่างๆทั้งโหมดโปร, monochrome, HDR, panorama แทบจะทุกฟีเจอร์ของกล้อง P10 Plus เลยก็ว่าได้ ถ้ามีคำถามเกี่ยวกับภาพไหนก็สอบถามกันมาได้เช่นกันนะคะ

สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนล่ะค่ะ บ๊ายบาย