ขึ้นชื่อว่าเป็นดีลการเข้าซื้อกิจการระหว่างสองธุรกิจระดับโลก ต่อให้โมเดลธุรกิจภาพรวมดูไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้หมด อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Netflix มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมากขึ้น หลังร่วมเป็นพาร์ทเนอร์จากการที่ Netflix ต้องการออกบริการ subscription ดูหนังแบบมีโฆษณา ในราคารายเดือนถูกลง เลยได้คว้า Microsoft ที่เก่งเรื่องโฆษณาอยู่แล้วมาช่วยดูแลส่วนนี้ให้

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะยังไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะมีรายงานว่าคุณ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ได้พูดถึงเรื่องการขยายธุรกิจครั้งใหญ่ของบริษัทฯ ในปี 2023 และทาง Microsoft ก็ได้เผยตัวเลขการลงทุนที่มีแนวโน้มจะเข้าซื้อกิจการใหม่เพิ่มในปีนั้นอีก เลยเป็นที่น่าจับตาว่าบริษัทไหนจะเป็นจุดหมายรายต่อไปกันแน่ และนักวิเคราะห์ก็คาดเดากันว่า Netflix ดูเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดตอนนี้

อย่างที่ทราบกันว่านับตั้งแต่ Satya Nadella เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ของ Microsoft ในปี 2014 (ทางสื่อ Reuters ก็แซวว่า) เขาดูจะสนุกกับการช็อปปิ้งสินค้าราคาแพงเป็นพิเศษ เพราะถ้าไล่ดูก็คือมีดีลการเทคโอเวอร์กิจการเกิดขึ้นในยุคเค้าเยอะมากจริง ๆ ตั้งแต่การซื้อบริษัทผู้พัฒนาเกม Minecraft, LinkedIn, Nuance (บริษัทพัฒนา AI สั่งงานด้วยเสียง) และล่าสุดก็คือ Activision Blizzard ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ก็จะเห็นเลยว่าแต่ละอย่างที่ซื้อนี่มูลค่าระดับหลายหมื่นล้านเหรียญทั้งนั้น ซึ่งเยอะกว่ายุคที่คนอื่นเป็นซีอีโอเป็นไหน ๆ

Microsoft ยื่นซื้อกิจการ Activision Blizzard กว่า 2.2 ล้านล้าน ขยับเป็นบริษัทเกมอันดับ 3 ของโลกทันที

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนี้ Microsoft เจอศึกหนักกรณีดีลระหว่าง Activision Blizzard ที่ส่อแววล่ม จากการถูกหลายหน่วยงานรัฐขัดขวางและฟ้องร้องในประเด็นเรื่องการผูกขาด เลยเป็นอีกฉนวนหนึ่งว่าหากดีลนั้นไปไม่รอด Microsoft อาจหันหน้ามาซบ Netflix แทน เพราะอย่างที่รู้ว่าตอนนี้ Netflix วางรากฐานเรื่องการให้บริการเกมสตรีมมิ่งบนหลายแพลตฟอร์มไว้แข็งแกร่งมาก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Microsoft ที่ต้องการผลักดันเรื่องนี้ให้กับ XBox ด้วยพอดี

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าตอนนี้คุณ Brad Smith กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Microsoft ได้นั่งเป็นบอร์ดของ Netflix ด้วย ยิ่งเป็นตัวย้ำไปอีกว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ Microsoft จะตัดสินใจคว้า Netflix มาอยู่ใต้ร่มเงาตัวเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดีลระหว่าง Activision Blizzard แล้วแหละว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะอาจเป็นตัวกำหนดชะตาที่สำคัญที่สุดของ Netflix เลย ณ ตอนนี้

 

 

ที่มา : Reuters, TechSpot